[ตอนฟรี] ตอนที่ 184 : ปีศาจสวรรค์หลุดจากผนึก
ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาส่งเสียงคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า เสียงนั้นกวาดเอาเมฆฟุ้งกระจายออกไปทั่ว
กลิ่นอายพลังสายเลือดของเขารุนแรงจนอากาศรอบตัวบิดเบี้ยวเล็กน้อย
ที่ด้านหลังของชายหนุ่ม ความเข้มข้นของพลังสายเลือดนั้นยิ่งทรงพลังกว่า กระทั่งปรากฏเงาของเทพปีศาจให้เห็นอย่างเลือนราง
เงานั้นถึงกับทำให้เฒ่าเฮ่อและนักบุญปีศาจคนอื่นรู้สึกกดดันอยู่ในใจ
มันเป็นแรงกดดันที่มาจากความต่างชั้นของสายเลือด
ราชวงศ์ปีศาจสวรรค์ถือได้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่เผ่าพันธุ์ปีศาจแล้ว
รากเหง้าของราชวงศ์ปีศาจสวรรค์เองก็เคยมีตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวอย่างจักรพรรดิปีศาจอยู่
และองค์ชายคนนี้ นอกจากจะสืบทอดสายเลือดดั้งเดิมมาจากบรรพบุรุษแล้ว ยังสามารถกระตุ้นให้สายเลือดแห่งเทพปีศาจให้ตื่นขึ้นอีกด้วย
นี่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญต่อเผ่าปีศาจทั้งมวล
“พวกเจ้าช่วยข้างั้นรึ?” องค์ชายปีศาจมองไปที่เหยียนหลูเมิ่งและคนอื่นๆ
เหยียนหลูเมิ่งยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยและเอ่ย “ข้าคือเทพธิดาแห่งวังเทพปีศาจ ข้ารับภารกิจมาจากองค์ราชินีปีศาจให้นำท่านกลับไปยังดินแดนอมตะ”
“วังเทพปีศาจเหรอ หึหึ คงเพราะสายเลือดของข้าเหมือนกับสายเลือดของเหล่าบรรพบุรุษสินะ? ไม่งั้นวังเทพปีศาจจะสนใจความเป็นความตายของราชวงศ์ปีศาจสวรรค์ของข้าทำไม?” องค์ชายปีศาจหัวเราะเยาะ
ในอดีต ตอนที่ราชวงศ์ปีศาจสวรรค์ของเขาถูกตระกูลจวินกดดันให้หลบหนีมายังดินแดนเบื้องล่าง
วังเทพปีศาจไม่กล้าแม้แต่จะผายลมออกมา นับประสาอะไรกับการยื่นมือเข้าช่วย
จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ราชวงศ์ปีศาจสวรรค์จะไม่พอใจวังเทพปีศาจ
เหยียนหลูเมิ่งที่ได้ยินก็ส่ายหัวเบาๆ และเอ่ย “ท่านเองก็รู้ว่าตระกูลจวินแข็งแกร่งขนาดไหน แถมตอนนั้นพวกท่านก็ก่อเรื่องซะใหญ่โต ต่อให้เป็นวังเทพปีศาจก็คงปกป้องพวกท่านไม่ได้”
“ช่างมันเถอะ ข้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องของอดีตนั่นหรอก” องค์ชายปีศาจโบกมือ
สายตาของเขาจ้องมองไปที่เหยียนหลูเมิ่ง
เหยียนหลูเมิ่งมีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบและรูปร่างดุจหยกแกะสลักอันไร้ที่ติ
ผิวของนางขาวเหมือนหิมะ ดูเนียนนุ่มราวกับไขมันขาว
ทรวดทรงองค์เอวของนางนั้นไม่ต้องพูดถึง
เรียวขายาวที่โผล่พ้นชายกระโปรง ถัดขึ้นไปด้านบนอีกนิด...
อืม...
แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว
“ท่านคิดว่ากำลังมองอะไรอยู่?” เหยียนหลูเมิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้าชื่อเหยียนหลูเมิ่งสินะ สาวงามแห่งวังเทพปีศาจอย่างเจ้านั้นคู่ควรกับข้า” องค์ชายปีศาจไม่ปิดบังความรู้สึกของตัวเองและพูดอย่างตรงไปตรงมา
เขามีสายเลือดของเทพปีศาจที่มีลักษณะเหมือนกับสายเลือดของเหล่าบรรพบุรุษ หากไม่ร่วงหล่น อย่างน้อยก็ต้องเติบโตเป็นขุมกำลังระดับจ้าวเทวะได้ในอนาคต
เขาย่อมมีความสำคัญต่อวังเทพปีศาจอย่างมหาศาล
เพราะแบบนี้ องค์ชายปีศาจจึงสามารถพูดอะไรก็ได้ตามใจคิด และกล้าเย้าแหย่เหยียนหลูเมิ่ง
“เรื่องไร้สาระขอให้พอเท่านี้เถอะ ตอนนี้ต้องกลับดินแดนอมตะก่อน” เหยียนหลูเมิ่งเอ่ยด้วยความเย็นชา นางพยายามรักษาความเยือกเย็นและความอดทนในใจเอาไว้
หากไม่ใช่เพราะคำสั่งขององค์ราชินี มีหรือที่นางจะเสียเวลาลงมาแดนเบื้องล่างเพื่อติดต่อกับองค์ชายปีศาจธรรมดาๆ
ถึงสายเลือดแห่งเทพปีศาจนั้นจะหายาก แต่ในยุคแห่งการแย่งชิงความเป็นใหญ่ ยังไงตัวประหลาดที่น่าสะพรึงก็จะปรากฏออกมาให้เห็นอยู่ดี
แม้แต่ในอนาคต บางทีอาจมีลูกหลานสายตรงของเทพปีศาจโผล่ออกมาให้เห็นก็ได้
องค์ชายปีศาจที่มีสายเลือดเหมือนเหล่าบรรพบุรุษเพียงเล็กน้อยจะไปมีค่าอะไรขนาดนั้น?
