บทที่ 27 : ขายหนังสัตว์
บทที่ 27 : ขายหนังสัตว์
ภูเขาต้าหยูแยกทางเหนือออกจากทางใต้ มันเป็นภูเขาขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงทางตอนใต้ของประเทศเยว่
ทางใต้จากที่นี่คือเขตหนานเซียงของทะเลใต้ ในขณะที่ทางเหนือคือเขตลู่หลิงของหยูจาง
ทั้งสองเขตนี้ถูกแบ่งกั้นด้วยภูเขาขนาดใหญ่ ไม่เพียงแต่มันจะมีความแตกต่างกันในด้านภูมิศาสตร์เท่านั้น แต่มันยังรวมถึงวัฒนธรรมและประเพณีด้วย
หยูจางเป็นสถานที่ที่กำลังพัฒนา มันมีประชากรหนาแน่น และเป็นดินแดนแห่งปลาและข้าวที่มีชื่อเสียง อย่างไรก็ตาม ทะเลใต้ก็ตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร มันไม่ค่อยมีประชากร และเป็นสถานที่ลี้ภัยที่ฉาวโฉ่
มีภูเขาลูกเดียวเท่านั้นที่แบ่งกั้นระหว่างทิศเหนือและทิศใต้ มันทำให้เกิดโลกสองใบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงสำหรับผู้คนในแต่ละฝั่ง
แล้วความเจริญของทั้งสองฝั่งเกี่ยวข้องอะไรกับเทพเกาทัณฑ์ลู่หยวน?
หลังจากครึ่งเดือนของการเดินทางลงใต้จากภูเขาต้าหยู เขาได้เดินทางข้ามยอดเขาที่เป็นอันตรายมากมาย และในที่สุดลู่หยวนก็มาถึงเขตหนานเซียงและเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์เมืองจากเชิงเขาด้วยรอยยิ้ม
ลู่หยวนได้รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นมาแล้ว
เขตลู่หลิงของหยูจางเป็นอาณาเขตของสำนักดาบเหล็กโดยมี 18 มณฑลอยู่ภายใต้พวกเขา นอกจากนี้ มันก็ยังมีกลุ่มอันธพาลต่างๆ อย่างแก๊งหมาป่าทมิฬคอยปกครองอยู่รอบนอก
ด้วยเหตุนี้เอง หากเขาไปทำธุรกิจที่แถบนี้ เขาจึงจะไม่สามารถรอดพ้นจากสายตาของพวกแก๊งหมาป่าทมิฬหรือแก๊งอื่นๆ ได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นแล้วหากเขาต้องการจะทำธุรกิจโดยไม่มีใครสังเกตเห็น เขาก็จะต้องค้นหาสถานที่ที่ห่างไกลจากเขตลู่หลิงและปลอดภัยจากพวกแก๊งหมาป่าทมิฬ
ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่มีที่ใดที่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุนี้เอง ลู่หยวนจึงตัดสินใจมาที่อีกด้านของภูเขาและมายังเขตหนานเซียงมณฑลหนานอันซึ่งน่าจะมีแก๊งอันธพาลน้อยกว่าแทน
“ฉันไม่ได้วางแผนที่จะทำธุระกับที่นี่ในระยะยาว ดังนั้นหลังจากที่ฉันเข้าไปในเมืองและขายสินค้าของฉันเสร็จแล้ว ฉันก็จะหนีออกมาโดยทันทีก่อนที่ทุกคนจะทันได้รู้ว่าฉันเป็นใคร” ลู่หยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
โจมตีหนึ่งครั้งแล้วหนีหาย นี่เป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้ว
เขาแอบฝังคันธนูกับลูกธนูไว้ในที่ซ่อนซึ่งห่างจากตัวเมืองไปประมาณห้ากิโลเมตร
หลังจากจัดแจงข้าวของเรียบร้อยแล้ว ลู่หยวนก็พร้อมจะเข้าไปในเมืองที่อยู่ด้านล่างแล้ว
หลังจากจ่ายเงินยี่สิบเหรียญเป็นค่าเข้าเมืองแล้ว ลู่หยวนก็พบกับเมืองที่มีประชากรน้อยกว่าเมืองในมณฑลต้าหยูมาก ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
เมืองนี้คือเมืองมณฑลหนานอัน ซึ่งพวกเขาก็ยากจนกว่าเมืองมณฑลต้าหยูอย่างเห็นได้ชัด และเช่นเดียวกัน ค่าเข้าเมืองก็ยังน้อยกว่ามากด้วยเช่นกัน
' แน่นอนว่าอาจเป็นไปได้ด้วยว่าเจ้าหน้าที่รัฐของที่นี่จะไม่ทุจริตมากเท่ากับเจ้าหน้าที่รัฐในมณฑลต้าหยูด้วย'
ลู่หยวนมองดูถนนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน เขาพบร้านซาลาเปาแห่งหนึ่งและซื้อซาลาเปามา 2 ชิ้นพร้อมกับถามทางจากเจ้าของร้านอย่างสบายๆ
ในระหว่างการเดินทาง เขาก็ระมัดระวังมาก เขาหลีกเลี่ยงหรือรบกวนใครก็ตามที่ดูน่าสงสัยและอาจเป็นสมาชิกแก๊งอันธพาลได้
เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครรู้ว่าเขามาที่นี่ขายหนังสัตว์ และอาจเป็นเพราะลู่หยวนไม่คุ้นเคยกับพวกเขา ดังนั้นการกระทำของเขาจึงไม่เตะตาใครเลย
เมื่อมาถึงร้านขายขนและหนังสัตว์เพียงแห่งเดียวในเมือง มันก็ยังไม่มีใครสังเกตเห็นอีกเช่นกันว่าเขามาที่นี่เพื่อขายหนังสัตว์
ลู่หยวนเข้าไปในร้านอย่างปลอดภัย
“เจ้ามาใหม่หรอ?”
เจ้าของร้านเป็นชายชรารูปร่างผอมเพรียวและหรี่ตามองมาที่ลู่หยวนในขณะที่เขาเดินเข้ามาและถาม
“อันที่จริงข้าก็มาที่นี่ไม่บ่อยนัก”
ลู่หยวนตอบแบบสบายๆ เขาไม่ได้พูดอะไรมากและวางตะกร้าสะพายหลังลงทันที จากนั้นเขาก็เปิดฝาแล้วพูดกับเจ้าของร้านว่า “ข้ามีหนังสัตว์อยู่เล็กน้อย ท่านช่วยซื้อมันหน่อยได้ไหม?”
เจ้าของร้านเดินเข้ามา เขาพลิกดูสิ่งของที่อยู่ในตะกร้า และจากนั้นเขาก็แสดงความประหลาดใจออกมาเมื่อเห็นหนังหมาป่า หนังเสือดาว และหนังเสือ
เขาไม่เคยเห็นสินค้าคุณภาพสูงมากมาเช่นนี้มาจากคนๆ เดียวมาก่อน
“หนังของข้าทั้งหมดมีคุณภาพดีเยี่ยมและหายาก ท่านสามารถรับพวกมันทั้งหมดไปเลยได้ไหม?” ลู่หยวนสังเกตทุกความเคลื่อนไหวของเจ้าของร้านและถามอย่างจริงจัง
“ได้สิ แน่นอน ข้าซื้อมันแน่นอน”
เจ้าของร้านมองไปทางอื่นและรีบหันกลับมามองลู่หยวน จากนั้นเขาก็ตอบด้วยความกระตือรือร้น
แม้ว่าหนังหมาป่าและหนังเสือดาวจะมีความพิเศษ แต่มันก็ไม่ใช่สินค้าหายากอะไรนัก พวกมันดึงดูดความสนใจเขาได้เพียงเพราะความสมบูรณ์ของมันก็เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หนังเสือมันก็แตกต่างออกไป
ในฐานะราชาแห่งขุนเขา เสือก็เป็นที่รู้จักกันดีในแง่ของความแข็งแกร่งและความดุร้าย
ซึ่งต่อให้ใช้นายพรานสิบคนในการล่าเสือ แต่พวกเขาก็ยังอาจล้มเหลวได้
และถึงแม้ว่าพวกเขาจะล่ามันได้ แต่หลังจากการต่อสู้อันโหดร้าย หนังเสือก็คงจะได้รับความเสียหายไปมากแล้วและคงขายได้ราคาไม่ดีนัก
ด้วยเหตุนี้เอง หนังเสือที่ไร้ตำหนิตรงหน้าเขาจึงถือเป็นของหายากไม่ว่ามันจะไปปรากฎขึ้นที่ไหนก็ตาม
และยิ่งหากเขาสามารถขายมันให้กับพวกคนรวยได้ เขาก็อาจจะสามารถทำกำไรจากทุนได้สูงถึงสิบเท่า!
ดังนั้นแล้วเจ้าของร้านคนนี้จึงจะไม่พลาดมันไปอย่างแน่นอน
“หนังหมาป่า 5 ตัว คุณภาพดีเยี่ยม แต่ละอันมีราคาอยู่ที่ 1 ตำลึง หนังสุนัขจิ้งจอก 10 หนังคุณภาพดีเยี่ยม แต่ละอันมีราคาอยู่ที่ 3 ตำลึง หนังเสือดาว 3 ตัวคุณภาพดีเยี่ยม แต่ละอันมีราคาอยู่ที่ 5 ตำลึง หนังเสือตัวเดียว คุณภาพดีเยี่ยม ราคาอยู่ที่…”
เจ้าของร้านชราหยุดไปชั่วครู่เมื่อถึงจุดนี้ เขามองดูลู่หยวนราวกับกลัวว่าหากเขาเสนอราคาต่ำเกินไป ลู่หยวนจะหันหลังกลับและจากไปโดยทันที ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า “หนังเสือมีราคาอยู่ที่ 80 ตำลึง ตกลงไหม?”
“ตกลง” ลู่หยวนพยักหน้า
จำนวนเงินที่เขาคาดหวังไว้ในทีแรกคือ 60 ตำลึง แต่เมื่อเขาได้เพิ่มขึ้นมาอีก 20 ตำลึง ลู่หยวนจึงไม่รังเกียจที่จะรับมันเอาไว้...