ตอนที่แล้วบทที่ 37 : วิชากระบี่เจ็ดสังหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 39 : สำเร็จวิชากระบี่ การปรากฎตัวของเจตนาฆ่า

บทที่ 38: สังหารสิ่งมีชีวิตและสังหารตนเอง ราคามิตรภาพ


บทที่ 38: สังหารสิ่งมีชีวิตและสังหารตนเอง ราคามิตรภาพ

วิชากระบี่เจ็ดสังหารเป็นศาสตร์กระบี่ที่ใช้การฆ่าเพื่อหยุดการฆ่า แก่นแท้ของวิชากระบี่นี้คือการฆ่า ยิ่งเจตนาฆ่าแข็งแกร่งมากเท่าใด มันก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น และมันก็มาพร้อมกับความสามารถในการโจมตีที่ทรงพลังซึ่งเหนือกว่าระดับของตัวผู้ใช้เอง

เพื่อที่จะฝึกฝนมันให้ถึงขั้นสมบูรณ์ เราก็จำเป็นจะต้องมีความเข้าใจอันมหาศาลและจำเป็นจะต้องโชคครั้งใหญ่

“วิชากระบี่เจ็ดสังหาร!”

ลู่หยุนพึมพำเบาๆ โดยไม่สามารถซ่อนความตกใจในดวงตาของเขาได้

ถ้าไม่ใช่เพราะการจำกัดของผนึก เขาก็คงจะพยายามเปิดอ่านมันไปแล้ว

คนอื่นอาจไม่สามารถฝึกมันให้ถึงขั้นสมบูรณ์ได้เนื่องจากไม่มีความสามารถหรือโอกาส

แต่ลู่หยุนนั้นแตกต่างออกไป หากเขามีคะแนนพลังงานมากเพียงพอ เขาก็จะสามารถยกระดับมันขึ้นไปอีกระดับหนึ่งได้

เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา จิตใจของลู่หยุนก็เริ่มเต้นแรง

ตราบใดที่เขาเข้าใจเจตนาฆ่า...

ไม่สิ แค่เพียงเขาฝึกมันได้เมื่อไหร่ เขาก็จะสามารถจัดการกับชั้นที่หกของหอคอยหมื่นปรากฏการณ์ได้อย่างแน่นอน

หลังจากตัดสินใจเลือกวิชากระบี่เจ็ดสังหารแล้ว ลู่หยุนก็หมดความสนใจในวรยุทธ์อื่นๆ เขาหันกลับไปอย่างเด็ดเดี่ยวและเดินออกไปจากศาลาวิชายุทธ์

“วิชากระบี่เจ็ดสังหาร?” ผู้อาวุโสในชุดขาวที่รับผิดชอบดูแลศาลาวิชายุทธ์ขมวดคิ้วกับสิ่งที่ลู่หยุนเลือกมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม

หน้าที่ของเขาคือการปกป้องศาลาวิชายุทธ์เท่านั้น การเลือกและการตัดสินใจของลูกศิษย์ในสถาบันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องเข้าไปยุ่ง

“ส่งตราประจำตัวของเจ้ามา!”

ลู่หยุนมอบตราประจำตัวของเขาให้อีกฝ่าย

จากนั้นเขาก็เห็นผู้อาวุโสมองไปที่ตรา เขาพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในช่องด้านหลังเขาโดยนำคัมภีร์วรยุทธ์และตราประจำตัวติดตัวไปด้วย

สองสามลมหายใจต่อมา เขาก็เดินกลับออกมาและมอบคัมภีร์และตราประจำตัวคืนให้กับลู่หยุนก่อนจะพูดด้วยเสียงเรียบๆ ว่า “ภายในครึ่งเดือน ไม่ว่าเจ้าจะฝึกมันได้สำเร็จหรือไม่ก็ตาม เจ้าจะต้องคืนมันกลับมาให้กับศาลาวิชายุทธ์”

“ศิษย์เข้าใจแล้ว!”

