ตอนที่ 35 ธยาน์
ขณะที่ไอร่าตกจากหน้าผา เธอก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบ
“คำเตือน! คำเตือน! ชีวิตของโฮสต์กำลังตกอยู่ในอันตราย ระบบได้เปิดใช้งานโปรแกรมป้องกันตนเองแล้ว โปรดเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายโอนพื้นที่”
เมื่อไอร่ากำลังจะตกลงกับพื้น จู่ ๆ เธอก็มืดลงและมองไม่เห็นอะไรเลย
เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนชั้นหิมะหนาทึบ
ความเย็นยะเยือกล้อมรอบตัวเธอ หนาวจนไปถึงกระดูก
ไอร่าพยายามดิ้นรนเพื่อลุกขึ้น ขั้นแรกเธอตรวจสอบร่างกายของเธอและพบว่าเธอไม่มีอะไรเสียหายและไม่ได้รับบาดเจ็บ
ระบบยอดเยี่ยมมาก
เธอเงยหน้าขึ้นและไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหิมะสีขาว
พระอาทิตย์ยังคงลอยอยู่บนท้องฟ้า มันส่องมากระทบเธอ แต่เธอไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นเลย
เธอค้นหาอยู่นานก่อนจะมองเห็นยอดเขาหิมะอันไกลโพ้น
เธอไม่คิดว่าระบบจะย้ายเธอไปไกลขนาดนี้เพื่อช่วยเธอ คงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเดินกลับ
ไอร่ากอดแขนและหดคอของเธอ เธอเดินตรงไปที่ภูเขาหินด้วยขาที่แข็งกระด้างของเธอ
เธอต้องกลับไปก่อนที่เชร์และคอนริจะเป็นกังวล
เธอเดินอยู่นานจนพระอาทิตย์ตกดิน ภูเขาหินยังดูห่างไกลออกไป
หากไม่มีแสงแดด อุณหภูมิก็ยิ่งลดลงไปอีก โชคดีที่หิมะสามารถหักเหแสงได้
แม้ในเวลากลางคืน มันก็ไม่ได้มืดขนาดนั้นจนทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอมองไม่เห็น
ไอร่าทั้งหนาวและหิว เธอเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอต้องการหาที่ซ่อนตัวและรอกระทั่งรุ่งสาง
ในป่าไม่มีอะไรให้ดูนอกจากต้นไม้และหินที่ฝังอยู่ในหิมะและน้ำแข็ง
เธอค้นหาอยู่นานก่อนที่จะพบถ้ำหินเล็ก ๆ
ไม่มีอะไรในถ้ำ ดังนั้นไอร่าจึงนั่งกอดอกอยู่พักหนึ่งก่อนที่เธอจะรู้ว่าเธอจะต้องแข็งตัวอย่างแน่นอนหากเป็นเช่นนี้ต่อไป
เธอสัมผัสกระเป๋าใบหน้าที่เธอพกติดตัวอยู่เสมอ ในนั้นบรรจุเชื้อเพลิงจุดไฟและหนังสือภาพประกอบหนังแกะ ตลอดจนผลไม้รสหวานหลายผลเพื่อสนองความหิวของเธอ ในนั้นยังมีมีดกระดูกด้วย
หากเธอรู้ว่าสุดท้ายแล้วเธอจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอคงยัดเนื้อมาสักสองสามชิ้นในกระเป๋าคาดเอวของเธอด้วย
ไอร่ากินผลไม้รสหวาน แต่แทนที่จะรู้สึกอิ่ม เธอกลับหิวมากขึ้น เธอหยิบผลไม้รสหวานที่เหลืออีกห้าผลแล้วมองดูมัน ในที่สุดเธอก็ไม่สามารถพาตัวเองให้กินมันได้
เธอยัดผลไม้รสหวานกลับเข้าไปในกระเป๋าของเธอ เธอจะกินมันเฉพาะตอนที่เธอหิวเกินไปเท่านั้น
ไอร่าไปที่บริเวณใกล้เคียงของถ้ำเพื่อมองหาเชื้อจุดไฟ แต่เธอก็พบสัตว์อสูรนอนอยู่บนหิมะโดยไม่คาดคิด
เธอรีบเข้าไปช่วยสัตว์อสูรให้ลุกขึ้น
เขาเป็นสัตว์อสูรตัวผู้ที่หล่อเหลาสวมเสื้อคลุมสีเทาและสีขาวที่ดูคล้ายกับผ้าฝ้ายมาก ผมสีดำยาวของเขาหลวม และเขามีอัญมณีรูปเพชรสีดำบริสุทธิ์อยู่บนหน้าผากของเขา
มีบาดแผลลึกที่เอวของเขา เลือดแข็งตัวจึงมีไหวออกมา อย่างไรก็ตาม รูปร่างที่บูดบึ้งยังคงทำให้ไอร่าหวาดกลัว
ไอร่าผลักไหล่ของเขา “นี่ ฟื้นได้แล้ว”
ผู้ชายคนนั้นไม่ตอบสนอง
หัวใจของไอร่าเต้นผิดจังหวะ เขาอาจจะตายไปแล้วเหรอ ขณะที่ตัวสั่นเธอก็วางนิ้วไว้ข้างใต้จมูกเขา
ลมหายใจของเขาแผ่วเบา แต่เขายังมีชีวิตอยู่
ไอร่ามองไปรอบ ๆ มีเพียงอสูรตัวนี้เพียงคนเดียวที่อยู่ที่นี่ หากเธอทิ้งเขาไว้ตามลำพังที่นี่ เขาอาจจะแข็งตายได้
เธอกัดฟันช่วยพยุงเขาลุกขึ้นและเดินโซเซกลับเข้าไปในถ้ำ
ถ้ำที่แคบอยู่แล้วก็ยิ่งคับแคบมากขึ้นเนื่องจากมีการเพิ่มคนเข้ามาอีกหนึ่งคน
ไอร่าพบกิ่งก้านบางกิ่งและจุดไฟด้วยเชื้อไฟ ในที่สุดเธอก็รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย
เธอสังเกตเห็นอสูรด้วยแสงไฟ
เขาหล่อมาก คิ้วของเขาบาง และริมฝีปากของเขาเล็ก ผิวของเขาซีดมากจนดูเหมือนไม่มีสีเลย ผมสีดำยาวของเขาห้อยลงมาที่แก้ว ทำให้เขาดูสง่างาม
เมื่อมองดูการแต่งกายของเขา เขาดูไม่เหมือนอสูรร้ายทั่วไป
ไอร่าเหยียดนิ้วของเธอออกและแอบสัมผัสเสื้อผ้าของเขา สีมีความคล้ายคลึงกับผ้าฝ้ายมาก แต่เบาและนุ่มกว่าผ้าฝ้าย มันรู้สึกนุ่มนวลเมื่ออยู่ในมือของเธอ
จากอสูรที่เธอได้สัมผัส เธอสามารถบอกได้ว่าสัตว์อสูรที่นี่ยังมีชีวิตอยู่ในยุคหิน เสื้อผ้าของพวกเขาส่วนใหญ่เย็บจากหนังสัตว์ และฝีมือการตัดเย็บก็หยาบในขณะที่สไตล์ก็เรียบง่าย
แต่สัตว์อสูรตัวนี้เห็นได้ชัดว่ามาจากสถานที่ที่มีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่สูงกว่า ไม่เพียงแต่มีผ้าเท่านั้น แต่ยังมีอัญมณีอีกด้วย
ไอร่าหวังว่าอสูรตัวนี้จะมีชีวิตรอด เพื่อที่เธอจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากตัวเขา เธอหลับตาและหลบไปโดยไม่รู้ตัว ไม่นานหลังจากที่เธอหลับไป ธยาน์ที่หมดสติก็ฟื้นขึ้นมา
เขาลืมตาขึ้น เผยให้เห็นรูม่านตาของเขาที่ดำสนิทราวกับหมึก หลังจากงุนงงในช่วงเวลาสั้น ๆ สายตาของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและเย็นชา ‘ข้าอยู่ที่ใด’
‘แล้วพวกที่ตามล่าข้าเล่า’
ธยาน์สังเกตเห็นคนอีกคนข้าง ๆ เขา เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก เธอนอนหลับและสวมชุดหนังสัตว์ ผิวของเธอเนียนมาก และใบหน้าของเธอก็งดงามมาก
แม้แต่ในวิหารเขาก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้มาก่อน
ทันใดนั้นลมหนาวก็พัดเข้ามาจากด้านนอกถ้ำ หิมะลอยเข้ามา ทำให้ไอร่าตัวสั่น
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะตื่น ธยาน์ก็หลับตาลงทันทีและแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้สติ
ไอร่าลืมตาขึ้นและมองออกไปนอกถ้ำ ลมและหิมะเริ่มรุนแรงขึ้น แต่ไฟที่อยู่ตรงหน้าเธอกลับหรี่ลง
เธอรีบเติมฟืนเข้าไปในกองไฟอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นไฟก็สว่างขึ้นอีกครั้ง
ไอร่าเดินไปที่ด้านข้างของธยาน์ และเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเขา โชคดีที่ไม่มีไข้ น้ำแข็งบนบาดแผลของเขาละลายและมีเลือดไหลออกมา เธอดึงมีดกระดูกออกมาแล้วตัดผ้าชิ้นหนึ่งออกจากเสื้อของธยาน์เพื่อนำมาพันแผลของเขา
เธอเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวลและระมัดระวังมาก ธยาน์ไม่เคยได้รับการดูแลที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้มาก่อน เขาอดไม่ได้ที่จะลืมตา ตอนนี้หญิงสาวดูสวยยิ่งขึ้นในสายตาของเขา ผิวที่สวยและละเอียดอ่อนของเธอมีเสน่ห์อย่างยิ่ง
ไอร่าตระหนักว่าเขาฟื้นแล้วและรู้สึกประหลาดใจมาก “ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว”
ธยาน์มองดูรอยยิ้มที่สดใสของเธอ และอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตาม เขาคุ้นเคยกับการเก็บอารมณ์ไว้กับตัวเอง แม้ว่าเขาจะอารมณ์ดี แต่เขาก็ยังคงแสดงสีหน้าเย็นชา “เจ้าช่วยข้าไว้หรือ ขอบใจเจ้ามาก”
ธยาน์อยากจะลุกขึ้นนั่ง แต่ไอร่ารีบกดไหล่ของเขาลง “อย่าเพิ่งขยับ บาดแผลบนร่างกายของเจ้าเพิ่งจะได้รับการพันผ้าพันแผล หากขยับจะทำให้แผลฉีกขาดได้ง่าย”
ดวงตาสีดำของธยาน์มองดูเธอขณะที่เขาถามอย่างมีความหมาย “ดูเหมือนเจ้าจะมีความรู้มากทีเดียว เจ้าเป็นหมอแม่มดหรือ”
เขาหล่อ แต่ออร่าของเขาเย็นชามาก เมื่อจ้องมองเขาเช่นนี้ ไอร่าก็รู้สึกกระวนกระวายใจ
ไอร่าตอบช้า ๆ อย่างรอบคอบ “ไม่ใช่ ข้าเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา”
“ข้าชื่อธยาน์ แล้วเจ้าเล่า”
“ข้าชื่ออัยรญา... เรียกค่าว่าไอร่าก็ได้”
“ไอร่า...” ธยาน์พูดชื่อออกมาอย่างระมัดระวัง เขารู้สึกว่าชื่อนี้ดูมีพลังเวทมนตร์ ขณะที่มันค่อย ๆ พัดผ่านหัวใจของเขา ทิ้งร่องรอยอันอบอุ่นไว้ ไอร่าระงับความกลัวของเธอและถามอย่างไม่แน่นอน “เจ้ามาจากไหน เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ บาดแผลบนร่างกายของเจ้าเล่า ดูไม่เหมือนรอยจากสัตว์ป่า บาดแผลเรียบมากราวกับว่าเจ้าถูกแทงด้วยอาวุธมีคม มีคนพยายามทำร้ายเจ้าหรือ”
การแสดงออกของธยาน์สงบมาก “เจ้ารู้วิธีวิเคราะห์บาดแผลด้วย ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ใช่อสูรตัวเมียธรรมดาจริง ๆ สินะ”
ไอร่ายิ้ม
เธอเห็นได้ว่าเขาไม่ต้องการตอบคำถามของเธอจริง ๆ ดังนั้นเธอจึงรู้ดีกว่ามันเป็นการเสียมารยาท