1379 - ชายที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
1379 - ชายที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
วาติกัน สถานที่ของผู้เผยพระวจนะ ดินแดนบริสุทธิ์ที่เหล่าเทพเจ้าหลับใหล สถานที่ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในกำแพงนั้นมันเป็นดินแดนอันกว้างใหญ่มาก โลกใบเล็กนั้นมีขนาดใหญ่กว่าโลกมนุษย์ที่แท้จริงด้วยซ้ำ
ที่นี่ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลอยอยู่กลางท้องฟ้าเปล่งประกายด้วยแสงดารา สัตว์ในตำนานทุกชนิด ยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถหาแกได้ในสถานที่แห่งนี้
ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถก้าวเข้ามาที่นี่ได้โดยเฉพาะผู้ที่มาท้าทายเช่นเดียวกับกลุ่มของเย่ฟ่าน
พวกเขาจะต้องถูกกำจัดก่อนเข้าสู่โลกใบเล็ก ดังนั้นอัศวินศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากจึงเริ่มทยอยปรากฏตัวขึ้นตามกำแพงเมือง
เย่ฟ่านนำศิษย์หลายคนเข้าสู่เมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เขายืนอยู่ในระยะไกลเฝ้าดูดินแดนของผู้เผยพระวจนะอย่างเงียบๆ พร้อมกับดื่มด่ำบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความมงคล
นักรบครูเสดหลายพันคนยังคงติดตามอยู่เบื้องหลังของเย่ฟ่าน พวกเขาเต็มไปด้วยศรัทธาและนับถือเย่ฟ่านว่าเป็นพระเจ้าองค์ใหม่
กองทัพรุกไปข้างหน้าเขย่าพื้นที่ทั้งหมด อย่างไรก็ตามวาติกันเงียบสงบมาก วิหารศักดิ์สิทธิ์ด้านบนส่องแสงระยิบระยับและไม่มีบรรยากาศที่ตึงเครียด
แผ่นดินสั่นสะเทือน สัตว์ป่าคำราม และทหารม้านับร้อยเหยียบย่ำไปบนภูเขาสูง ติดสังหารเดือดพล่าน พวกเขาพร้อมจะกำจัดศัตรูทุกคนที่คิดร้ายต่อวาติกัน
“บูม!”
ทันใดนั้นแผ่นดินก็แตกกระจาย เลือดเดือดพล่านไปทางอื่น อัศวินผู้แข็งแกร่งปรากฏตัวขึ้น สวมชุดเกราะสีทอง ถือทวนสงครามสีทอง แต่ละคนมีจิตวิญญาณการต่อสู้สูงและดวงตาที่เฉียบคม นี่คืออัศวินสิงห์โตทองที่ปกป้องดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มานานนับพันปี
“ทายาทของสิงโตทอง บรรพชนของพวกเขาเป็นปราชญ์โบราณ ในยุคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้นมีปราชญ์อยู่ในตระกูลมากกว่าสิบคนด้วยซ้ำ” ผู้ติดตามกระซิบบอกเย่ฟ่าน
พวกเขาเล่าถึงต้นกำเนิดของผู้มีอำนาจเหล่านี้ บรรยายถึงความเชี่ยวชาญทางสายเลือดรวมทั้งทักษะที่ทรงพลังที่สุด
ในเวลาต่อมานักรบของหลายตระกูลก็ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาล้อมเมืองศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับส่งเสียงคำรามเขย่าท้องฟ้า
ไม่ถึงครึ่งชั่วยามหลังจากที่เย่ฟ่านมาถึงที่นี่ มีกองทัพทั้งหมดสิบสองกองทัพเข้ามาก่อนและหลังเขา ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นมรดกที่เก่าแก่และทรงพลังที่สุด
พระราชวังอันงดงามบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สูงที่สุดถูกทูตสวรรค์ที่งดงามสองคนเป็นผู้ควบคุมกองทัพ ด้านหลังของพวกเขาคือกลุ่มยอดฝีมือผู้ทรงอำนาจ
กลิ่นอายอันทรงพลังปกคลุมท้องฟ้าและโลกเห็นได้ชัดว่านี่คือกลุ่มคนพิเศษซึ่งเป็นตัวแทนของพลังการต่อสู้ระดับสูงสุดของวาติกัน