ลู่หยุนตอบ จากนั้นเขาก็เดินจากไปทันที

หลังจากออกจากศาลาแล้ว ลู่หยุนก็ได้ตรวจสอบคัมภีร์และตราประจำตัวโดยทันที

ประการแรก คะแนนการมีส่วนร่วมจาก 380 คะแนนเดิมได้ลดลงเหลือเพียง 30 คะแนนเท่านั้น

ประการที่สอง เขาไม่รู้ว่าผู้อาวุโสในชุดขาวปลดผนึกวิชากระบี่เจ็ดสังหารได้อย่างไร แต่ตอนนี้เขาก็สามารถพลิกดูเนื้อหาของมันได้แล้ว

“วิชานี้ค่อนข้างมีประโยชน์จริงๆ!” ลู่หยุนพึมพำขณะที่เขามองดูเนื้อหา

ในขณะที่เขากำลังเดินออกจากศาลาวิชายุทธ์ เงาอ้วนท้วนก็ปรากฏขึ้นโดยทันที เขาตบมือลงบนไหล่ของลู่หยุนและกล่าวว่า “น้องลู่ ในที่สุดเจ้าก็ออกมาได้สักที”

ลู่หยุนปิดคัมภีร์วิชากระบี่เจ็ดสังหารแล้วจ้องมองไปที่อีกฝ่ายพร้อมกับบ่นว่า “นี่ท่านมาจากทางไหนกัน? ท่านเกือบจะทำให้ข้าหัวใจวายตายแล้วนะ”

ต้วนชิงหัวเราะเบาๆ เขาจ้องมองคัมภีร์ลับในมือของลู่หยุน

“ข้าเห็นว่าศิษย์น้องลู่กำลังยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ นี่แสดงว่าเจ้าได้รับคัมภีร์วรยุทธ์ที่ต้องการมาแล้วใช่ไหม?”

“ใช่แล้ว ถึงแม้ว่ามันจะมีราคา 350 คะแนน แต่ข้าก็ค่อนข้างพึงพอใจกับมัน”

ในขณะที่เขาพูด ลู่หยุนก็โบกคัมภีร์ในมือของเขาไปมา

ต้วนชิงตบหลังลู่หยุนและเริ่มพูดอย่างจริงจังเมื่อเขาเห็นชื่อบนปกของคัมภีร์ “ศิษย์น้องลู่ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าโชคดีหรือโชคร้ายที่ได้คัมภีร์วรยุทธ์นี้!”

“มีอะไรผิดปกติกับวิชากระบี่เจ็ดสังหารกัน? ข้าก็คิดว่ามันค่อนข้างดีนะ” ลู่หยุนตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“วิชากระบี่เจ็ดสังหารนั้นดีจริงๆ มันเรียกได้ว่าเป็นวรยุทธ์ที่ดีที่สุดในชั้นหนึ่งของศาลาวิชายุทธ์เลยก็ว่าได้”

ต้วนชิงหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นวรยุทธ์ที่อันตรายที่สุดเช่นกัน ศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากมายได้เลือกวรยุทธ์นี้เป็นสิ่งแรก”

“ในตอนแรก พวกเขาจำนวนมากก็สามารถเข้าสู่ขั้นต้นได้ และความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ มันแม้กระทั่งทำให้พวกเขาสามารถต่อสู้กับผู้ที่อยู่เหนือระดับของพวกเขาได้ และพวกเขาก็ได้รับชื่อเสียงค่อนข้างมาก”

“อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแก่นแท้ของวิชากระบี่นี้อยู่ที่การฆ่า ด้วยเหตุนี้เอง การจะฝึกมันจนไปถึงจุดสูงสุดหรือแม้แต่ขั้นสมบูรณ์นั้นจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก และมันก็ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องหันไปฝึกวรยุทธ์อย่างอื่นแทนในท้ายที่สุด”

“มีเพียงคนส่วนน้อยที่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดตั้งแต่ระดับ 6 ดาวขึ้นไปเท่านั้นถึงจะสามารถพัฒนาวิชากระบี่เจ็ดสังหารจนไปถึงขั้นสมบูรณ์และเข้าใจแนวคิดเรื่องการฆ่าได้สำเร็จ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลู่หยุนก็แสดงสีหน้าคาดหวังและถามอย่างกระตือรือร้นว่า “แล้วมีใครเข้าใจแนวคิดเรื่องการฆ่าได้สำเร็จบ้างไหม?”

