ตอนที่แล้วบทที่ 334 : อัพเกรด​สายเลือดจันทร์เดือนดับสู่สถานะ​แปดปีก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 336 : พายุ (2)

บทที่ 335 : พายุ(1) 


บทที่ 335 : พายุ(1) 

ชูโจวเจอกลุ่มโจรสลัดอวกาศอีกสองกลุ่มบริเวณห้วงอวกาศใกล้เคียงดาวเบต้า

และด้วยความช่วยเหลือของ "เพื่อนใหม่" ที่พร้อมจะ "เสียสละตัวเองเพื่อผู้อื่น" ทำให้ชูโจวได้รับคะเเนนคุณสมบัติเพิ่มขึ้นอีก 1 แสนล้านคะแนน

คะเเนนคุณสมบัติทั้งหมดของเขาในตอนนี้คือ 2.237 แสนล้าน

  

"ไม่ใช่ว่าบริเวณใกล้เคียงดาวเบต้ามีกลุ่มโจรสลัดอวกาศนับสิบไม่ใช่หรือไง?

ทำไมเราถึงเจอแค่สี่กลุ่มกัน….ที่เหลือหายไปหมดกัน?"

ชูโจวคิดในขณะที่กำลังกลับไปที่เเพนดากอนวิลล่า

……

ณ กลาง ดึกคืนเดียวกันนั้นเอง

เมืองเบต้า

นิกริชลูบรอยแผลเป็นบนหน้าของเขา พร้อมมองไปที่คฤหาสน์เจ้าเมืองด้วยใบหน้าเยือกเย็น

เขามองผ่านหน้าต่างฝรั่งเศสของคฤหาสน์พร้อมกับสายตาที่หมองหม่น

เขากลับมาแล้ว

หลังจากที่เขาพ่ายแพ้ในวังวนการแย่งอำนาจของครอบครัว เขาถูกไล่ออกจากดาวเบต้าด้วยฝืมือน้องชายของเขาเอง

เขายังจำสภาพโทรม ๆ ของตัวเองในตอนนั้นที่ไม่ได้ต่างอะไรไปจากหมาจรจัดแม้แต่น้อย

และในตอนนี้….หลังจากที่ภายไปหลายปี เขาก็ได้กลับมาที่เมืองแห่งนี้อีกครั้งเพื่อล้างแค้น

"อัลเมอร์สฉันจะ 'ตอบแทน' ทุกอย่างที่นายมอบให้ฉันในตอนนั้นให้หมด!"

นิกริชยิ้มพร้อมกับสายตาที่เปลี่ยนไปเป็นชั่วร้าย ราวกับอสรพิษที่กำลังจ้องจะกัดเหยื่อ

"ในคฤหาสน์เจ้าเมืองมีนักรบระดับเก้าดวงดาวทั้งหมดกี่คน?”

ถึงแม้ปากเขาจะไม่ได้ขยับ….แต่เสียงของเขาก็ลอยเข้าไปในหูของผู้ติดตามด้านหลังของเขา

"หากนับรวมอัลเมอร์สด้วย ก็จะมี​ 28​ คนครับ!"

"เเล้ว​, นอกจากคฤหาสน์เจ้าเมือง…มีพวกนักรบเก้าดวงดาวอิสระในเมืองเบต้าอีกกี่คน และนอกจากนี้ในคนพวกนั้นมีกี่คนที่ความสัมพันธ์ที่ดีกับ อัลเมอร์ส?"

"ท่านครับ, เพราะดวงดาวเบต้าเป็นดาวค้าขาย….มันจึงมีนักรบระดับเก้าดวงดาวอิสระเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ในดาวเบต้ามีนักรบระดับเก้าดวงดาวอีกประมาณ 32 และ จากในจำนวนนั้นมีราว 20 คนที่รู้จักกับอัลเมอร์สเป็นการส่วนตัว"

"แค่นี้งั้นหรอ?"

  

"ครับ" ลูกน้องทั้งสามกล่าวออกมาด้วยเสียงเบาจากด้านหลัง

เสียงที่ส่งออกตรงเข้าสู่หูของนิกริชโดยตรง โดยที่ไม่มีเสียงหลุดรอดออกไปที่อื่นแม้แต่น้อย

"ตามแผนที่เราว่างไว้….หลังจากที่เราดำเนินแผน ทีมที่ไม่ได้มีหน้าที่ในการโจมตีคฤหาสน์เจ้าเมืองก็จะคอยควบคุมนักรบเก้าดวงดาวที่เหลือ, เพื่อไม่ให้พวกที่มีความสัมพันธ์กับอัลเมอร์สออกมาช่วยเหลืออัลเมอร์สได้"

"และในส่วนของห้ามหาอำนาจ​ เรายิ่งไม่ต้องกังวล”

“พวกนั้นจะไม่ออกมาผสมโรงเรื่องการเมืองภายใน​ของดาวเคราะห์ต่าง ๆในจักรวาล”

"ในส่วนของกองกำลังและตระกูล​ต่างๆ.​…พวกนั้นเองก็ไม่น่าจะออกมามีส่วนรวมเช่นกัน อย่างน้อยก็จนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายนึงใกล้จะชนะ" นิกริชกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ

ลูกน้องทั้งสามพยักหน้าเป็นการตอบรับเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดตอบอะไรกลับ

เเละทันใดนั้น​เอง….หน้าต่างการสนทนาก็โผล่ออกมาด้านหน้านิกริช

ในหน้าต่างสนทนามีชายแก่ผิวสีเขียว และนัยต์ตาสีเลือดยืนอยู่อย่างสง่างาม​

"นิกริชทำความเคารพ, ลอร์ด​เบิร์ก!"

นิกริชรีบก้มลงคุกเข่าลงข้างนึงทันทีที่หน้าต่างสนทนาของชายแก่โผล่ขึ้น

ลูกน้องทั้งสามของเขาเองก็คุกเข่าลงเช่นเดียวกัน

"นิกริช….ฉันมอบโอกาสให้กับนายแล้ว เพราะงั้นอย่าทำให้ฉันต้องผิดหวังหล่ะ!" ชายแก่หลังหน้าต่างสนทนากล่าวขึ้นมา

"ลอร์ด​เบิร์กได้โปรดวางใจ หลังจากวันนี้ผมจะขึ้นเป็นเจ้าเมืองผู้ปกครองของดาวเบต้า และคำสัญญาที่ผมให้ไว้กับตระกลูแทลอนจะเป็นจริงอย่างแน่นอน " นิกริชกล่าวขึ้น

"ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น!" ร่างของชายแก่ในหน้าต่างหายไปหลังจากที่เขากล่าวประโยคนี้ออกมา

นิกริชยืนขึ้นและส่งสัญญาให้ลูกน้องที่เหลือของเขาทั้งสามพร้อมกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด "ไปบอกทุกคนว่าจะเริ่มดำเนินแผนตอนเที่ยงคืนตรงของวันนี้ "

"รับทราบขอรับ!" ร่างของลูกน้องทำสามกลายเป็นภาพติดตาก่อนที่จะค่อย ๆ เลือนหายไป

เที่ยงคืน

กลุ่มคมจำนวนนึงได้ปรากฏตัวมาที่ด้านนอกของวิลล่าเเพนดากอน

นำหน้าคือร่างเงาสามคนในชุดสีม่วง

"พวกเรากองกำลังชุดม่วงต้องมาทำตามคำสั่งไอ้ขยะนิกริช…แบบนี้น่ารำคาญชะมัด!" เซลคินพูดขึ้นด้วยสีหน้าหงุดหงิด

"หุบปากเซลคินนี่เป็นคำสั่งตรงจากหัวหน้าตระกูล" จิงยันมองไปทางเซลคินเเล้วเอ่ยห้ามอีกฝ่าย

"มาทำภารกิจให้มันจบๆ ไปเถอะ!" ซิลลา-แทลอนมองไปทางเซลคินและจิงยัน

"ตามแผน, เราสามคมจะมุ่งหน้าไปจัดการชูโจว ส่วนพวกที่เหลือจะไปจัดการเพื่อนของชูโจว…หากมีการขัดขืนอนุญาตให้โจมตี​ได้"

"กัปตันพวกเราเป็นนักสู้ระดับสูงจากตระกูลแทลอน…มีนักรบระดับเก้าดวงดาวไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ที่ตายลงภายใต้​เงื้อมมือของ​พวกเรา….กับแค่จัดการชูโจวมันจะไปยากอะไร " เซลคินพึมพำ​

"หยุดพูดแล้วลงมือได้แล้ว!"

หลังจากที่พูดจบซิลลา-แทลอนก็กลายเป็นภาพติดตาเเละมุ่งหน้าเข้าไปในวิลล่า​เเพนดากอน

เซลคิน กับจิงยัน และคนที่เหลือต่างก็มุ่งหน้าตามเขาเข้าไปในวิลล่า​เเพนดากอนทีละคน

ซิลลา-แทลอน, เซลคิน, จิงยันมีเป้าหมายเดียวคือมุ่งหน้าไปยังที่พักของชูโจว

ส่วนที่เหลือแยกย้ายไปหาคนอื่นในวิลล่า​เเพนดากอน

เเต่เมื่อ, ซิลลา-แทลอน เซลคิน จิงยันมาถึงที่พักของชูโจว…..เสียงเสียงหนึ่งก็ดัดัง​ขึ้น​มา​ทันที​

"ถ้าไม่ถือว่าเป็นการรบกวน ช่วยบอกฉันหน่อยได้ใหมว่าพวกนายต้องการที่จะตายแบบไหนกัน?"

ชูโจวผู้ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟากล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

ซิลลา-แทลอนและคนอื่นๆหันไปมองชูโจวในเวลาเดียวกัน

นี่มันไม่รู้​หรือว่าพวกเราเป็นใคร?

พวกเราคือนักรบกองกำลังชุดม่วงของตระกูลแทลอนนะ

สมาชิกกองกำลังชุดม่วงทั้งเก้าพันคนของตระกูลแทลอนเป็นที่รู้จักันไปทั้วจักรวรรดิกาแลกติก แม้แต่อารยธรรมพื้นฐานในจักรวาลใกล้เคียงก็รู้จักพวกเขา

ชูโจว, นักรับจากดาวบ้านนอกในจักรวรรดิกาแลกติกกลับกล้าที่จะดูถูกพวกเขาทั้งสามคน….หมอนี่มันเอาความกล้ามาจากไหนกัน!

"เเปจะตายเพราะปากของเเกเอง " ซิลลา-แทลอนมองไปที่ตาของชูโจว และกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

"ความจริงแล้วพวกเราเพียงแค่จะควบคุมตัวเเกไว้, เเกยังมีโอกาสรอดอยู่แท้ๆ……แต่​ ตอนนี้เเกหมดโอกาสแล้ว "

  

"ไอ้นักรบจากดาวบริเวณชายแดนของจักรวรรดิกาแลกติกที่ไม่เคยออกไปเจอจักรวาล​อันกว้างใหญ่…..กล้าที่จะดูถูกพวกเรานักรบกองกำลังชุดม่วง, แกมันรนหาที่ตายจริงๆ!"

เซลคินยิ้มเย้ย, ก่อนที่คลื่นสายฟ้าสีม่วงทั้ง 108​ เส้นจะพุ่งออกมาจากร่างของเขาด้วยความเร็วสูง…..เเละพวกมันก็ค่อยๆรวมตัวกันเป็นตาข่ายขังชูโจวไว้ไม่ให้เขาหนีไปไหนได้

ด้านชูโจวเองก็ย่อมรู้สึกถึงพลังงานของกฏจากสายฟ้าแต่ละเส้นได้ชัดเจน

สายฟ้าสีม่วงทั้ง 108 เส้น….ในแต่ละเส้นมีพลังมากพอที่จะฆ่านักรบระดับแปดดวงดาวให้ตายได้ในการโจมตี​เดียว​

"กองกำลังชุดม่วงไม่ใช่อะไรที่คนแบบเเกจะมาเหยียดหยามได้!"

จิงยันกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นพร้อมกับคลื่นแม็กม่าและเปลวเพลิงจำนวนมากได้ทะลักออกมาในเวลาเดียวกัน

พวกมันไหลมารวมตัวกันเป็นเส้นดายสีแดงเพลิงที่พุ่งเข้าหาชูโจวด้วยความเร็วสูง

อุณหภูมิของเส้นดายเพลิงนั้นสูงจนยากจะจินตนาการ แม้กระทั่งแค่การเคลื่อนไหวธรรมดา มันยังสามารถเผาและทิ้งรอยไหม้ไว้ในความว่างเปล่าได้

ด้านซิลลา-แทลอนนั้นไม่ได้ลงมือ​ด้วย….เขาเพียงแค่ยืนกอดอกพร้อมกับสังเกตฉากตรงหน้าอย่างสงบ

ในความคิดของเขา, แค่เซลคินกับจิงยันก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับนักรบจากดาวล้าหลังอย่างชูโจว

เซลคิน และจิงยันต่างเป็นนักรบจากกองกำลังชุดม่วงของตระกูลแทลอน และนักรบจากกองกำลังชุดม่วงทุกคนต่างถูกคัดเลือกจากผู้คนนับพัน ที่ผ่านประสบการณ์ในการต่อสู้มานับไม่ถ้วน

พลังของสองคนนี้เป็นของจริง

เซลคินยิ้มออกมาอย่างโหดเหี้ยม ส่วนจิงยันนั้นยังมีสีหน้านิ่งเฉยในขณะที่​มองไปยังชูโจว ราวกับว่าทั้งสองคนได้มองเห็นจุดจบของชูโจวเรียบร้อยแล้ว

แต่อย่างไร​ก็​ตาม, ฉากต่อมาทำให้สีหน้าของทั้งสองพรันเปลี่ยนเป็นแข็งค้าง

สายฟ้าสีม่วง 108 เส้น และด้ายเพลิงพุ่งทะลุร่างของชูโจวไปราวกับภูติผี และทันใดนั้นเองร่างของชูโจวได้มาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของทั้งสองคนแทน

"ฉึก!"

ชูโจวยื่นมือออกมาราวกับดาบอันแหลมออกจากฝัก เขาแทงเข้าไปที่หัวใจของทั้งสองคน

จากนั้นมันก็มีพลังจากกฎต่างๆค่อยๆโผล่ออกมาจากแขนของเขาเเละทำการดูดกลืนพลังชีวิตและวิญญาณของทั้งสองคน

ในตอนนี้เองเซลคินและจิงยันได้ตายลงอย่างสมบูรณ์

ดวงตา​ของทั้งสองคนเบิกกว้างและจ้องไปทางชูโจวด้วยความตกตะลึง ราวกับจนวินาทีสุดท้ายทั้งสองก็ยังไม่เชื่อว่าชูโจวจะแข็งแกร่งเช่นนี้

"นี่...มันเป็นไปได้ยังไงกัน?"

ซิลลา-แทลอนเองก็ตะลึงด้วยเช่นกัน

คู่หูของเขาทั้งสองคนถูกชูโจวฆ่าทิ้งลงภายในเสี้ยววินาที?

ตอนนี้เองนั้นที่ซิลลา-แทลอนถึงได้เข้าใจขึ้นมาว่าชูโจวนั้นไม่ใช่นักรบระดับเก้าดวงดาวทั่วไป….แต่เป็นนักรบระดับเก้าดวงดาวที่ทรงพลัง​มาก​ไร้ที่เปรียบ

นี่คือความต่างระหว่างคน

เหมือนในห้องเรียนที่มีทั้งคนได้คะแนนดี และคนที่ได้คะแนนแย่ และในบางครั้ง... คะแนนของนักเรียนที่เยอะที่สุดและแย่ที่สุดนั้นห่างกันเกินกว่าที่จะจินตนาการได้

และตรรกะเดียวกันนี้ก็สามารถนำมาใช้กับนักรวได้เหมือนกัน….ความต่างระหว่างนักรบระดับเก้าดวงดาวทั่วๆไป กับนักรบระดับเก้าดวงดาวที่ไร้ที่เปรียบนั่นห่างชั้นกันจนเกินไป

เเละในฐานะของนักรบระดับผู้นำหน่วยจากกองกำลังชุดม่วง และสมาชิกสายตรงของตระกูลแทลอน

ซิลลา-แทลอนเองย่อมรู้ว่าอัจฉริยะของตระกูลใหญ่ๆที่ผ่านการฝึกเป็นพิเศษนั้นจะมีพลังมากกว่านักรบในระดับเดียวกันมากแค่ไหน

แต่เพียงแค่เข้าไม่คิดว่าชูโจว, นักสู้อิสระจากดวงดาวล้าหลังเขตชายแดนจะเป็นอัจฉริยะที่ไร้ที่เปรียบเหมือนกัน

"ต้องหนี!"

หลังจากที่ซิลลา-แทลอนรู้ว่าสถานการณ์นี้ไม่ถูกต้องเขาก็เลือกที่จะหนีออกไปทันที

"โอ้ บ้านของฉันมันเป็นที่ที่นายสามารถเข้าออกได้ตามใจเลยงั้นหรอ?"

ชูโจวยืนกอดอกมองไปที่ซิลลาที่กำลังพยายาหนีอย่างเฉยเมย

เมื่อเห็นว่าชูโจวไม่ได้ไล่ตามมา….ซิลลา-แทลอนก็อดไม่ได้ที่จะดีใจเล็กน้อย

เขารีบขับเคลื่อนพลังทั้งหมดที่มีและพุ่งหนีออกไปอย่างสุดกำลัง

แต่หลังจากที่หนีไปได้ไม่ไกลเขาก็ต้องหยุดลง

เพราะว่าหลังจากที่เขาออกมา….หากเป็นปกติเขาควรที่จะพุ่งออกจากวิลล่านี้ไปไกลหลายร้อยกิโลเมตรแล้ว

แต่นี่เขากลับยังอยู่ที่เดิม

"นี่มัน...ทักษะพับมิติ?"

ซิลลา​-แทลอนนึกถึงทักษะด้านมิติที่ลึกลับนั่น และเขาก็หน้าซีดลงทันที

"ดูเหมือนว่านายก็พอมีความรู้อยู่เหมือนกันนี่ ถึงกับรู้จักทักษะพับมิติ”

“แต่ว่านะ….นั่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่านายกำลังจะตายได้หรอก”

ชูโจวกล่าวขึ้นเบาๆ ก่อนที่จะทำการคว้าซิลลา-แทลอนที่อยู่กลางอากาศ

จากนั้นพื้นที่รอบๆซิลลา-แทลอนก็ค่อยๆบิดเบี้ยวและขดตัวลงจนรอยแตกมิติสีดำปรากฏขึ้น

ซิลลา-แทลอนถูกโจมตีด้วยทักษะลึกลับอย่างการฉีกมิติและบิดมิติ…..จนร่างของเขานั้นถูกบิดไปเรื่อยๆก่อนที่จะถูกฉีกทิ้งเป็นเสี่ยงๆ

จากนั้น, ชูโจวก็รีบดูดพลังงชีวิตและพลังวิญญาณจากศพของซิลลา-แทลอน…..ก่อนที่จะสร้างหลุมดำออกมาเพื่อทำลายศพของทั้งสามคน

"บูม บูม บูม..."

ในเวลาเดียวคลื่นพลังงานจากการต่อสู้ภายในเมืองประทุขึ้นออกมา

"ดูเหมือนว่าคืนนี้เมืองเบต้าจะรื่นเริงไม่น้อยเลยนะ!"

"ตอนแรกเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา….แต่ในเมื่อโดนเชิญถึงที่​เเบบนี้​”

“การไม่ไปเข้าร่วม, มันก็จะหยาบคายไปสักหน่อย”

ชูโจวกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆหายไปในชั่วพริบตา

……………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด