บทที่ 168 เบาะแส
คิดไปคิดมา ฉินชิงก็อดนึกถึงสิ่งที่สนมเยว่พูดไว้เมื่อครั้งที่พวกนางพูดคุยกันไม่ได้ มันนานมาแล้วจนเกือบจะลืมไป ตอนนี้ถึงนึกขึ้นมาได้
ตอนนั้นสนมเยว่เหมือนจะหลุดปากพูดว่าแพะรับบาป จากนั้นก็ไม่ยอมพูดอีก มันทำให้ฉินชิงอยากรู้มาก ตอนนี้เกรงว่าคงจะได้ยินจากปากของสนมเยว่มาคลายความสงสัยของตนแล้ว
ฉินชิงคาดเดา หรือว่าอนุหลานจะเป็นแพะรับบาปตายแทนสนมโหลวหรือ?
ไม่รอให้ฉินชิงคิดอย่างละเอียด ก็เห็นสนมเยว่ลุกขึ้นมาด้วยการพยุงของหลานจือแล้วพูดว่า
"เพราะรู้จักกันตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้ออกเรือน ดังนั้นบางครั้งเมื่ออนุหลานรู้สึกทุกข์ใจ พวกเราสองคนก็จะนัดกันไปพูดคุยที่ศาลาหลังสวนดอกไม้เล็กๆ ของจวนอ๋อง นางมักจะบ่นกับหม่อมฉันว่าอารมณ์ของสนมโหลวแปรปรวน มักจะโมโหบ่อยๆ หม่อมฉันเองก็ปลอบใจนางบ่อยๆ"
"หลังจากนั้นล่ะ? ผงยาในเครื่องหอมเหล่านั้นมันเป็นมาอย่างไรกันแน่?"
ฉินชิงได้ยินสนมเยว่อธิบายเรื่องในตอนนั้นอย่างช้าๆ นางสนใจว่าผงยานั่นมันเป็นอย่างไรกันแน่
สนมเยว่ก็ถอนหายใจแล้วพูดต่อ
"เดิมทีนางรักในกลิ่นหอม แต่ไม่คิดว่าหลังจากสนมโหลวได้ยินเรื่องนี้กลับบังคับให้นางทำผงกลิ่นหอมให้ไทเฮาในตอนนั้น เพื่อจะได้ใช้เรื่องนี้มาบรรเทาความสัมพันธ์ของนางกับไทเฮา"
หลังจากสนมเยว่หวนนึกถึงเรื่องนี้ นางก็เหมือนถูกปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้ม
"เดิมทีหลานเอ๋อร์ไม่ยอม ผงหอมที่นางทำ แม้ว่ามันจะไม่เลว แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ดีสู้เครื่องหอมทางเขตตะวันตกเหล่านั้น อีกอย่างอนุหลานเองก็ไม่เข้าใจว่าไทเฮาในตอนนั้นชอบกลิ่นอะไร ผงหอมนี้ก็ไม่ได้ต่างจากของธรรมดาทั่วไป ถ้าจะส่งของเข้าวัง ส่งเป็นเครื่องประดับหรือเครื่องหยกจะดีกว่า ต้องไม่ใช่สิ่งของที่สามารถเข้าปากเข้าจมูกได้ ดังนั้นหลานเอ๋อร์จึงปฏิเสธไปเพคะ"
"แต่เรื่องนี้ไม่สำเร็จ สนมโหลวก็ยังมาอีกหรือ?"
ฉินชิงมองสนมเยว่ ตามที่นางคาดเดาสถานการณ์ในตอนนั้น แม้ว่าตอนนั้นอนุหลานจะยอมเสี่ยงอันตรายปฏิเสธสนมโหลวที่เป็นชายารองในตอนนั้น แต่สนมโหลวก็มีวิธีการเสมอ
"ใช่เพคะ ชูเจาอี้ทายถูกแล้ว สนมโหลวไปที่ห้องของหลานเอ๋อร์หนึ่งครั้ง แต่ครั้งนี้นางไม่ได้บอกว่าจะเอาเครื่องหอมไปส่งให้ไทเฮาในวัง แต่โกหกหลานเอ๋อร์ว่านางจะใช้เอง ดังนั้นหลานเอ๋อร์จึงเลือกเครื่องหอมหนึ่งชิ้นให้สนมโหลว"
"สนมโหลวจึงนำเครื่องหอมเข้าไปในวังอย่างนั้นหรือ"
"ชูเจาอี้ทายถูกแล้ว สนมโหลวนำเครื่องหอมนั้นเข้าวังในวันต่อมา แต่ไหนเลยจะคิดว่ามันจะเกิดปัญหา วัสดุที่ใช้ในเครื่องหอมนั้นกลับมีสนมในวังท่านหนึ่งใช้แล้วมีอาการแพ้ สนมคนนั้นเป็นคนที่ได้รับความโปรดปรานอย่างมาก ไหนเลยจะยอมปล่อยไทเฮาไปง่ายๆ ตอนนั้นไทเฮาทำได้เพียงเรียกชายารองโหลวมาขอโทษสนมคนนั้น"
"ดังนั้นความผิดนี้จึงถูกโยนให้อนุหลานงั้นหรือ?" ฮองเฮาตรัสถาม
"ใช่เพคะ เหนียงเหนียง แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล็ก แต่สนมคนนั้นกำลังได้รับความโปรดปราน ไม่มีทางให้อภัยสนมโหลวง่ายๆ ตอนนั้นไม่เพียงตำหนิสนมโหลว แต่ยังอยากจะถอนตำแหน่งของสนมโหลวด้วย แม้ว่าสนมโหลวจะเป็นคนในราชวงศ์แล้ว แต่เรื่องมันก็ไม่ง่าย ถึงอย่างไรก็เป็นผู้อาวุโส ทำให้ชื่อเสียงของสนมโหลวเสียหายก็ไม่ใช่เรื่องยาก"
"ดังนั้นทั้งที่หลานเอ๋อร์ไม่ได้ทำอะไรเลยก็กลับถูกสนมโหลวใช้ให้ออกมารับผิดแทน บอกว่าการส่งเครื่องหอมนั้นเป็นความคิดของหลานเอ๋อร์ และหลานเอ๋อร์ก็เป็นคนทำเครื่องหอมนั้น เมื่อสนมคนนั้นได้ยินก็โกรธมาก ชายารองร้ายดีอย่างไรก็เป็นลูกสะใภ้ของราชวงศ์ แต่อนุอย่างไรก็เป็นคนรับใช้ ตีให้ตายก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตอนนั้นก็ขอให้ไทเฮาสั่งสอนคนใช้ให้ดี"
"แม้ว่าไทเฮาจะจัดการเรื่องต่างๆ ค่อนข้างเด็ดขาด แต่ก็ไม่ถึงขั้นอยากจะเอาชีวิตของอนุหลานกระมัง" ฉินชิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย นางเองก็เคยสัมผัสและเข้าใจนิสัยของไทเฮา แม้ว่าจะค่อนข้างเข้มงวดกับคนใช้ และวิธีการก็เฉียบขาด แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องเอาชีวิตของอนุหลาน
"ไทเฮาแค่อยากตำหนิสนมโหลว และบอกให้สนมโหลวสั่งสอนคนใช้ให้ดี อีกอย่างถ้าเกิดสอนไม่ดีก็ไม่ต้องสอนแล้ว อยากจะถอนหน้าที่รับผิดชอบดูแลคนใช้ในจวนทั้งหมดของสนมโหลวในฐานะชายารอง"
"แต่สิ่งที่สนมโหลวกลัวคงไม่ใช่แบบนี้ใช่หรือไม่?"
ฮองเฮาคิดถึงนิสัยของสนมโหลว แม้ว่าจะมีชื่อว่าโหลวที่แปลว่าอ่อนโยน แต่ในความจริงแล้วสนมโหลวไม่ได้อ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย ฮองเฮายังสงสัย ตอนที่ฮ่องเต้ตั้งชื่อนี้ให้นางอาจจะเพราะอยากให้สนมโหลวเก็บความโมโหร้ายกลับไปบ้าง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการประชดประชันเสียมากกว่า
อีกอย่างอำนาจก็สำคัญมาก ฮองเฮาเองก็เข้าใจดี เรื่องการต่อสู้ที่เปิดเผยในเวลานั้น เหตุใดถึงไม่ได้ดึงตนเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็คงเพราะตนเป็นชายาเอก และมีอำนาจดูแลเรื่องในบ้านของจวนอ๋อง ในวังหลังนางก็ควบคุมดูแลทุกคนโดยตรง
แม้ว่าฮองเฮาไม่อยากจะทำร้ายใคร แต่นางก็รู้ความลับในวังหลัง ดังนั้นถึงได้เข้าใจว่าทำไมสนมโหลวถึงไม่อยากให้อำนาจเดียวที่ตนมีอยู่ในมือถูกแย่งไป
"ฮองเฮาตรัสถูกแล้วเพคะ หลังจากสนมโหลวกลับไปที่จวนอ๋อง นางก็เข้าไปตำหนิหลานเอ๋อร์ทันที ตอนที่หลานเอ๋อร์โกรธแล้วมาร้องไห้กับหม่อมฉันด้วยความจนใจ หม่อมฉันกลับทำอะไรไม่ได้"
สนมเยว่กล่าวถึงตรงนี้ก็อดน้ำตาซึมไม่ได้
"หลังจากนั้นหลานเอ๋อร์ก็ป่วยหนักและจากไปอย่างสงบ แต่น่าเสียดายที่หม่อมฉันไม่สามารถไปส่งนางได้" พูดจบสนมเยว่ก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ
ฉินชิงเห็นสนมเยว่จมอยู่ในความเจ็บปวดจึงส่งผ้าเช็ดหน้าที่นางใช้เป็นเครื่องประดับให้อีกฝ่ายเช็ดน้ำตา
สนมเยว่รับผ้าเช็ดหน้าของฉินชิงไปเช็ดน้ำตาแล้วพูดต่อ
"ผงยาเหล่านั้น สนมโหลวเป็นคนบังคับให้อนุหลานทำทั้งหมด ตอนนั้นบิดาของสนมโหลวเป็นผู้บังคับบัญชาบิดาของอนุหลาน นางเองก็ทำได้แต่ทำผงยาเหล่านั้นให้ตามคำขอ"
"แม้ว่าหม่อมฉันจะเข้าใจว่านางถูกบังคับให้ทำของที่ทำร้ายคนเหล่านั้น แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราในเวลานั้นก็ต้องระวังอย่างมาก เรื่องรายละเอียดที่ลึกกว่านั้นหม่อมฉันก็ไม่รู้ว่าคืออะไร หลังจากที่หลานเอ๋อร์ตายไปได้หลายปี ในที่สุดหม่อมฉันก็สืบความจริงได้จากปากของแม่นมคนนั้น”
หลังจากพูดมาได้ครึ่งหนึ่ง สนมเยว่ก็หันไปพูดกับฉินชิง
"จะว่าไปแล้วก็ต้องขอบคุณชูเจาอี้ ถ้าไม่ใช่เพราะนางพบว่าเครื่องหอมนั้นมีปัญหา หม่อมฉันคงไม่ได้คิดถึงจุดนี้"
"เรื่องเล็กน้อย ไม่ได้ลำบากอะไรเลย"
ฉินชิงไม่ได้รู้สึกว่าตนทำอะไรมากมาย แม้ว่านางจะช่วยสนมเยว่ไว้ได้ แต่ก็เป็นเพราะนิสัยของหมอเท่านั้น หมอไม่มีทางอยู่นิ่งๆ เมื่อเห็นว่ามีคนกำลังจะตายได้ เป็นเช่นนี้ทั้งกับสนมเยว่และฮองเฮา
หลังจากฉินชิงฟังจบแล้วก็เข้าใจความหมายของแพะรับบาปอย่างชัดเจน อนุหลานถูกสนมโหลวบังคับให้รับโทษนี้ และในเวลาเดียวกันราคาที่ต้องจ่ายก็คือชีวิต
ฮองเฮาได้ยินสนมเยว่พูดจบแล้วก็ถามว่า
"เมื่อครู่ได้ยินเจ้าพูดถึงแม่นมคนหนึ่งหรือ?"
"แม่นมคนนั้นเป็นคนที่รู้เรื่องงั้นหรือ?"
"แม่นมคนนั้นอยู่กับสนมโหลวในช่วงปีแรกๆ แต่ก็ได้ทำความผิดหลังจากสนมโหลวเข้าวัง จึงถูกส่งไปที่สำนักซักล้าง ตอนที่หม่อมฉันไปหานาง นางก็ไม่ได้มีสภาพที่ดีเท่าไรนัก หม่อมฉันจึงเชิญหมอหลวงมาดูอาการนางและจ่ายยาให้นาง ให้คนหลายคนในสำนักซักล้างมาทำงานแทนนาง เพื่อให้นางได้ไปพักผ่อน"
"จัดการเรียบร้อยแบบนี้ก็ดีแล้ว แล้วนางรู้เรื่องเยอะหรือไม่?"
"เพราะบุญคุณที่ช่วยชีวิต แม่นมคนนั้นเกรงว่าจะพูดทุกอย่างที่พูดได้แล้ว แต่ตอนนั้นนางเองก็ไม่ได้รับความโปรดปราน ข่าวที่รู้มาจึงค่อนข้างน้อยเพคะ"