ต้วนชิงส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น

“วิชากระบี่เจ็ดสังหารซึ่งใช้การฆ่าเพื่อหยุดการฆ่านั้นอาศัยเจตนาฆ่าเป็นรากฐานของวิชา ด้วยเหตุนี้เอง ยิ่งเราฆ่าสิ่งมีชีวิตไปมากเท่าใด เจตนาฆ่าก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น และพลังการต่อสู้ของมันก็จะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อเจตนาฆ่าถูกสั่งสมจนถึงจุดสูงสุดและเปลี่ยนไปสู่แนวคิดเรื่องการฆ่าเท่านั้น ความเข้าใจในแนวคิดนี้จึงจะปรากฏขึ้นมาเองตามธรรมชาติ”

“น่าเสียดายที่เจตนาฆ่านั้นนำมาซึ่งทั้งความสำเร็จและความพินาศ  บรรดาผู้ที่ฝึกฝนวิชากระบี่เจ็ดสังหารจนไปถึงขั้นสูงล้วนแต่ถูกครอบงำโดยเจตนาฆ่าในท้ายที่สุด และหากที่ข้าพูดยังไม่ชัดเจน พวกเขาก็ได้ตกอยู่ในสภาวะบ้าคลั่งและเส้นลมปราณของพวกเขาก็ตกอยู่ในความโกลาหล ซึ่งผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุดก็อาจนำมาซึ่งการฆ่าตัวตายได้!”

“เจ็ดใน 'เจ็ดสังหาร' จริงๆ แล้วยังบ่งบอกถึงการฆ่าสิ่งมีชีวิตและการฆ่าตัวตายด้วย!”

ต้วนชิงถอนหายใจและแนะนำอย่างเศร้าสร้อยว่า “ศิษย์น้องลู่ เจ้าจะต้องใช้ความระมัดระวังและความรอบคอบให้มากหากเจ้าคิดจะฝึกวรยุทธ์นี้ต่อไป!”

ลู่หยุนไม่ได้สนใจความอันตรายของวิชากระบี่เจ็ดสังหารเลย เขายังคงถามต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แล้วถ้าวรยุทธ์นี้อันตรายมากและไม่มีใครเข้าใจแนวคิดของมันได้สำเร็จ งั้นแล้วทำไมสถาบันศึกษาวรยุทธทจึงยังเก็บมันไว้ในศาลาวิชายุทธ์อยู่อีก?”

ต้วนชิงอธิบายว่า “การที่มันยังอยู่ ก็เพราะมันมีเหตุผลเบื้องหลัง สถาบันศึกษาวรยุทธ์ได้พิจารณาวิชาวรยุทธ์แต่ละอย่างของพวกเขามาเป็นอย่างดีแล้ว ซึ่งข้อมูลตรงจุดนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะสามารถทำความเข้าใจได้ แต่หากให้ข้าพูด พวกเขาก็คงจะเก็บมันไว้เพื่อใช้ทดสอบศิษย์ของพวกเขา”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลู่หยุนก็พยักหน้า

แม้ว่าการคาดเดาของต้วนชิงจะดูคลุมเครือ แต่มันก็ยังพอฟังขึ้นอยู่บ้าง

สถาบันศึกษาวรยุทธ์ไม่เพียงแต่ต้องการให้ศิษย์ของพวกเขาบรรลุขอบเขตวรยุทธ์ที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องการให้ศิษย์ของพวกเขามีความแข็งแกร่งที่ทรงพลัง มีความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ และมีความสามารถในการรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตนเอง แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องของความเป็นและความตายก็ตาม!

