บทที่ 561: บริษัทลึกลับ งานพิเศษ!
ณ เมืองเมืองหนึ่งในสันนิบาติอเมริกัน ฝนที่ตกปรอย ๆ ในตอนเช้าพึ่งจะหยุดลง
หลังจากที่สตีฟกินข้าวเช้าเสร็จแล้วเขาก็ขับรถกระบะออกจากบ้านไป เมื่อสองสามวันก่อนไปสมัครงานมา และวันนี้เป็นวันเริ่มงานวันแรก
ในความเป็นจริงไม่เพียงแต่สตีฟเท่านั้นที่บริษัทนี้ตกลงรับเข้าทำงาน แต่เพื่อน ๆ อีกหลายคนจากสโมสรยิงปืนก็ได้เข้าทำงานที่นี่ด้วยเช่นเดียวกัน
บริษัทนี้เป็นบริษัทดังระดับโลก ได้ยินมาว่าสวัสดิการของบริษัทใหม่นั้นดี หากผู้สมัครมีทักษะในการยิงปืนดีเยี่ยมหรือมีประสบการณ์ในการเป็นทหารมาก่อนจะได้รับสิทธิเข้าทำงานเป็นพิเศษ
เพื่อนทุกคนในสโมสรยิงปืนเดียวกันกับสตีฟเป็นนักศึกษาพึ่งจบหมาด ๆ ซะด้วย ดังนั้นเลยมีบางคนคิดจะลองหางานทำดูซักหน่อย แต่ก็ไม่นึกเหมือนกันว่าทางบริษัทจะรับเข้าทำงานเลยจริง ๆ ซะงั้นทำเอาแปลกใจอยู่เหมือนกัน
แต่การที่พึ่งจะเรียนจบแล้วได้เข้าทำงานในบริษัทใหญ่เลยนี่ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องที่ว่าจะให้ไปทำงานอะไรแบบไหนนั้นทางบริษัทยังไม่บอก แต่บอกว่าต้องรอวันเริ่มงานวันแรกก่อนถึงจะบอกได้
แม้ว่าพวกสตีฟจะรู้สึกว่ามันแหม่ง ๆ ก็ตามแต่ก็ไม่ได้สนใจและแอบเดา ๆ กันว่าคงจะเป็นกฎเกณฑ์อะไรบางอย่างของบริษัทแหละ
พอดีว่าบริษัทเองอยู่ไม่ไกลจากบ้านของตนด้วยทำให้สตีฟใช้เวลาในการเดินทางไม่นานก็มาถึงยังที่ทำงาน
ด้านหน้าอาคารโรงงานโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่มีคนมาเข้าคิวรอแล้วเป็นพัน หลาย ๆ คนต่างมองดูรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและสงสัย
สตีฟเห็นทหารจำนวนมากอยู่ในบริเวณโรงงาน ซึ่งทุกคนล้วนมีปืนและกระสุนจริงคอยลาดตระเวนอย่างเข้มงวด แถมทางเข้าโรงงานยังมีทหารยามเฝ้าคุมเข้มอีก
สตีฟเจอแบบนี้เข้าไปก็งงสิ เพราะดูท่าบริษัทนี้จะไม่ใช่ธรรมดาซะแล้ว
หลังจากรออีกประมาณ 10 นาทีประตูอาคารโรงงานก็เปิดออกพร้อมกันและทุกคนก็ได้เข้าแถวเดินเข้าไป
หลังจากที่สตีฟเข้ามาในอาคารโรงงานแล้วก็พบว่ามีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เช่นแคปซูลเล่นเกมจำนวนหลายพันชิ้นอยู่ข้างในซึ่งทั้งหมดตอนนี้เปิดเครื่องรออยู่แล้ว
‘จะทำอะไรกันล่ะเนี่ย จ้างพวกเรามาเล่นเกมเหรอ’ สตีฟคิดในใจและมองไปทางอื่นซึ่งทำให้ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก
ปรากฎว่าบนบันไดรอบ ๆ อาคารโรงงานมีทหารหลายสิบนายกำลังเฝ้าดูอยู่ทำให้บรรยากาศค่อนข้างจะตึง ๆ
“ฟัก! ใครก็ได้บอกกูหน่อยว่ามันเรื่องบ้าไรวะ!” ไอ้หนุ่มคนหนึ่งที่ทนแรงกดดันไม่ไหวก็แหกปากตะโกนออกมา
แต่ก็ไม่มีใครอธิบายอะไรให้มันฟังเพราะทุกคนก็ไม่ต่างจากมันและสอดส่ายสายตาเพื่อหาคำตอบ
และทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นผ่านลำโพงที่อยู่เหนือหัวของทุกคน
“เชื่อว่าทุกคนคงจะกำลังสับสนกันอยู่สินะ เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังเดี๋ยวนี้แหละ
แม้ฟังดูพวกคุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ความจริงก็คือเราได้สร้างฐานทัพในโลกอีกใบที่อยู่ห่างออกไปไกลมาก ๆ ไว้ได้แล้ว!”
ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมาทุก ๆ คนต่างก็ตกตะลึงและกระซิบกระซาบกันระเบ็งเซ็งแซ่
สตีฟยิ่งแต่จะขมวดคิ้วแล้วนึกย้อนไปถึงเรื่องข่าวลือที่อ่านจากอินเทอร์เน็ตมาก็พอจะเดาอะไรได้แล้ว
“อีกโลกหนึ่งที่คุณว่าคือโลกโหลวเฉิงใช่มั้ยยยยยยยยยย!” มีคนแหกปากถามซึ่งผลการคาดเดานี้ก็มาจากการได้อ่านประเด็นร้อนนั่นจากอินเทอร์เน็ตเช่นกัน
สตีฟก็หูผึ่งเตรียมฟังคำตอบจากอีกฝ่าย
หลังจากที่อีกฝ่ายเงียบไปสองสามวินาทีเขาก็ตอบด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “ถูกต้อง เป็นโลกโหลวเฉิง!”
ฮือฮา ๆ ๆ...
เกิดเสียงพูดคุยกันระเบ็งเซ็งแซ่อีกรอบแต่คราวนี้อย่างกับอยู่ในตลาด หลาย ๆ คนตื่นเต้นอย่างออกนอกหน้า ส่วนพวกที่ยังไม่รู้เรื่องก็แอบกระซิบถามว่าไอ้โลกโหลวเฉินนี่แม่งเชี่ยไรวะ
ซึ่งสตีฟเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน เขาเป็นแฟนตัวยงของเกมนี้เลย หลังจากที่เห็นข่าวลือในอินเทอร์เน็ตแล้วก็เอาแต่จินตนาการฝันถึงการมีอยู่ของมันเหมือนกัน
ในโลกนั้นตนได้สวมชุดเกราะเข้าต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ สำรวจสมบัติในแดนร้างและสร้างเมืองของตัวเองขึ้นมา
แม้ว่าในโลกโซเชียลบางแพลตฟอร์มจะมีการเอ่ยอ้างว่าโลกโหลวเฉิงมีอยู่จริง แต่สตีฟก็ยังคงปฏิเสธไม่ยอมเชื่อและคิดว่าพวกนั้นมันก็แค่ดมกาวหมดไปป๋องสองป๋องก็เท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นว่าตัวเองสิที่ดมกาวมา เพราะโลกโหลวเฉิงดันมีอยู่จริง ๆ อีกทั้งมนุษย์ยังเริ่มออกสำรวจมันแล้วด้วยซ้ำ!
หลังจากที่ระดับเสียงสนทนาลดลงเล็กน้อยเสียงของชายคนนั้นผ่านลำโพงก็ดังขึ้นอีกครั้งโดยได้บอกกับพวกสตีฟว่าเพราะอะไรถึงได้จ้างพวกเขามา
นั่นก็คือไม่มีคนงานที่โลกโหลวเฉิงมากพอ!
เพราะงั้นจึงจ้างพวกเขาให้ไปที่โลกโหลวเฉิงเพื่อไปมีส่วนร่วมในงานก่อสร้างและงานรักษาความปลอดภัย!
โดยใช้แคปซูลถ่ายโอนวิญญาณในการเดินทางไปยังต่างโลก และจะสามารถเดินทางไปกลับทุกวันเหมือนพนักงานกินเงินเดือนปกติ ทว่าเรื่องค่าจ้างกับสวัสดิการนั้นมากกว่าเยอะ!
สตีฟที่เจอท่านี้เข้าไปหัวใจก็แทบจะออกมาเต้นอยู่นอกอก แทบจะกระโจนเข้าไปในแคปซูลถ่ายโอนวิญญาณมันซะเดี๋ยวนี้
“โอเคทุกท่าน กรุณาปิดโทรศัพท์มือถือแล้วต่อคิวกันเข้าไปในแคปซูลถ่ายโอนวิญญาณ ทางเราจะเริ่มการส่งตัวในทันที!”
คนส่วนใหญ่ปิดโทรศัพท์มือถือของตนตามนั้น บางคนก็กลัวว่าจะมีปัญหาในกระบวนการส่งวิญญาณเลยขอลาออก
ซึ่งทางทหารก็ไม่ได้ห้ามคนเหล่านี้ เพียงแค่สั่งห้ามไม่ให้พูดเรื่องไร้สาระ ไม่เช่นนั้นล่ะก็ต้องรับผิดชอบกับผลที่ตามมาเอาเอง
อันที่จริงเพราะพวกสตีฟได้รับการจ้างงานแล้วทำให้เรื่องการมีอยู่ของโลกโหลวเฉิงจึงถูกยกเลิกการจัดประเภทเป็นข้อมูลลับไปแล้ว ส่วนสาเหตุที่ต้องสั่งห้ามพวกที่ลาออกเหล่านี้ก็เพื่อประวิงเวลาให้เรื่องมันแดงช้าลงอีกซักนิดเท่านั้น
อย่างน้อย ๆ หากไม่ต้องออกมายอมรับเรื่องนี้ก็จะเลี่ยงการตอบคำถามหรือเรื่องวุ่นวายอะไรไปได้อีกซักพัก
หลังจากที่พวกลาออกได้ออกไปหมดแล้วพวกสตีฟก็เข้าไปนอนในแคปซูลถ่ายโอนวิญญาณเครื่องที่ตนเองต้องการและหลับไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เพียงแป๊บเดียวสตีฟก็รู้สึกเสียว ๆ ที่หว่างคิ้ว เมื่อค่อย ๆ ลืมตาขึ้นกลับพบว่าตนเองยังคงนอนอยู่ในแคปซูลถ่ายโอนวิญญาณ
เพียงแต่ว่านอกประตูกระจกโปร่งใสของแคปซูลนั้นไม่ใช่ใต้ชายคาอาคารโรงงานที่ตนเองเคยอยู่ แต่เป็นใต้หลังคาของเต็นท์ขนาดมหึมา
“ถ้าพวกคุณมาถึงกันแล้วก็รีบ ๆ ออกมาเจอกับโลกใหม่เร็วเข้า!”
ชายในชุดเกราะสีดำยืนอยู่ที่ประตูได้ตะโกนใส่พวกสตีฟที่ยังคงนอนอยู่ในแคปซูลถ่ายโอนวิญญาณเสียงดัง
สตีฟได้ยินปุ๊บก็รีบเปิดประตูแล้วลุกขึ้นยืนตรง
ซึ่งตอนนี้เองที่เขาได้ตระหนักว่าร่างกายตนเองได้เปลี่ยนไปแล้ว เป็นร่างกายที่มีกล้ามเป็นมัด ๆ อย่างโหด
“ฮ่า ๆ ๆ อย่างเจ๋ง!”
แล้วเหล่านักเดินทางทั้งหลายก็ออกมาทีละคนสองคน ซึ่งเมื่อเช็กดูการเปลี่ยนแปลงของร่างกายแล้วก็ต้องโบกไม้โบกมือขยับแข้งขยับขาอย่างตื่นเต้น
“รีบออกไปดูกันเถอะว่าเราอยู่ในโลกโหลวเฉิงจริงมั้ย!” มีคนตะโกนแล้วิ่งออกไปก่อนซึ่งสตีฟเองก็รีบวิ่งตามไปด้วย
เมื่อออกจากเต็นท์ก็ได้เห็นท้องฟ้าที่โคตรจะสูง มีนกตัวบักเอ้กหน้าตาโคตรแปลกหลายตัวบินลัดฟ้าไปตามด้วยเครื่องบินรบอีกหลายลำที่บินผ่านหัว!
สถานที่ที่พวกเขาอยู่นั้นเป็นทุ่งหญ้าเรียบ ๆ ที่เต็มไปด้วยนักเดินทางที่สวมเสื้อกั๊กกางเกงขาสั้น ทหารในชุดเกราะศึก และคนที่ดูเหมือนคนงานจากหลากหลายเผ่าพันธุ์เดินผ่านไปมาให้เห็นเป็นครั้งคราว
สตีฟรู้สึกว่าตัวเองมีลูกตาน้อยเกินกว่าจะมองทั้งหมดนี้ได้ ซึ่งไม่ว่าจะมองไปตรงไหนหัวใจมันก็สดชื่นเหลือเกินจะกล่าว ในเวลานี้เขามั่นใจแล้วว่าตนเองได้มายังโลกโหลวเฉิงในฝันจริง ๆ!
เหมือนเลือดในร่างมันกำลังเดือดพล่านเพราะสถานที่แห่งนี้มันเยี่ยมโคตร ๆ!
นักเดินทางที่สวมชุดเกราะคนหนึ่งยืนอยู่บนเวทีและตะโกนสั่งให้พวกสตีฟไอเข้าแถวรับอุปกรณ์ ซึ่งเมื่อพวกเขามาถึงที่โล่งแห่งหนึ่งก็เห็นทหารเชิ่งหลงฉีกการ์ดออกใบหนึ่ง แล้วก็มีเสื้อผ้า รองเท้า และหมวกนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา
“หม่ายก้อด นี่มันปาฏิหาริย์ชัด ๆ!”
“กูไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ย ไอ้หมอนั่นมันเป็นนักเวทใช่ป่าว”
“ชอบโว้ยยยยยยย นี่มันโลกแห่งปาฏิหาริย์ของแท้!”
พวกสตีฟต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ จากนั้นก็เข้าแถวรับชุดยูนิฟอร์มมาใส่และได้รับมอบหมายงานตามแต่จุดแข็งของตน
เนื่องจากไอ้หนุ่มทั้งหลายจากสโมสรยิงปืนมีสกิลในการยิงปืนที่ยอดเยี่ยม ทำให้พวกสตีฟจึงได้รับมอบหมายให้อยู่ในทีมคุ้มกัน และแต่ละคนจะได้เกราะสีดำกับปืนไรเฟิลอัตโนมัติมาใช้
เกราะประเภทนี้แตกต่างจากเกราะศึก เพราะเป็นเกราะเบาที่มีน้ำหนักรวม ๆ แค่ 15 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งสามารถป้องกันลูกธนูได้อย่างดีเยี่ยม
สำหรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในพื้นที่ที่พึ่งยึดครองนี้แค่เกราะนี่ก็เหลือแหล่แล้ว
พอสวมเกราะเสร็จแล้วสตีฟกับเพื่อน ๆ ก็มารวมตัวกัน จากนั้นทหารเชิ่งหลงก็พาพวกเขาออกลาดตระเวนเพื่อเริ่มงานภารกิจป้องกัน!