ในปัจจุบันพวกเขาแต่ละคนล้วนสามารถบ่มเพาะจนถึงขอบเขตปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ในระดับสูงสุด พลังของพวกเขาเป็นเหมือนคลื่นมหาสมุทรที่ล้นหลามออกมาจากทุกทิศทาง
“ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดเกือบจะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรเซียนแล้ว หากการคาดคำนวณของค่าไม่ผิดพลาดเขาจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าสามพันปี” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง
“นี่คือพระสันตปาปา ไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากยุคไหน พวกเขารู้แค่ว่าผู้ติดตามของพระองค์เสียชีวิตไปทีละรุ่น แต่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่เสมอ” ผู้ศรัทธาผู้ศรัทธาคนหนึ่งกล่าว
“ปัง”
แผ่นดินสั่นสะเทือน อัศวินที่สวมชุดเกราะสีดำปรากฏตัวขึ้น คลื่นพลังของพวกเขาทำให้ภูเขาเคลื่อนตัว ทุกคนมีพลังที่ไม่มีใครเทียบได้
คนเหล่านี้มีความพิเศษอย่างมาก พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนอยู่ในวัยสี่สิบหรือห้าสิบ แต่ความผันผวนในดวงตาของพวกเขานั้นเห็นได้ชัดว่าล้วนเป็นผู้ที่มีอายุแก่ชราจนไม่สามารถจะจินตนาการได้แล้ว
แม้กระทั่งชุดเกราะในร่างกายก็ยังหม่นหมองผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน พวกมันทั้งหมดทำจากสัมฤทธิ์และปกคลุมไปด้วย รอยมีดและลูกศร
“อัศวินยุคมืด!” ใครบางคนอุทาน
“นี่คือพาลาดินในสมัยโบราณ ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะอยู่รอดมาถึงปัจจุบันได้”
ทุกฝ่ายมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน และทั้งหมดเต็มไปด้วยความตกใจ แม้แต่เย่ฟ่านก็ประหลาดใจเล็กน้อย อัศวินทั้งสี่คนนี้ล้วนมีความแข็งแกร่งในระดับราชาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
“เดิมทีข้าตั้งใจจะเดินทางไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์เยรูซาเลมเพื่อพบกับเจ้า แต่เราได้รับคำสั่งสมเด็จพระสันตะปาปาก่อน ดังนั้นเราจึงรอคอยเจ้าอยู่ที่นี่”
หนึ่งในนั้นกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่มีความผันผวนทางอารมณ์แม้แต่น้อย
“แม้แต่คนที่เจ้าเรียกว่าพระเจ้าซึ่งอยู่ในอาณาจักรราชาผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสูงสุดยังตายอยู่ในมือของข้าแล้ว พวกเจ้าที่เป็นเพียงราชาผู้ยิ่งใหญ่ระดับเริ่มต้นจะมีประโยชน์อะไร” เย่ฟ่านกล่าวอย่างสงบ
คำพูดของเย่ฟ่านทำให้ผู้คนจำนวนมากหวาดกลัวอย่างยิ่ง แน่นอนว่าบุคคลทั้งสี่นี้แข็งแกร่งไม่มีใครเทียบได้ อย่างไรก็ตามพลังของพวกเขายังห่างไกลจากพระเจ้าทั้งสามที่อยู่ในเยรูซาเลม
“เราอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่สามารถทำร้ายเจ้าได้”
ในเวลาต่อมาพวกเขาก็เรียกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ซึ่งประกอบด้วยดาบยาว ง้าว ทวน และค้อนให้ปรากฏขึ้นกลางอากาศ กลิ่นอายของพวกมันสั่นสะเทือนจิตใจของผู้คนอย่างรุนแรง
“อาวุธครึ่งเซียน!”
เย่ฟ่านแสดงท่าทางแปลกๆ แต่ไม่ได้มีความหวาดกลัวแต่อย่างใด ในตัวเขาซึ่งมีแม้กระทั่งครึ่งก้าวอาวุธเต๋าสุดขั้วย่อมสามารถจัดการอาวุธศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ได้อย่างเหลือเฟือ!
ทันใดนั้นอาวุธทั้ง 4 เริ่มโจมตีอย่างรุนแรง แผ่นดินแตกร้าวและท้องฟ้าก็พังทลายลง นี่เป็นพลังทำลายล้างที่ไม่มีใครเทียบได้ ไม่มีอะไรสามารถหยุดมันได้ ราวกับว่ามันกำลังจะทำลายล้างวาติกัน
เย่ฟ่านมีรอยยิ้มบนใบหน้า ร่างของเขาเปล่งประกายด้วยแสงสดใสราวกับสายฟ้า จากนั้นเขาก็ดีดนิ้วออกไปสี่ครั้งซ้อนเพื่อปลดปล่อยปราณกระบี่อำนาจสะพรึงกลัวฟาดฟันเข้าหาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่
แม้ว่าพาลาดินโบราณทั้งสี่จะทรงพลังมากและสามารถตอบสนองอย่างรวดเร็ว โดยใช้อาวุธครึ่งเซียนปรับป้องกันโจมตีจนทำให้พวกเขารอดชีวิตอย่างหวุดหวิด
แต่ปราณกระบี่ของเย่ฟ่านยังกระแทกร่างกายของพวกเขาให้ปลิวกระเด็นออกไปไกลหลายร้อยวา
ในขณะนี้ร่างของคนทั้งสี่กระดูกแตกหักไม่รู้กี่ชิ้น พวกเขากระอักเลือดอย่างรุนแรงและมองเย่ฟ่านด้วยความตกใจ
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเย่ฟ่านแข็งแกร่ง แต่พวกเขาไม่คิดว่าเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าจะน่ากลัวขนาดนี้ ไม่เพียงแค่ความเร็วของเขายังน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง แต่พลังการโจมตีของเขายังแข็งแกร่งอย่างที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้
ภายใต้การโจมตีของเย่ฟ่านพวกเขาแทบไม่มีโอกาสลุกขึ้นอีกแล้ว!
ทันใดนั้น ม้วนหนังสือโบราณสี่เล่มก็บินข้ามท้องฟ้า พวกมันขยายใหญ่ขึ้นและครอบคลุมเข้าหาศีรษะของเย่ฟ่านอย่างรวดเร็ว
“คัมภีร์คำสาปต้องห้าม!”
“คัมภีร์คำสาปต้องห้ามในตำนาน!...
หลายคนตะโกน สีหน้าของพวกเขาตกตะลึงอย่างมาก มีผู้คนไม่น้อยรู้จักคัมภีร์เหล่านี้ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เคยเห็นคัมภีร์ทั้งสี่เล่มแสดงพลังออกมาแม้แต่ครั้งเดียว
นี่คืออาวุธต้องห้ามที่ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ ว่ากันว่าการโจมตีของพวกมันแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชาผู้ยิ่งใหญ่ระดับสูงสุด เมื่อทั้งสี่เล่มโจมตีพร้อมกัน ต่อให้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกยังไม่สามารถต้านทานได้!
ด้วยม้วนคำสาปต้องห้ามสี่ม้วน พวกเขาเชื่อมั่นว่าเย่ฟ่านจะไม่มีทางรอดชีวิตอย่างแน่นอน
นี่เป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ แม้แต่สีหน้าของพระสันตะปาปายังเด็กเบี้ยวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เห็นได้ชัดว่าเขามีความรู้สึกเสียดายต่อคัมภีร์นี้มากเพียงใด!
ทันใดนั้นหม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดของเย่ฟ่านก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับปลดปล่อยเปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวให้เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นเถ้าถ่านทันที
อย่างไรก็ตามพระสันตะปาปาได้คาดคำนวณสิ่งนี้ไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงกดฝ่ามือลงมาจากเบื้องบนและทุบเข้าหาศีรษะเย่ฟ่านราวกับคลื่นมหาสมุทร!
สมเด็จพระสันตะปาปาผู้นี้มีพลังที่ไม่มีใครเท่าเทียมได้ เขาเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ระดับสูงสุด หากไม่ใช่ว่าโลกเข้าสู่ยุคสิ้นสุดธรรมเขาคงกลายเป็นเซียนไปแล้ว
………