หากใครเพียงแค่แสวงหาความแข็งแกร่งโดยไม่สนใจอันตรายของมันเลย ศิษย์ดังกล่าวก็จะต้องพินาศลงสักวันด้วยตัวของพวกเขาเองโดยไม่สนว่าพวกเขาจะมีพรสวรรค์สูงแค่ไหนก็ตาม

“ศิษย์น้องลู่ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนหัวแข็งและมีความเชื่อมั่นในความสามารถของเจ้าอย่างเต็มที่ แต่ความจริงก็คือความจริง ความแข็งแกร่งอับฉาบฉวยนี้มาพร้อมกับอันตรายอันยิ่งใหญ่!”

เมื่อพูดไปแล้ว นี่ก็เป็นคำแนะนำสุดท้ายของต้วนชิงที่มีต่อลู่หยุน

“ขอบคุณพี่ใหญ่ ข้าจะจำเรื่องนี้ไว้”

ลู่หยุนตอบกลับอย่างจริงใจ จากนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา

“คราวที่แล้วข้าเห็นพี่ใหญ่ยังมียาชะล้างกายาเหลืออยู่ ตอนนี้ท่านยังพอจะมีพวกมันเหลืออยู่อีกไหม?”

ต้วนชิงหูผึ่งเมื่อได้ยินหัวข้อนี้ จากนั้นเขาก็ส่ายหัว “ยาชะล้างกายามีประโยชน์สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตยุทธ์เท่านั้น แต่น้องชาย เจ้าอยู่ในขอบเขตเส้นลมปราณแล้ว ดังนั้นมันจึงมีเพียงยาเส้นลมปราณเท่านั้นที่เจ้าจะสามารถใช้งานได้ในขณะนี้ ถึงอย่างนั้น หากเจ้าต้องการมันด้วยเหตุผลบางอย่าง ข้าก็ยังพอมีเหลืออยู่บ้าง”

ก่อนหน้านี้ ต้วนชิงได้สะสมยาเส้นลมปราณมาเป็นจำนวนมากเพื่อใข้ทะลวงผ่านขอบเขตปราณแท้ และหลังจากทะลวงเสร็จแล้ว เขาก็ยังมีพวกมันเหลืออยู่อีกมาก ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงกำลังหาวิธีระบายพวกมันออกไปอยู่พอดี

และในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่เขาจะไม่ต้องคิดหาวิธีเองเท่านั้น แต่ลู่หยุนยังเป็นคนเสนอมันขึ้นมาอีก ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องปฎิเสธให้เสียโอกาสเลย

“ยาเส้นลมปราณก็ดีเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้าก็มีคะแนนเหลือเพียง 30 คะแนนเท่านั้น…”

“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา พี่ใหญ่คนนี้สามารถให้ยาเส้นลมปราณแก่เจ้าก่อนได้ ไว้เมื่อเจ้ามีคะแนนพอแล้วเจ้าค่อยมาจ่ายคืนข้าเอาทีหลังก็ได้”

“มันจะไม่เป็นไรจริงๆ หรอ?”

“มันเป็นแน่สำหรับคนอื่น แต่สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าและข้า แน่นอนว่ามันไม่เป็นไรจริงๆ”

ด้วยเหตุนี้เอง ต้วนชิงจึงหยิบขวดยาสองขวดออกมาจากอกของเขา ดวงตาของเขาหรี่ลงด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ ข้าจะขายยาเส้นลมปราณ 2 ขวดนี้ให้กับเจ้าในราคามิตรภาพด้วยคะแนนการมีส่วนร่วม 200 คะแนนเท่านั้น!”

“ขอบพระคุณสำหรับน้ำใจของท่าน พี่ใหญ่!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด