บทที่ 92 ปิ่นงาม (4)
จัวเย่มีวิชาตัวเบาที่ยอดเยี่ยม แน่นอนว่าไม่เหมือนวิชาแมวสามขาของจัวซิน
การพาเสิ่นเยว่ออกไปด้วยถือเป็นเรื่องง่ายมาก
เสิ่นเยว่รู้สึกไม่ดีอยู่ภายในใจเล็กน้อย หากท่านลุงท่านป้ารู้เข้า คงเป็นเรื่องที่อธิบายไม่มีวันจบสิ้น
เพราะห่างไปเพียงสองช่วงถนน จัวเย่จึงไม่ได้เอารถม้ามาโดยส่วนตัว ด้วยกลัวว่าจะเป็นที่สนใจของชาวบ้าน มีจัวเย่อยู่ ใช้เวลาเพียงสองก้านธูปก็ถึง
เสิ่นเยว่เห็นรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่หน้าตรอกหนึ่งที่ดูไม่สะดุดตา
คล้ายกับมีเสียงดังลอยมาจากในรถม้า เสิ่นเยว่จำได้ว่าเป็นเสียงของเถาเถา ปกติแล้วเถาเถาเองก็นอนดึกประมาณยามไฮ่ (21.00 - 23.00 น.) ตอนนี้ใกล้ยามจื่อแล้ว...
จัวเย่ก้าวไปข้างหน้า "ท่านอ๋อง คุณหนูเก้า แม่นางเสิ่นมาถึงแล้วขอรับ"
อาจเพราะได้ยินเสียงจัวเย่ ทันใดนั้นเถาเถาก็ลุกนั่งจากอ้อมกอดจัวหย่วน "อาเยว่!"
จัวเย่ประคองเสิ่นเยว่ขึ้นรถม้า เสิ่นเยว่เลิกม่านขึ้นก็เห็นเถาเถาพอดี
"เถาเถา" เสิ่นเยว่นั่งย่อตัวลง
ในรถม้าจุดเตาถ่านไว้ เสิ่นเยว่ปลดเสื้อคลุมกันหนาวออกแล้ววางไว้ด้านข้าง
จริงดั่งที่คาด เถาเถาเดินเข้ามากอดนาง พูดพลางสะอึกสะอื้น "อาเยว่ ข้าคิดว่าท่านไปแล้ว"
เสิ่นเยว่พูดเสียงเบา "ก่อนหน้านี้บอกแล้วมิใช่หรือว่าข้าต้องกลับเรือน? พรุ่งนี้จะไปหาพวกเจ้าที่อี้กว่าน?"
เถาเถาถอนหายใจกล่าว "ก่อนหน้าท่านน้าก็พูดเช่นนี้ หลังจากนั้นก็ไปนานมาก"
เสิ่นเยว่เงยหน้ามองจัวหย่วนตามคำพูดของเถาเถา
สายตาของจัวหย่วนหยุดอยู่ที่นางไม่เคลื่อนไปที่ใดตั้งแต่ที่นางเลิกม่านเข้ามา
ก่อนหน้านางมักทำทรงผมแบบมัดห้อยลงมาสองข้าง บนมวยผมติดปิ่นมุกดอกไม้สีอ่อนสองดอก ดังนั้นจึงดูสวยแบบเด็กและดูไร้เดียงสาเล็กน้อย...
ทว่าวันนี้กลับทำทรงผมก้อนเมฆลอย ปรากฏลำคอขาวยาวระหง ประกอบกับไข่มุกที่เคลื่อนไปมาขับให้เด่น ก็เพียงพอที่จะทำให้คนไม่ละสายตาไปไหน
เขาน่าจะไม่เคยเห็นนางผัดแป้ง และที่ยิ่งเห็นได้น้อยคือสีชาดที่ริมฝีปากของนาง ต่างหูไข่มุกขับให้เด่น ยิ่งทำให้ดูงดงาม ดึงดูดใจผู้คน...
เขาละสายตาไปไม่ทันจึงสบสายตาเข้ากับนางพอดี
หัวใจเขาเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาและเต้นตึกตักเช่นนั้นไม่หยุด
เขารู้ได้โดยธรรมชาติว่านางไม่ได้ลงทุนลงแรงขนาดนี้เพื่อตั้งใจมาพบเขา จัวเย่ใช้เวลาไปไม่นาน นางแต่งตัวไม่ทันแน่ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่างดงามแปลกตาจนไม่รู้ว่าควรเอาสายตาไปมองที่ใด...
จึงมีเพียงหลุบตามองต่ำ หลบสายตานาง เอ่ยเสียงนุ่มนวล "เสี่ยวจิ่ว ได้เจออาเยว่แล้ว ควรกลับได้แล้วใช่หรือไม่?"
เถาเถาไม่ยอม "แต่ว่าข้ายังไม่ได้คุยกับอาเยว่เลย!"
เสิ่นเยว่มองจัวหย่วน "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าอยู่ได้ดึกอีกสักหน่อย"
"อืม" จัวหย่วนตอบเสียงเบา
เสิ่นเยว่อุ้มเถาเถาขึ้นมา
ที่จริงแล้วเถาเถารู้สึกง่วงเล็กน้อย เพียงแต่ก่อนหน้าอารมณ์ไม่ดีนัก หากอารมณ์ยังไม่ดีอยู่ก็จะงอแงจนไม่ยอมนอน
ตอนนี้นางได้อยู่ในอ้อมกอดเสิ่นเยว่แล้ว พูดคุยกับเสิ่นเยว่พลางฟังเสียงที่นุ่มนวลของเสิ่นเยว่ มือน้อยสองข้างกอดเสิ่นเยว่ไว้ เสิ่นเยว่ยังคงตบที่หลังนางเบาๆ นางจึงหลับฝันหวานเช่นนี้ไปในอ้อมกอดของเสิ่นเยว่
เสิ่นเยว่เอ่ยเสียงเบา "เพิ่งหลับ รออีกสักพักเถอะเจ้าค่ะ"
เสิ่นเยว่กลัวว่านางจะตื่นระหว่างทางแล้วร้องไห้
จัวหย่วนพูดเสียงเบา "วางลงเถอะ อุ้มไว้จะหนักเกินไป"
เสิ่นเยว่เองก็อุ้มไม่ไหวจริงๆ
ประจวบเหมาะที่ก่อนหน้าเตรียมพื้นที่บนรถม้าไว้แล้ว เสิ่นเยว่โน้มตัวลง แล้วค่อยๆ วางเถาเถาลงบนพรมขนนุ่ม จัวหย่วนยื่นมือไปช่วย ทำให้ทั้งสองเข้าใกล้กันอีกครั้ง
โชคดีที่เถาเถาไม่ตื่น น่าจะหลับสนิทแล้ว
ในรถม้ายังคงจุดเตาถ่าน ดังนั้นจึงเหลือช่องตรงม่านหน้าต่างเล็กน้อย ทำให้แสงจันทร์สาดส่องผ่านช่องหน้าต่างทาบทับลงมาที่ตัวเขาและนางพอดี
"งามยิ่งนัก" เขาพูดอย่างนุ่มนวล
เสิ่นเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย ทันใดนั้นพวงแก้มทั้งสองข้างก็แดงระเรื่อ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรตอบเช่นไร จึงทำได้เพียงก้มหน้าลง
มุมปากจัวหย่วนบิดโค้งขึ้นเล็กน้อย ยิ้มพลางกล่าวเสียงเบา "ข้าหมายถึง ปิ่นงาม"
"...หา?" เสิ่นเยว่มองเขา