ตอนที่ 23 เจ้าหลอกข้างั้นรึ?
ตอนที่ 23 เจ้าหลอกข้างั้นรึ?
หลังจากเตรียมการทุกอย่างแล้ว ซูหยางก็ออกมาจากกองเจิ้นหวู่ และวางแผนที่จะเดินเล่นรอบเมืองหยงเหอ
เมื่อเขาได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคนทั้งเจ็ดนี้ เขาจะตรวจสอบอีกฝ่ายทีละคน
เนื่องจากเขาไม่คุ้นเคยกับเมืองนี้ หลี่หมิงหยวนจึงติดตามเขามา
ทันทีที่เขาออกไป เขาก็พบว่าเย่เจียงกำลังนั่งอยู่อย่างเบื่อหน่ายในห้องโถงกลางของกองเจิ้นหวู่ และเปลี่ยนตำแหน่งที่นั่งเป็นครั้งคราว
ทันทีที่อีกฝ่ายเห็นเขาออกมา เย่เจียงแสดงความกระตือรือร้น และลุกขึ้นยืน
ดูเหมือนอีกฝ่าย... กำลังรอเขาอยู่เหรอ?
ซูหยางมองด้วยสายตาแปลกๆ ผู้ชายคนนี้ต้องการอะไรกันแน่?
“สหายซู ช่างบังเอิญจริงๆ ที่เราได้พบกันอีกครั้ง” เย่เจียงมองเขาด้วยท่าทีประหลาดใจ
ซูหยาง “...”
เจ้าไม่ได้จงใจรอข้าอยู่งั้นเหรอ?
“ข้ากำลังจะออกไปแล้ว” ซูหยางตอบ จากนั้นจึงพาหลี่หมิงหยวนเดินออกไป
สำหรับเย่เจียง เขาก็ตามมาพร้อมคนที่มาต้อนรับเขา
ซูหยางเพิกเฉยต่อเย่เจียง ยังไงซะเขาก็จะแค่เดินไปมารอบๆ เมืองหยงเหอ ถ้าอีกฝ่ายอยากจะตามมาก็ช่างเถอะ
ซูหยางเดินบนถนน และรับรู้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากหลี่หมิงหยวน ขณะเดินไปรอบๆ
ตัวอย่างเช่น กองกำลังที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหยงเหอคือ แก๊งต้าเหอ หัวหน้าแก๊งเป็นเป็นนักสู้ระดับ 5 ที่แข็งแกร่งมาก อีกฝ่ายฝึกฝนทักษะที่ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งจนยากจะสร้างรอยขีดข่วนใดๆ ได้
สมาชิกส่วนใหญ่ของแก๊งต้าเหอก็ฝึกฝนทักษะขัดเกลาร่างกายนี้เช่นเดียวกัน
สิ่งนี้ทำให้ซูหยางนึกถึงเบาะแสที่กล่าวถึงในข้อมูล กลุ่มโจรอาจเป็นนักสู้ที่ฝึกฝนทักษะขัดเกลาร่างกาย
“แก๊งต้าเหอ? เจ้าได้ตรวจสอบพวกเขาแล้วหรือยัง?”
“หลังจากการตรวจสอบแล้ว อีกฝ่ายไม่น่าจะใช่คนร้าย”
"เหตุผล?"
“ในวันที่เหตุการณ์เกิดขึ้น หัวหน้าแก๊งต้าเหอมาที่กองเจิ้นหวู่ เขาจึงข้อแก้ต่าง นอกเหนือจากหัวหน้าของพวกเขาแล้ว ในแก๊งต้าเหอยังไม่มีนักสู้ระดับห้าคนอื่น ๆ เลย”
“ในบรรดาคนที่คุ้มกันกองคารวาน มีระดับ 5 สองคน แต่พวกเขาทั้งคู่ก็ถูกสังหาร”
"อืม"
จากนั้น ซูหยางเดินไปรอบๆ เมืองหยงเหอ และเย่เจียงก็ติดตามเขาเหมือนเป็นผู้ติดตาม
บางครั้งพวกเขาก็จะพูดคุยกัน
ซูหยางไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องการทำอะไรกันแน่ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้อ่อนแอ
ไม่นานก็ผ่านไปเกือบหนึ่งวัน
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง
บนถนน เย่เจียงรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
“สหายซู เจ้าตระเวนไปทั่วทั้งวัน จะไม่หาเบาะแสหรือ?”
“ไม่ต้องรีบ ยังมีเวลาอยู่”
ซูหยางยิ้ม "สหายเย่ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าต้องการทำอะไรกันแน่ แต่เจ้าคิดว่าข้าแค่เดินเล่นไปรอบๆ จริงหรือ?"
“สหายเย่ ถ้าเจ้ารีบก็ไปหาเบาะแสก่อนได้”
“ข้าก็ไม่รีบ ในเมื่อเจ้าต้องการเดินเล่น เขาจะไปกับเจ้าเอง” เย่เจียงพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เย่เจียงไม่สนใจมากนัก และตัดสินใจที่จะติดตามซูหยางต่อไป
เขาดูเหมือนไม่คิดจะทำอะไรเลยจริงๆ
เมื่อยืนอยู่ข้างซูหยาง ปากของหลี่หมิงหยวนกระตุกเล็กน้อย เขาอยากจะหัวเราะแต่ไม่กล้าเพราะกลัวว่าจะสร้างปัญหา
เขารู้ว่าซูหยางได้ออกคำสั่งไปก่อนแล้ว
อีกฝ่ายสามารถกลับไปรับข่าวได้ในภายหลัง
หลังจากเดินไปได้สักพัก เย่เจียงก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“เจ้าจะกลับแล้วเหรอ?”
กองเจิ้นหวู่อยู่ข้างหน้า และทิศทางที่ซูหยางกำลังมุ่งหน้าไปในขณะนี้ก็คือกองเจิ้นหวู่เช่นกัน
“ใช่ หลังจากเดินมาทั้งวัน ข้าก็รู้สึกเหนื่อย ข้าวางแผนที่จะกลับไปพักผ่อน” ซูหยางพยักหน้า และตอบ
เย่เจียงตกตะลึงเล็กน้อย แต่เขายังคงทำตามที่พูดเอาไว้ และติดตามซูหยางต่อไป
ซูหยางกลับไปพักผ่อนแล้ว ดังนั้นเขาควรพักผ่อนเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าซูหยางให้สั่งให้คนอื่นๆ ไปค้นหาเบาะแสแล้ว
และดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เห็นผู้ร่วมการประเมินคนอื่นเลยตั้งแต่เข้ามาในเมืองนี้
ด้วยเหตุนี้ ซูหยางจึงกลับไปที่บ้านพักที่เตรียมไว้ให้เขาโดยกองเจิ้นหวู่ของเมืองหยงเหอ
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่เจียงก็หยุดฝีเท้า มันไม่ดีสำหรับเขาที่จะติดตามเข้าไป
“เจ้าเฝ้าดูที่นี่หรือขอให้ใครเฝ้าดูก็ได้ ถ้าเขาออกมาบอกข้าด้วย”
แม้เขาจะเข้าไปไม่ได้ แต่แค่ให้ใครมาเฝ้าดูคงไม่เป็นไรใช่ไหม?
"ขอรับ"
คนที่ได้รับหน้าที่ให้มาต้อนรับเย่เจียงรับคำสั่ง และรออยุ่ตรงนั้น
เย่เจียงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วกลับไปที่บ้านพักขอตน
เขากลับไปพักผ่อนจริงๆ
“ใต้เท้า นี่เป็นข้อมูลของทั้งเจ็ดคน จากการตรวจสอบ สองคนในนั้นมีปัญหาบางอย่าง”
หลังจากติเฝ้าดู และติดตามอีกฝ่ายทั้งวัน ก็มีเบาะแสใหม่เกิดขึ้น
“บอกรายละเอียดมา”
“จากการตรวจสอบ หลี่หงหยุนมีแม่คนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคจุดดำ ถ้าต้องการรักษามัน เธอต้องได้กินยาระดับ 6 แต่ด้วยความแข็งแกร่งระดับ 8 ของหลี่หงหยุน ถ้าเขาต้องการซื้อยาระดับ 6 แม้ว่าเขาจะขายทรัพย์สมบัติทั้งหมดมันก็จะยังไม่เพียงพอ”
“แต่จากการตรวจสอบของเรา อาการป่วยของแม่ของหลี่หงหยุนหายไปแล้วในวันนี้ แต่เธอทำงานอยู่ที่บ้าน และไม่มีความตั้งใจที่จะออกไปข้างนอก”
“ในอดีต แม่ของหลี่หงหยุนจะไม่มีวันอยู่เฉยๆ ที่บ้าน”
“นี่เป็นจุดที่น่าสงสัย นอกจากนี้ หลี่หงหยุนก็ไม่มีความผิดปกติอื่นใดอีก”
“คนที่สองคือหลี่ซาง”
“จากการหาเบาะแสจากคนรอบตัวเขา เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของหลี่ซาง”
“หลี่ชางนั้นบ้าพนัน เมื่อเจ็ดวันก่อน เขาสูญเสียเงินไปสามพันตำลึงที่บ่อนพนันหยงเหอในมือ และเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่เขาไม่สามารถชำระคืนได้”
“ด้วยความแข็งแกร่งระดับ 8 ของหลี่ซาง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรวบรวมเงินสามพันตำลึงในเวลาอันสั้น”
“แต่เมื่อวานนี้ เมื่อคนทวงหนี้จากบ่อพนันหยงเหอมาที่ประตูบ้าน หลี่ซางก็จ่ายหนี้ได้ทั้งหมด”
“ใต้เท้า นี่คือข้อมูลที่รวบรวมมาจนถึงตอนนี้”
หลี่หมิงหยวนรายงานสิ่งที่ได้พบทีละอย่าง และในขณะเดียวกันเขาก็ชื่นชมวิสัยทัศน์อันเฉียบคมของซูหยางในการล็อคเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ข้าจะออกไปตรวจสอบดู เจ้าจงจัดให้คนอื่นๆ จับตาดูอีกห้าคนต่อไป แม้วันนี้จะไม่พบอะไรก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง” ซูหยางสั่ง
"ขอรับ"
ซูหยางย่อมสัมผัสได้ถึงคนที่เฝ้าอยู่ข้างนอกโดยธรรมชาติ
เขาไม่ต้องการให้ใครติดตามเขาไป
ฉะนั้นจึงไม่อาจออกทางประตูหลักได้
มีทางเดียวคือข้ามกำแพงไป
แต่เมื่อมองไป เขาก็พบปัญหา เพราะว่าเขาไม่สามารถปีนข้ามกำแพงสูง 9 ฟุตได้เพราะร่างกายยังอ่อนแอเกินไป
เขาทำได้เพียงหาเก้าอี้เพื่อต่อขา และใช้มันเป็นฐานในการพลิกตัว
หลี่หมิงหยวนตกตะลึงเมื่อเห็นพฤติกรรมของซูหยาง
เกิดอะไรขึ้นกัน?
ทำไมใต้เท้าคนนี้ถึงต้องการเก้าอี้เพื่อปีนข้ามกำแพงด้วย?
แค่กระโดดข้ามไปก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?
ขณะนั้น ซูหยางเตรียมออกจากกองเจิ้นหวู่อย่างเงียบๆ
แต่ทันทีที่เขาไปถึงประตูก็มีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหูของเขา
“สหายซู เจ้าไม่ซื่อสัตย์เลย เจ้าจะไม่พักบ้างเหรอ?” เย่เจียงเดินออกจากมุมสายตาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อย
ซูหยาง “...”
“สหายเย่ เจ้าต้องการอะไรกันแน่? ตอนนี้เจ้า และข้าเป็นคู่แข่งกัน ดังนั้นมันผิดที่จะติดตามข้าตลอดเวลา” ซูหยางรู้สึกปวดหัว ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงยึดติดกับเขานัก?
“ฮ่าๆ สหายซู ข้าค้นพบความลับของเจ้าแล้ว” เย่เจียงหัวเราะเบาๆ
ความลับ?
เขามีความลับอะไรทำไมตัวเขาเองถึงไม่รู้
“ถ้าเดาไม่ผิด ร่างกายของสหายซูยังไม่คล่องตัวมากนัก”
“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าฝึกฝนอะไร แต่เจ้าไม่ใช่นักสู้อย่างแน่นอน เจ้าจึงไม่คล่องตัวมากนัก ดังนั้นแม้ว่าเจ้าจะพบตัวอาชญากร เจ้าก็อาจจะไม่สามารถตามจับเขาได้”
“มันจะเป็นจุดอ่อนร้ายแรงในการสืบสวน และจับกุมผู้กระทำผิด”
หลังจากพูดสิ่งนี้แล้ว เย่เจียงก็ยิ้ม "กลับกันข้านั้นที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนรุ่นใหม่ในจังหวัดเทียนเฟิง"
“พวกเราคนหนึ่งรับผิดชอบในการโจมตี และอีกคนมีหน้าที่ในการไล่ล่า มีเพียงการผนึกกำลังเท่านั้นที่เราจะสามารถมีบทบาทมากขึ้นได้”
“ถ้าเราร่วมมือกัน แม้ข้าจะขาดทุนนิดหน่อย แต่เราจะแบ่งผลงานกันครึ่งต่อครึ่ง เจ้าคิดว่าไง?”
เย่เจียงมองไปที่ซูหยางอย่างมั่นใจ
กลับกันซูหยางไม่ได้พูดอะไร และเตรียมจะจากไป
“เฮ้ เดี๋ยว อย่าไปนะ ข้าสี่ ส่วนเจ้าหก”
“สหายซู เรามาคุยกันหน่อยเถอะ ข้าจะเอาสาม ส่วนเจ้าเจ็ดล่ะกัน”
"ตกลง"
“หืม?”
“มุมปากของเจ้ายกสูงมาก เจ้าหลอกข้างั้นรึ?”
“สหายเย่ เจ้าไม่สามารถสงสัยในความบริสุทธิ์ของใครบางคนด้วยคำพูดที่ว่างเปล่าได้ ข้าได้พูดอะไรหรือเปล่า?”
เย่เจียง “...”