บทที่ 40 : คำเชิญของเสี่ยวเฉิน
บทที่ 40 : คำเชิญของเสี่ยวเฉิน
[ชื่อ]: ลู่หยุน
[ที่อยู่]: สถาบันศึกษาวรยุทธ์วิญญาณเหิน
[วรยุทธ์]: วิชากระบี่ทลายวายุขั้นสมบูรณ์ (ไม่สามารถพัฒนาได้อีกต่อไป), วิชาฐานรากผสมขั้นรู้แจ้ง (ไม่สามารถพัฒนาได้อีกต่อไป), ออร่าหยางพิสุทธิ์ขั้นเชี่ยวชาญ (34%), วิชากระบี่เจ็ดสังหารขั้นเชี่ยวชาญ (1%)
[พรสวรรค์โดยกำเนิด]:ขั้น 5
[ขอบเขตวรยุทธ์]: ขอบเขตเส้นลมปราณขั้นปลาย (8 เส้นลมปราณ)
[ค่าพลังงาน]: 0
“ฉันไม่ได้คาดคิดเลยว่ามันจะใช้คะแนนมากขนาดนี้ แค่อัพเกรดวิชากระบี่เจ็ดสังหารให้เป็นขั้นเชี่ยวชาญก็ใช้คะแนนพลังงานมากมายขนาดนี้แล้ว!”
เมื่อมองไปที่หน้าต่างค่าคุณสมบัติ เขาก็ถอนหายใจเล็กน้อย
เดิมทีเขาคิดว่าอย่างน้อยเขาก็จะสามารถอัพเกรดวรยุทธ์ทั้งสองให้ไปสู่ขั้นสมบูรณ์ได้ แต่ผลลัพธ์ก็คือเขาสามารถผลักดันพวกมันไปถึงได้แค่ขั้นเชี่ยวชาญเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน ตามมูลค่าคะแนนพลังงานที่ใช้ไป การบริโภคคะแนนของวรยุทธ์ทั้งสองในแต่ละระดับก็เกือบจะเท่ากัน
จากมุมมองนี้ วรยุทธ์ทั้งสองนี้ก็อยู่ในระดับเดียวกันสำหรับระบบ
ออร่าหยางพิสุทธิ์ใช้คะแนนพลังงาน 20 คะแนนตั้งแต่ขั้นต้นไปจนถึงขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อย และใช้คะแนนพลังงาน 50 คะแนนจากขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อยไปจนถึงขั้นเชี่ยวชาญ
ต่อมา เขาก็ได้ใช้คะแนนพลังงาน 33 คะแนนเพื่ออัพเกรดมันจากขั้นเชี่ยวชาญ (1%) เป็นขั้นเชี่ยวชาญ (34%)
“กล่าวคือ การอัพเกรดวรยุทธ์เหล่านี้จากขั้นเชี่ยวชาญไปสู่ขั้นสมบูรณ์ก็จะต้องใช้คะแนนพลังงาน 100 คะแนน!”
“แบบนั้นแล้วสำหรับขั้นที่สูงกว่าขั้นสมบูรณ์ล่ะ? นั่นคงจะใช้คะแนนเป็นจำนวนมหาศาล!”
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ความตื่นเต้นของลู่หยุนจากการพัฒนาก็ยิ่งมีมากขึ้น!
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องหาวิธีที่จะได้รับคะแนนการมีส่วนร่วมเพิ่มเติมซะแล้ว!”
ในความคิดของ ลู่หยุนวิธีที่ง่ายที่สุดในการได้รับคะแนนการมีส่วนร่วมก็คือหอคอยหมื่นปรากฏการณ์อย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาก็จะสามารถผ่านชั้นที่ 6 ได้อย่างง่ายดาย และการได้รับคะแนนการมีส่วนร่วมก็จะทำได้ง่ายราวกับการพลิกมือ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาเพิ่งออกมาจากหอคอยหมื่นปรากฏการณ์เมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถกลับไปได้อีกในช่วงนี้
นั่นจะดึงดูดความสนใจมากเกินไป ซึ่งมันก็จะไม่สอดคล้องกับบุคลิกของลู่หยุน
“ฉันต้องคิดวิธีอื่นซะแล้ว”
ลู่หยุนลูบคางของเขาโดยพิจารณาว่ามันยังมีช่องทางอื่นหรือไม่
ก็อก! ก็อก!
ในขณะนี้ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเขา
ลู่หยุนเต็มไปด้วยความสงสัย เขาเดินไปเปิดประตูบ้านและต้องตกตะลึงเมื่อเห็นคนข้างนอก
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงชายหนุ่ม แตใบหน้าของเขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ ด้วยคิ้วที่คมดุจดาบและดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายดาว ใบหน้าที่ใสดุจหยก และออร่าเย็นชาที่ขับไล่ผู้คนให้อยู่ห่างออกไป
เมื่อมองดูดวงตาคู่นั้น เขาก็สัมผัสได้ทั้งความเย็นชาและความอบอุ่น
จากความรู้สึกนี้ ลู่หยุนก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเขาไม่ชอบหรือชอบอีกฝ่าย
“เสี่ยว… พี่เสี่ยวเฉิน!”
ลู่หยุนโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อทักทาย
เสี่ยวเฉินเพียงแค่พยักหน้า เขาถอนสายตาจากลู่หยุนและใบหน้าของเขาก็ดูเย็นชาเล็กน้อย
“ความแข็งแกร่งของเจ้าดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นอีกครั้งแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้รับประโยชน์มากมายจากหอคอยหมื่นปรากฏการณ์เลยสินะ”
“โอ้?” ลู่หยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “พี่เสี่ยวรู้ได้อย่างไรว่าข้าไปที่หอคอยหมื่นปรากฏการณ์มา?”
“ข้าบังเอิญเจอเจ้าระหว่างทาง แต่เจ้าไม่เห็นข้า”
ลู่หยุนพยักหน้าเล็กน้อย
ดูเหมือนทั้งสองคนจะพูดไม่เก่ง ดังนั้นพวกเขาจึงยืนอยู่นอกประตูและมองหน้ากัน
ดวงตาของเสี่ยวเฉินเฉียบคม บางครั้งมันก็เหมือนมีดคมๆ ที่มองทะลุร่างของลู่หยุน
การจ้องมองของลู่หยุนเองก็ดูเพ่งพินิจมาก เขารู้สึกขมขื่นเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายที่ดูหล่อเหลากว่าเขา
“ถ้าพรสวรรค์โดยกำเนิดของเขาดีกว่านี้อีกสักหน่อย เขาก็คงจะกลายเป็นตัวเอกในตำนานไปแล้ว”
ลู่หยุนถอนหายใจในใจแล้วกล่าวเชิญ “ในเมื่อพี่เสี่ยวมาถึงที่นี่แล้ว ทำไมท่านไม่เข้ามาคุยกันก่อนล่ะ?”
“ไม่จำเป็น ข้ามาพบเจ้าด้วยความตั้งใจอื่น และการได้เห็นการพัฒนาความแข็งแกร่งของเจ้าก็ช่วยยืนยันการตัดสินใจครั้งก่อนของข้าแล้ว”
เมื่อพูดอย่างนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสี่ยวเฉินในขณะที่เขาพูดอย่างร่าเริงว่า “ลู่หยุน ข้ามีภารกิจที่ต้องใช้คู่หูที่มีความแข็งแกร่งขอบเขตเส้นลมปราณขั้นปลายเป็นอย่างน้อย เจ้ายินดีที่จะมาร่วมงานกับข้าหรือไม่?”
ลู่หยุนดูแปลกใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้ นี่เป็นเพราะเขาไม่เคยคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมาหาเขาเพราะเรื่องนี้
ในสถาบันศึกษาวรยุทธ์ การทำธุรกรรมทั้งหมดก็จะขึ้นอยู่กับคะแนนการมีส่วนร่วมเป็นหลัก
ดังนั้นหากต้องการจะได้รับวรยุทธ์ อาวุธและยา พวกเขาก็จำเป็นจะต้องใช้คะแนนการมีส่วนร่วมเป็นจำนวนมาก
ซึ่งมันก็มีหลายช่องทางในการรับคะแนนการมีส่วนร่วม เช่นการท้าทายหอคอยหมื่นปรากฎการณ์และการทำงานให้กับสถาบัน
หอคอยหมื่นปรากฎการณ์มีสามสิบชั้น ยิ่งชั้นสูงเท่าไรก็ยิ่งได้คะแนนมากขึ้นเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้น ยิ่งชั้นสูง มันก็ยิ่งผ่านยากขึ้นตามไปด้วย
อัจฉริยะบางคนสามารถผ่านไปได้ชั้นเดียวหลังจากผ่านไปหลายเดือนหรือหลายปีเท่านั้น
อาจกล่าวได้ว่าการได้รับคะแนนสนับสนุนผ่านหอคอยหมื่นปรากฎการณ์นั้นเป็นทั้งช่องทางที่ง่ายที่สุดและยากที่สุด
ในทางตรงกันข้าม เนื่องจากมีงานมากมายในสถาบันศึกษาวรยุทธ์และมีงานในระดับที่แตกต่างกันสำหรับลูกศิษย์ในระดับที่แตกต่างกัน ดังนั้นรางวัลของงานจึงมีแตกต่างกันออกไป
ด้วยเหตุนี้เอง ช่องทางหลักสำหรับศิษย์ส่วนใหญ่จึงเป็นการทำงานที่สถาบันมอบหมายให้
งานของสถาบันศึกษาวรยุทธ์โดยทั่วไปแล้วเกี่ยวข้องกับการฆ่าสัตว์อสูร การจัดการกับกองกำลังพรรคมารและผู้คนที่สมรู้ร่วมคิดกับพรรคมาร
แน่นอนว่าผู้อาวุโสและศิษย์บางคนก็ยังสามารถออกภารกิจและมอบของรางวัลให้กับผู้ที่ทำงานให้กับพวกเขาได้ด้วยเช่นกัน
ซึ่งศิษย์ใหม่ส่วนใหญ่ก็มักจะรับภารกิจดังกล่าวเพื่อรับคะแนนการมีส่วนร่วม
ท้ายที่สุดแล้ว ศิษย์ใหม่โดยทั่วไปแล้วก็มีความแข็งแกร่งต่ำ ดังนั้นการรับภารกิจฆ่าสัตว์อสูรและจัดการกับพวกพรรคมารจึงเป็นงานที่อันตรายมาก
ดังนั้นแทนที่จะรับมือกับภารกิจความเสี่ยงสูง งานระดับต่ำที่มีคะแนนการมีส่วนร่วมต่ำเหล่านี้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
เมื่อลู่หยุนได้ยินคำพูดของเสี่ยวเฉิน สิ่งแรกที่เขาคิดก็คือภารกิจระดับต่ำเหล่านี้
แต่คำพูดถัดมาของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาตกตะลึงอีกครั้ง
“นี่คือภารกิจระดับเหลือง หากทำสำเร็จ เราแต่ละคนจะได้รับคะแนนการมีส่วนร่วม 500 คะแนน!”
เสี่ยวเฉินมองดูลู่หยุนอย่างเฉยเมยด้วยสีหน้าสงบ ราวกับว่าเขารู้ว่าลู่หยุนจะไม่ปฏิเสธ
คะแนนการมีส่วนร่วม 500 คะแนนอาจไม่มาก แต่มันก็ต้องอย่าลืมว่าพวกเขาได้กันคนละ 500
โดยทั่วไปแล้ว ศิษย์ใหม่ก็จะทำภารกิจและได้รับคะแนนการมีส่วนร่วมอย่างน้อยหลักสิบถึงหลักร้อยคะแนน และภารกิจเหล่านี้ก็มักจะใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเสร็จสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ภารกิจที่เสี่ยวเฉินทำนั้นก็เป็นภารกิจระดับเหลือง ซึ่งให้รางวัลรวม 1,000 คะแนนการมีส่วนร่วม
“ทำไมท่านถึงเลือกข้า?” ลู่หยุนถามอย่างเคร่งขรึม
เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้แล้ว
รอยยิ้มบนใบหน้าของเสี่ยวเฉินก็ชัดเจนยิ่งขึ้น
เมื่อลู่หยุนถามคำถามนี้ มันก็จะต้องหมายความว่าเขารู้สึกสนใจจะทำอย่างแน่นอน
“ประการแรก ข้าต้องการใครสักคนที่มีความแข็งแกร่งไม่แตกต่างไปจากข้ามากนัก ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าเราจะเผชิญหน้ากับอันตราย แต่เราก็จะไม่ล้มเหลวเนื่องจากถูกขัดขวาง และมันก็จะรับประกันความปลอดภัยของเราได้อีกด้วย!”
“ประการที่สอง เราเคยพบกันมาก่อนและเป็นคนบ้านเดียวกัน”
“และหากพูดกันตามตรง นอกจากเจ้าแล้ว ข้าก็ไม่รู้จักใครอีกเลย”
“สำหรับประการสุดท้ายและสำคัญที่สุด ข้าว่าเจ้าค่อนข้างน่าสนใจ!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ยกดาบขึ้นแล้วเอาแขนโอบหน้าอก รอยยิ้มอันสงบปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ลู่หยุนยิ้มเล็กน้อย
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเอาด้วย!”
ทั้งสองมองตากันและแลกยิ้ม..