“ดินแดนอมตะน่ะข้ากลับแน่ แต่ก่อนอื่น ข้าต้องเข้าร่วมกับเผ่าพันธุ์โบราณแห่งอื่นเพื่อล้างบางพวกราชวงศ์ต้ายิ่นให้สิ้นซาก!” สีหน้าขององค์ชายปีศาจเต็มไปด้วยความแค้น
ห้ากองกำลังพันธมิตร นอกจากเผ่ามารโบราณและเผ่าอสูรโบราณที่ทรยศแล้ว
ความเกลียดชังระหว่างสามกองกำลังพันธมิตรและสิบเผ่าคนบาปนั้นเรียกได้ว่าแทบจะไร้ที่สิ้นสุด
องค์ชายปีศาจมีนิสัยดื้อรั้นอยู่แล้ว และราชวงศ์ปีศาจสวรรค์ของเขาก็ถูกกดขี่มานานขนาดนี้ เป็นไปได้หรือที่เขาจะไม่เอาคืนราชวงศ์ต้ายิ่น?
“ท่านช่วยหยุดก่อปัญหาได้หรือเปล่า? เกิดตระกูลจวินปรากฏตัวขึ้นมา ท่านคิดว่าจะรับมือได้งั้นหรือ?” เหยียนหลูเมิ่งมีสีหน้าเย็นชา
ใบหน้าขององค์ชายปีศาจเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่องค์ชายปีศาจสวรรค์จะกล้าพูดว่าตัวเองไม่กลัวตระกูลอันบ้าคลั่งที่ขับไล่สิบเผ่าคนบาปลงมาสู่แดนเบื้องล่างอย่างไม่ลำบาก
แต่เขาก็ปรับอารมณ์และเย้ยหยัน “ตระกูลจวินมาแล้วมันยังไง ภายใต้กฎเกณฑ์ของแดนเบื้องล่าง คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็แค่นักบุญเท่านั้น ราชวงศ์ปีศาจสวรรค์ไม่มีวันกลัว!”
เหยียนหลูเมิ่งได้แต่ส่ายหัว
ราชวงศ์ปีศาจสวรรค์ถูกคุมขังเอาไว้ในแดนเบื้องล่างมาโดยตลอด เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างในดินแดนอมตะ
องค์ชายปีศาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตระกูลจวินได้ให้กำเนิดสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวขนาดไหนออกมา
“หากบุตรพระเจ้าตระกูลจวินมาถึงในเวลานั้น ท่านคิดจะหนีคงยากแล้วล่ะ” เหยียนหลูเมิ่งเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“บุตรพระเจ้าตระกูลจวินรึ? มันเป็นใครกัน” องค์ชายปีศาจไม่เคยได้ยินมาก่อน
“รุ่นเยาว์ที่กล่าวได้ว่าแทบจะไร้เทียมทานที่สุดในดินแดนอมตะ” เหยียนหลูเมิ่งมีสีหน้าเคร่งขรึม
แม้ว่านางจะเป็นเทพธิดาของวังเทพปีศาจ มีพรสวรรค์อันสูงส่งและครอบครองกายาจักรพรรดิปีศาจ แต่เมื่อพูดถึงบุตรพระเจ้าตระกูลจวิน สีหน้าของนางกลับเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด
ถ้าเป็นไปได้ เหยียนหลูเมิ่งก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดตนนี้จริงๆ
“ตัวตนที่แทบจะไร้เทียมทานที่สุดในดินแดนอมตะ?”
แม้แต่องค์ชายปีศาจก็อึ้งไป
“เจ้าแน่ใจแล้วรึ ว่าไม่ได้หมายถึงไร้เทียมทานในแดนเบื้องล่าง แต่เป็น ไร้เทียมทานในดินแดนอมตะ?” องค์ชายปีศาจประหลาดใจ
ดินแดนอมตะนั้นกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก
เหล่ายอดฝีมือพุ่งทะยาน ราชันขับเคี่ยวสู้รบ
นับตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคปัจจุบัน ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว กระทั่งในหมู่คนรุ่นเยาว์ ที่จะถูกเรียกว่าไร้เทียมทาน
แต่ตอนนี้ เขากลับได้ยินจากเหยียนหลูเมิ่งว่าบุตรพระเจ้าตระกูลจวินนั้นไร้เทียมทาน
“เจ้ากำลังขู่ให้ข้ากลัวรึ? ดินแดนอมตะกว้างใหญ่ขนาดนี้ ใครมันจะกล้าเรียกตัวเองว่าไร้เทียมทาน ใครมันจะกล้าบอกว่าตัวเองไม่แพ้ใคร?” องค์ชายปีศาจเย้ยหยัน เขาไม่เชื่อคำพูดของเหยียนหลูเมิ่งเลย
ในความคิดของเขา เหยียนหลูเมิ่งคงพยายามขู่ให้เขากลัว
“สิ่งที่ควรพูด ข้าก็ได้พูดไปหมดแล้ว ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ท่าน ข้าแค่หวังว่าท่านจะไม่เสียใจหากเวลานั้นมาถึง” เหยียนหลูเมิ่งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฮ่าๆ วางใจเถอะ ข้าไม่เคยคิดเสียใจอยู่แล้ว หากบุตรพระเจ้าตระกูลจวินนั่นโผล่หัวมาจริงๆ ข้าจะทำให้เจ้าเห็นเองว่าใครกันแน่ที่ไร้เทียมทาน!” องค์ชายปีศาจยิ้มอย่างโอหัง ใบหน้าของเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เขามีสายเลือดของเทพปีศาจที่สืบทอดมาจากเหล่าบรรพบุรุษ ด้วยความลำพองใจที่กำลังเอ่อล้น เขาจะไปฟังคำเตือนของคนอื่นได้ยังไง
“เฮ้อ…” เหยียนหลูเมิ่งเหนื่อยหน่ายจริงๆ
นางมีลางสังหรณ์ในใจว่าการมาเยือนแดนเบื้องล่างในคราวนี้อาจสูญเปล่าแล้วก็ได้
หลังจากนั้น องค์ชายปีศาจและราชวงศ์ปีศาจสวรรค์ก็เริ่มวางแผนที่จะโต้กลับราชวงศ์ต้ายิ่น
…
ในขณะที่ทวีปมังกรแฝงกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
สถานการณ์ในทวีปดวงดาวกลับเริ่มสงบลง
นิกายเสวียนเทียนได้ยึดครองที่ตั้งเดิมของวังพิภพอนันต์ พวกเขาได้เข้ามาแทนที่วังพิภพอนันต์และกลายมาเป็นจ้าวเหนือหัวของทวีปดวงดาวโดยสมบูรณ์
นอกจากนี้ เนื่องจากชื่อเสียงของจวินเซียวเหยาและตระกูลจวิน
เหล่าอัจฉริยะจากทั่วทั้งทวีปดวงดาวต่างก็พยายามเข้ามาเป็นศิษย์ของนิกายเสวียนเทียน
ด้วยเหล่าหลุ่มสาวเลือดร้อนเหล่านี้ เป็นธรรมดาที่นิกายเสวียนเทียนจะพัฒนาขึ้นตามลำดับ
และในขณะที่นิกายเสวียนเทียนกำลังพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
มันก็มีข่าวหนึ่งที่แพร่สะพัดไปทั่วทวีปดวงดาว ราวกับลมพายุรุนแรงที่พัดผ่าน
ภายในเขตมืดมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น ลือกันว่ามันมีแสงแปลกๆ สาดส่องออกมา
ข่าวนี้ถึงกับทำให้ตัวตนที่ทรงพลังจำนวนมากในทวีปดวงดาวตกตะลึง
ขุมกำลังชั้นนำอย่างสำนักดาวตก สำนักเทพอัคคี และนิกายบัวสีชาด ต่างก็นั่งไม่ติดและเตรียมตัวที่จะเดินทาง
ภายในนิกายเสวียนเทียนแห่งใหม่
จวินเซียวเหยากำลังนั่งขัดขาอยู่ในวังแห่งหนึ่ง
เขาไม่ได้ออกจากทวีปดวงดาวและออกไปกำราบเผ่าคนบาป
เพราะเขารู้ว่ามันจะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในทวีปดวงดาวอีก
ด้านนอกของวัง เสียงของซู่จื่อฉงดังขึ้น “นายท่าน เจ้านิกายเสวียนเทียนมีบางอย่างอยากจะรายงานท่าน”
“ในที่สุดก็เกิดขึ้นแล้วสินะ?” ดวงตาของจวินเซียวเหยามีประกายแสงอันลึกล้ำวาบผ่าน
เขาคาดเดาเอาไว้นานแล้วว่าทวีปดวงดาวน่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
เจ้านิกายเสวียนเทียนเดินเข้ามา เขาป้องมือโค้งคำนับต่อจวินเซียวเหยาและกล่าว “เรียนท่านบุตรพระเจ้า ท่านกำชับให้ข้าเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงในทวีปดวงดาวมาโดยตลอด ตอนนี้ มันได้มีบางอย่างที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นในเขตมืดแล้วจริงๆ”