บทที่ 42: ความล้มเหลวเป็นบ่อเกิดแห่งความสำเร็จ
บทที่ 42: ความล้มเหลวเป็นบ่อเกิดแห่งความสำเร็จ
แต่ถึงแม้เขาจะมีประสบการณ์ในการปรุงยาสำหรับการฝึกวรยุทธ์ เขาก็ยังพบกับความล้มเหลวอยู่หลายครั้งในการทำยาสลบในตอนแรก
และเพราะความล้มเหลวหลายครั้งนี้เอง มันจึงทำให้ลู่หยวนต้องหยุดการปรุงยาเอาไว้ชั่วคราวก่อน
เหตุผลนั้นง่ายมาก มันไม่ใช่เพราะสมุนไพรที่หมด แต่เป็นเพราะเงินเขาต่างหาก
เขาใช้เงินไปหลายร้อยตำลึงไปกับส่วนผสมของยา
แม้ว่าโจวเจ๋อจะเป็นคนใจกว้างและได้มอบส่วนผสมยามาเพียงพอที่จะทำกลิ่นหอมเจ็ดขั้นได้ประมาณสิบส่วน แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำมันเสียไปแบบนี้ได้
หลังจากความล้มเหลวสี่ครั้ง เงินสี่สิบตำลึงก็ได้หายลับไป
เงินที่หามาอย่างยากลำบากของเขาหายลับไปแบบนั้น เป็นใครจะไม่รู้สึกเสียใจบ้างล่ะ?
“จากนี้ไป ฉันไม่สามารถคลำหาทางเหมือนคนตาบอดได้อีกต่อไปแล้ว”
หลังจากบทเรียนราคาสี่สิบตำลึงอันแสนเจ็บปวด เขาก็เปลี่ยนกลยุทธ์ก่อนหน้านี้
เขาเริ่มสรุปประสบการณ์จากความล้มเหลวครั้งก่อนๆ
จากนั้นเขาก็ได้มุ่งมั่นศึกษาวิจัยคุณสมบัติของส่วนผสมต่างๆ สำหรับทำยากลิ่นหอมเจ็ดขั้น
หลังจากผ่านไปหลายวัน ในที่สุดเขาก็ได้รับข้อมูลเชิงลึกบางอย่างมาในที่สุด
เขาได้รับความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติของส่วนผสมยาต่างๆ และการควบคุมอุณหภูมิมาอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
และด้วยความรู้สึกมั่นใจที่มากขึ้นนี้เอง ลู่หยวนจึงเริ่มกลับมาปรุงยาใหม่
คราวนี้ผลลัพธ์ของเขาดีขึ้น
แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถสร้างยากลิ่นหอมเจ็ดขั้นได้ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถผลิตยาสลบชั้นเลวออกมาได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ยาสลบนี้ก็ยังอ่อนเกินไป พวกมันถือได้ว่าเป็นสินค้าด้อยคุณภาพชั้นเลว และพวกมันก็ยังห่างไกลจากสิ่งที่เขาต้องการ
“ยากากๆ แบบนี้ใช้ได้แค่กับพวกสัตว์ป่าหน้าโง่เท่านั้นแหละ สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่โตกว่าสามขวบขึ้นไปแล้ว มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะตกหลุมพลางมัน”
ลู่หยวนหยิบผงที่มีกลิ่นแรงกองหนึ่งขึ้นมา เขามองดูมันพลางขมวดคิ้วก่อนจะเทลงใส่ขวดใบเล็ก
สิ่งเหล่านี้คือยาสลบที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยความพยายามและเงินทองจำนวนมหาศาล ดังนั้นแม้ว่าพวกมันจะด้อยคุณภาพ แต่เขาก็ยังไม่สามารถปล่อยมันทิ้งให้เสียเปล่าได้
เขาตัดสินใจว่าจะใช้ยาสลบนี้กับพวกเหยื่อตัวเล็กตัวน้อยแทน
กลิ่นของยาสลบเหล่านี้รุนแรงเกินกว่าจะใช้กับคนได้ แต่ถึงอย่างนั้นสัตว์ป่าในภูเขาที่ยังขาดสติปัญญาอยู่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันก็ยังเป็นเพียงสัตว์ป่าที่กินอาหารโดยไม่สนใจอะไร
กลิ่นเลือดจากการล่าสัตว์และการกินซากสัตว์ก็เพียงพอแล้วที่จะเอาชนะกลิ่นของยาสลบเหล่านี้ได้
“ฉันจำได้ว่าก่อนฤดูหนาว ขณะที่ล่าสัตว์บนภูเขาอยู่ ฉันก็ได้ค้นพบถ้ำเสือและถ้ำหมีป่าอยู่ ในตอนนั้น ฉันกลัวความดุร้ายของพวกมัน ดังนั้นฉันเลยไม่กล้าเสี่ยงเข้าไปใกล้” ลู่หยวนคิด
“แต่ตอนนี้ ด้วยยาสลบเหล่านี้ ฉันก็น่าจะสามารถใช้มันกับเหยื่อตัวเล็กๆ แล้วโยนเหยื่อเหล่านั้นเข้าไปที่หน้าถ้ำของพวกมันได้”
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าสัตว์ป่าที่หิวโหยที่เพิ่งผ่านพ้นฤดูหนาวมาจะไม่กินเนื้อสัตว์ที่ส่งตรงมาถึงหน้าประตูบ้าน”
หลังจากวางแผนการล่าในฤดูใบไม้ผลิในใจแล้ว ลู่หยวนก็หันไปหยิบดินสอทำเองและเริ่มบันทึกประสบการณ์ที่ล้มเหลวของเขาลงในคู่มือการทำยา
ความล้มเหลวเป็นบ่อเกิดแห่งความสำเร็จ
เขาไม่กลัวความล้มเหลว
ในฐานะผู้เป็นอมตะและมีอายุขัยเท่าสวรรค์ เขาก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ อย่างช้าๆ
ความล้มเหลวในปัจจุบันไม่ได้น่ากลัว สิ่งที่แย่ที่สุดคือมันไม่มีความก้าวหน้าใดๆ แม้จะล้มเหลวก็ตาม
คนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแท้จริงเท่านั้นจึงจะกล้าเผชิญหน้ากับความล้มเหลว เรียนรู้จากพวกมัน สั่งสมประสบการณ์ และเอาชนะพวกมันในครั้งต่อไปที่พวกเขาเผชิญหน้ากัน
ลู่หยวนไม่รู้ว่าเขานับว่าเป็นคนหัวรั้นได้หรือไม่
แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ก็ตาม เขาก็จะค่อยๆ พยายามเรียนรู้ต่อไปอยู่ดี
และในปัจจุบัน การทำยากลิ่นหอมเจ็ดขั้นก็จะเป็นก้าวแรกของเขาสู่ความสำเร็จ
ลู่หยวนเชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จ
ความหนาวเย็นในฤดูใบไม้ผลิยังคงอยู่ และความอบอุ่นก็มาและไป
เพียงชั่วพริบตา ฤดูหนาวอันขมขื่นก็ผ่านพ้นไป
ในวันนี้ ลู่หยวนไปที่ศาลาเล็กๆ ข้างป่าเหมยนอกเมืองเพื่ออำลาซุนซือเหวิน
“พี่ซุน ข้าขอให้ท่านประสบความสำเร็จและได้รับสิ่งที่ท่านปรารถนาในครั้งนี้” ลู่หยวนกล่าวในขณะที่เขายกแก้วขึ้นเพื่อดื่มอวยพร
“ด้วยคำขออันเป็นมงคลของน้องลู่ ข้าจะต้องได้รับเกียรติและชื่อเสียงกลับมาในการเดินทางครั้งนี้แน่” ซุนซือเหวินยกแก้วเหล้าของเขาขึ้นมาและดื่มมันในขณะมองดอกเหมยรอบๆ ซึ่งกำลังร่วงโรยเมื่อฤดูกาลใกล้จะสิ้นสุดลง
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เขาจะต้องเข้าเมืองหลวงและเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิแล้ว
หลังจากอดทนกับการศึกษาอันยาวนานและเหน็ดเหนื่อยมานานหลายปี เขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถฝ่าฟันฤดูหนาวอันเยือกเย็นนี้เหมือนดั่งดอกเหมยเหล่านี้ได้หรือไม่
“เอาล่ะ ข้าคงต้องไปแล้ว”
ซุนซือเหวินกล่าวด้วยเสียงหัวเราะดังลั่น เขาหยิบกล่องหนังสือของเขาขึ้นมา และค่อยๆ เดินหายไปตามถนนสายหลัก
ลู่หยวนยืนส่งและมองดูแผ่นหลังของอีกฝ่ายจนกระทั่งหายลับไปจากสายตาของเขา จากนั้นลู่หยวนจึงหันหลังเพื่อเดินกลับบ้าน
พริบตาเดียวก็ถึงเดือนกุมภาพันธ์แล้ว ต้นฤดูใบไม้ผลิได้มาถึงแล้ว
ซุนซือเหวินได้เริ่มต้นเส้นทางของเขาเพื่อไล่ตามชื่อเสียงและลาภยศแล้ว และลู่หยวนเองก็ควรเตรียมพร้อมสำหรับการล่าในปีใหม่ด้วย
“เมื่อต้นปีฉันใช้เงินไปหนึ่งร้อยตำลึงเพื่อยาสลบ ค่าใช้จ่ายนี้ถือว่าเป็นจำนวนที่มากเกินจะมองข้าม ดังนั้นปีใหม่นี้ฉันจะต้องล่าสัตว์ให้ได้เยอะขึ้น” เขาคิดระหว่างเดินทางกลับบ้าน
ในตอนนี้ ลู่หยวนก็ต้องการเงินเป็นอย่างมาก
“แม้ว่าตอนนี้ฉันจะสามารถสร้างยากลิ่นหอมเจ็ดขั้นได้สำเร็จแล้ว แต่ยาหนึ่งส่วนก็มีค่าใช้จ่ายถึงสิบตำลึง มันยังมีราคาแพงเกินไป” เขากล่าวพร้อมกับเม้มปากเมื่อนึกถึงต้นทุนอันน่าสยดสยองในการผลิตยาสลบนี้
ใช่แล้ว ในช่วงฤดูหนาวนี้ หลังจากล้มเหลวติดต่อกันแปดครั้ง ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จในการผลิตยากลิ่นหอมเจ็ดขั้นในที่สุด...