ตอนที่แล้วบทที่ 244 : ได้ครอบครองทั้งหมดหรือไม่ได้อะไรเลย (3-2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 246 : ได้ครอบครองทั้งหมดหรือไม่ได้อะไรเลย (4-2)

บทที่ 245: ได้ครอบครองทั้งหมดหรือไม่ได้อะไรเลย (4-1)


บทที่ 245: ได้ครอบครองทั้งหมดหรือไม่ได้อะไรเลย (4-1)

ฉันล็อคตัวเด็กชายที่กำลังดิ้นเอาไว้

"ฮึ!"

เขาเตะฉันด้วยเท้าของเขาเพื่อเอาตัวรอด

มันเป็นการต่อต้านที่ไร้ประโยชน์ เพราะฉันลากเขาออกจากโถงเวทย์มนตร์ได้อยู่ดี

[แก แกมันโลภมาก…!!!]

ฉันหัวเราะเบาๆ

[แกคิดจะทำอะไร? !]

“ฉันจะพาเด็กนี้ไปด้วย”

"อื้อ! อื้อ!"

ฉันหันไปบอกกลุ่มคนตัวที่กำลังสั่นตรงมุมสนามฝึกซ้อม

"รีบออกไปจากที่นี่ซะ แล้วอยู่ในหอพักเงียบๆ ถ้ายังไม่อยากตาย”

“โอ้ะ เข้าใจแล้ว รับทราบครับ!”

กลุ่มคนคนออกจากสนามฝึกอย่างรวดเร็ว

เมื่อประตูสนามฝึกเปิดออก เจนน่าเดินเข้ามาพร้อมรถเข็นที่เต็มไปด้วยสิ่งของที่เธอหามา

“ฮาน...เด็กคนนี้คือ…?”

“เขาคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในห้องรอนี้ อย่าให้หนีไปได้นะ”

ฉันโยนเด็กคนนั้นลงรถเข็น

“นี่ไม่ใช่การลักพาตัวเหรอ?”

“จะว่าแบบนั้นก็ได้”

ตุ๊บ ตุ๊บ!

รถเข็นสั่นสะเทือนเพราะเด็กชายใช้เท้ากระแทก

เด็กคนนั้นน้ำตาไหลอาบหน้าเขามองมาที่ฉันด้วยสายตาขุ่นเคือง

“พาเขาไปที่เรือเหาะ ที่เหลือฉันเก็บกวาดเอง”

“รับทราบ!”

เจนน่าลากรถเข็นออกไปทันที

ฉันหายใจเข้าลึกๆ แล้วหยิบคบเพลิงขึ้นมา ฉันออกไปข้างนอกเพื่อเผาสิ่งที่เหลืออยู่

เริ่มจากอาคารเวทย์มนตร์

ที่นี่ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมัน เพราะมีเชื้อเพลิงชั้นดีอย่างม้วนกระดาษและกองหนังสือมากมายพวกนั้น

[แก แกมันโลภมากเห็นแก่ตัว!ไอ้สารเลว แกกล้าดียังไง หา? ฆ่าคน วางเพลิง แกไม่ต่างอะไรจากปีศาจร้ายเลยสักนิด!!!]

นางฟ้ากระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความหงุดหงิด

“จะเรียกอะไรก็ตามสบายเลย”

ฉันเปิดประตูอาคารเวทย์มนตร์

กระดาษและหนังสือมากมายถูกเก็บไว้อย่างแน่นหนาบนชั้นหนังสือ ฉันโยนคบเพลิงที่เข้าไปทันทีและเปลวไฟเริ่มลุกลาม จากนั้นก็ตามมาด้วยควันที่ลอยฟุ้งในอากาศ

[อันตราย!]

[เกิดเหตุเพลิงไหม้ในอาคารเวทย์มนตร์!]

โต๊ะ เก้าอี้ อุปกรณ์เวทมนตร์ต่างๆ และหนังสือเวทญ์มนตร์กลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตาเดียว

นางฟ้ากระพือปีกพยายามดับไฟอย่างเต็มที่ แต่เมื่อไฟเริ่มก่อขึ้นมาแล้วมันก็ไม่ง่ายเลยที่จะดับลง ภายในสนามฝึก ฉันเปิดฝาถังเชื้อเพลิงที่เจนน่านำมาและเทน้ำมันลงบนพื้น

มันแค่ต้องรอเวลาให้เปลวไฟจากอาคารเวทย์มนตร์มาถึงที่นี่

[ทำไม…? ]

“ไม่มีการต่อรองอะไรทั้งนั้น”

ตอนที่ฉันจู่โจมพวกนักล่าเป็นครั้งแรก ฉันเคยไว้ชีวิตพวกเขาพราะเขาอ้อนวอนจนฉันใจอ่อน

เเต่หนึ่งเดือนต่อมา...ฉันกลับถูกแทงข้างหลัง คนต่อไปและคนต่อไปต่างก็ทำแบบเดียวกัน ไม่ว่าผู้คนและสถานการณ์จะเปลี่ยนไปแค่ไหน ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิมเสมอ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมามากมายนั้นฉันได้เรียนรู้กฏข้อหนึ่ง

“สันดานคนพวกนี้มันเปลี่ยนไม่ได้ง่ายๆ”

มันเป็นเพียงการยอมจำนานเพียงชั่วคราว

เมื่อมีโอกาส พวกเขาจะเริ่มล่าเหยื่ออีกครั้ง วิธีเดียวที่จะจัดการมันก็คือลบพวกมันออกจากเกมซะ

ฟู้ว!

ในที่สุดไฟก็ลุกลามไปยังสนามฝึก

[แกคิดว่าแกจะหนีไปได้งั้นเหรอ? !]

นางฟ้าตระโกนใส่ฉันด้วยสีหน้าโกรธจัดและซัดหมัfเข้ามาที่ฉัน

แต่หมัดของเธอถูกกั้นด้วยสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็น และร่างกายเล็กๆ ของเธอก็เด้งกลับและร่วงหล่นลงไป

'มีสองเงื่อนไขที่นางฟ้าจะโจมตีฮีโร่ได้'

ประการแรก คือการที่ฮีโร่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของนายท่าน

ประการที่สอง เมื่อฮีโร่ใช้พลังโจมตีเพื่อนในห้องรอเดียวกัน

ดังนั้นเด็กน้อยคนนี้ไม่สามารถทำอะไรฉันได้ เธอทำได้แค่ยืนดูด้วยความเจ็บใจเท่านั้น

เปลวไฟที่ปะทุออกมาจากอาคารเวทย์มนตร์ ทำให้ทุกสิ่งกลายเป็นเถ้าถ่าน

หุ่นและตุ๊กตาไม้ อาวุธฝึกต่างๆ เก้าอี้ และโต๊ะ ต่างก็ลุกเป็นไฟ หลังจากออกมาจากจัตุรัสฉันปิดประตูลง ไฟจะไม่หยุดจนกว่าจะเผาผลาญทั้งค่ายฝึกจนวอดวาย

ฉันเดินผ่านจัตุรัสที่ตอนนี้กลายเป็นเพียงกองขี้เถ้าช้าๆ

เลือด ถ่านที่กำลังลุกไหม้และศพของฮีโร่ที่เกาะติดอยู่ตามสถานที่ต่างๆ

แต่ฉันมองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ฉันเดินไปเรื่อยๆ ตอนนี้ฉันได้ทำลายความหวังของห้องรอนี้ไปแล้ว

'ฉันไม่เสียใจ'

การเหยียบย่ำผู้อื่นเป็นสิ่งจำเป็นในการปีนป่ายขึ้นไปข้างบนและเอาชีวิตรอด

ฉันรับรู้ความจริงข้อนี้มานานแล้ว

[ถ้ามันเป็นแบบนี้ แล้วนายท่านของฉันล่ะ…? ]

“อาจจะลบบัญชี เลิกเล่น อะไรทำนองนั้น”

[แกรู้ แต่แกก็ก็ทำอย่างนี้งั้นเหรอ? แล้วเราจะทำยังไงต่อ? ]

นางฟ้าทรุดลงไปกองกับพื้น

ฉันผลักประตูบานใหญ่ออก

รอยแยกของมิติถูกเปิดออก

ภายในทางเดินมีเรือเหาะลำเล็กๆ ที่ทันสมัยจอดอยู่ มันถูกเรียกว่าเรือทุนนิยมตระกูลโฮ

'เหอะ! เป็นชื่อที่สร้างสรรค์มากกกกกก'

เปลวไฟมาไม่ถึงที่นี่

เพราะฉันตั้งใจทำแบบนี้ตั้งแต่แรก ฉันเดินไปที่เรือเหาะเจนน่าและเนเรสซ่ากำลังเก็บของที่ปล้นมาไว้ที่ด้านล่างของเรือเหาะ

“มาแล้วเหรอ?”

“ตอนนี้สภาพของเรือเหาะเป็นยังไงบ้าง? คิดว่าเราจะออกไปได้ไหม?”

“ฟังก์ชั่นการทำงานออฟไลน์อยู่ เรามีเชื้อเพลิงเพียงพอ แต่ดูเหมือนว่าเราต้องยืนยันตัวตนหรืออะไรสักอย่างก่อน”

“เด็กนั้นอยู่ไหน?”

“เรามัดเขาไว้ที่ดาดฟ้า”

ฉันเดินขึ้นบันได

บนดาดฟ้า มีเด็กชายคนหนึ่งถูกมัดไว้กับเสากระโดงเรือ และตอนนี้เขากำลังดิ้นไปมาเหมือนปลาที่ขาดน้ำ

"ฮึ! ฮึ!"

“ฉันไม่รู้เรื่องหรอกนะว่าว่านายพูดอะไร?”

ฉันเข้าไปหาเด็กชายและแก้เชือกที่ปากของเขา

“ถุ้ย!”

เขาถ่มน้ำลายไปด้านข้าง

“นายชอบเล่นอะไรสกปรกๆ เหรอ?”

“หึ!!! แกสกปรกยิ่งกว่านี้ซะอีก ไอ้สารเลว!”

เด็กชายนั้นตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ถ้าไม่อยากตายก็ปล่อยซะ แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”

“นักเวทย์ไง”

"ถูกต้อง! ฉันชื่อคาทีโอ นักเวทย์ระดับสามที่เก่งที่สุด ทุกคนต้องหวาดกลัวจนตัวสั่นเพียงแค่ได้ยินชื่อของฉัน!”

“ถ้าจะเดินเครื่องเรือเหาะจะต้องทำยังไง?”

"แกบ้าไปแล้วเหรอ คิดว่าฉันจะบอกแกเพียงเพราะแกถามเนี่ยนะ? ฉันจะจับแกทอดในน้ำมันเดือดๆ …ฮึ”

ดาบจ่อไปที่คอของเด็กชายนั้นทันที

ข้างหลังเวคิสยืนมองด้วยสีหน้าเย็นชา

“ปากดีจังเลยนะ ตัดนิ้วนายออกสักสองสามนิ้วดีไหม? นายจะได้ร่ายเวทย์มนต์ไม่ได้อีกต่อไป”

"อย่าทำเลย เราจะดูเป็นผู้ร้ายถ้าทำอย่างงั้นนะ!"

“ก็พวกเราเป็นคนร้ายนิ!”

“ยังไงพวกแกก็เป็นมันคนชั่วอยู่แล้ว…ฮึ!”

ดาบแทงเข้าไปในลำคอของเด็กชายเล็กน้อย

“ก็ได้ แต่ก่อนอื่น...เอาดาบออกก่อนแล้วฉันจะบอก”

"เก็บดาบก่อน"

เวคิสเก็บดาบเข้าฝัก

ฉันพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์

“ถ้าเห็นว่าหมอนั้นกำลังร่ายเวทย์ ตัดแขนของเขาได้เลย”

"ฉันเข้าใจแล้วครับ"

“แกมัน…”

ใบหน้าของเด็กชายซีดลง

“เราจะเคลียร์กันทีหลัง เราต้องกลับไปที่ห้องรอของเรา ดังนั้นฉันต้องการให้นายช่วยเข้าใจรึยัง?”

"กลับไป?"

“ใครจะไปอยู่ที่นี่ได้ ที่นี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากขี้เถ้า”

“ก็แกเป็นคนทำให้มันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ…”

"โอ้ะ!"

เด็กชายมองไปที่เวคิสที่อยู่ข้างหลังเขาและลังเล

“มันคงไม่ยากอะไรหรอกใช่ไหม? แค่กำหนดพิกัดที่เพื่อนของนายเคยไปตอนนั้น สถานที่ที่พวกนายวางแผนปล้นยังไงล่ะ”

ฉันคลายเครื่องพันธนาการและช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น

จากนั้นฉันก็พาเขาเข้าไปในห้องควบคุมของเรือเหาะ

“ฉัน ฉัน เป็นแค่นักวิจัย ฮึก…”

“อื้อ ฉันเข้าใจแล้ว”

"ฮึก…"

เสียงสะอื้นผสมกับเสียงพูดหลุดออกมาจากปากเขา

“อย่าร้องไห้เสียงดังได้ไหม? แบบนั้นมันทำให้ฉันคันไม้คันมือเริ่มอยากจะฆ่านายแล้วนะ”

เวคิสพูดอย่างฉุนเฉียว

'หมอนี่มันโหดเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ'

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด