ตอนที่ 22 คดีปล้นภูเขาเถี่ยหวน
ตอนที่ 22 คดีปล้นภูเขาเถี่ยหวน
ในสถานที่ประเมินผู้ตรวจการสี่ทิศ
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ซูหยาง
ขณะนั้นพวกเขาได้เห็นร่างกายของซูหยางถูกอบอวลไปด้วยเจตจำนงดาบ ด้วยการโบกมือ ดาบลวงตาที่ก่อตัวจากเจตจำดาบก็พุ่งออกไป
มันตัดผ่านอากาศ เขาก็มาถึงหน้าหินม่วงทองในพริบตา
พรึ่บ
เกิดเสียงแผว่เบา และไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก
แต่หินทองม่วงแตกออกเป็นสองซีก
"ฟ่อ"
ทุกคนในที่แห่งนี้ที่มองดูต่างตกตะลึง
หากต้องการบดขยี้หินทองม่วงด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว จะต้องไปถึงขีดกำจัดของระดับสี่เป็นอย่างน้อยถึงจะทำได้
ชายหนุ่มคนนี้มาจากไหนกัน?
"ผ่าน" แม้แต่หม่าหวู่ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองซูหยางอย่างระมัดระวัง และยอมแพ้หลังจากไม่ว่าจะพยายามนึกมากเท่าใดก็ดูเหมือนจะไม่เคยได้ยืนชื่อนี้เลย
ซูหยางกลับไปที่ที่นั่งเดิม และแตะคาง รู้สึกว่าเขาจะได้มีชื่อเสียงมากขึ้นเล็กน้อย
ไม่ เหตุผลหลักก็คือ หินทองม่วงนี้ไม่ได้แข็งมากนัก
เขาแค่โจมตีออกไปเบาๆ
การประเมินขั้นแรกจบลงเพียงเท่านี้ และทุกคนในที่นี่ก็จำซูหยางได้
“การประเมินขั้นแรกนี้เป็นเพียงเพื่อป้องกันไม่ให้คนที่ไม่มีความตระหนักรู้ในตนเองเข้ามา ถือเป็นการทดสอบเบื้องต้น”
“ขั้นตอนต่อไปคือการทดสอบที่แท้จริงว่าพวกเจ้าสามารถเป็นผู้ตรวจการสี่ทิศได้หรือไม่”
หม่าหวู่มองไปรอบๆ และพูดต่อ "ภารกิจคือ ตรวจสอบการปล้นในภูเขาเถี่ยหวน"
“ระยะเวลาประเมินคือ หนึ่งเดือนหรือปิดคดีลงได้”
“หากเจ้าพบสิ่งใดระหว่างทาง เจ้าสามารถติดต่อกับกองเจิ้นหวู่ได้ ในเวลาเดียวกัน สมาชิกกองเจิ้นหวู่ที่นั่นจะให้ร่วมมือกับเจ้า”
"หลังจากการประเมิน ผู้ชนะจะถูกกำหนดโดยพิจารณาจากการมีส่วนร่วม สี่อันดับแรกจะได้เป็นผู้ตรวจการสี่ทิศ"
หม่าหวู่พูด และโบกมือ และสมาชิกกองเจิ้นหวู่ที่อยู่ด้านข้างก็เดินออกมา
เอกสารฉบับหนึ่งถูกแจกจ่ายให้กับทั้งแปดคน
“นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับการปล้นในภูเขาเถี่ยหวน พวกเจ้าสามารถดูได้ รวมถึงรายการสิ่งของที่ถูกปล้นไป”
“สำหรับภารกิจนี้ เราได้ระบุขอบเขตคราวๆ ไว้แล้ว”
“สิ่งของที่ถูกปล้นบางส่วนปรากฏขึ้นในเมืองหยงเหอ ขณะนี้พื้นที่รอบๆ เมืองหยงเหอถูกปิดกั้นเอาไว้ พวกเจ้าสามารถเริ่มการสอบสวนได้จากเมืองนี้”
“การประเมินเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว”
หลังจากที่หม่าหวู่ให้คำอธิบายสั้นๆ เขาก็อธิบายว่าการประเมินได้เริ่มต้นขึ้นแล้วเพื่อให้ทุกคนเริ่มลงมือได้เลย
แต่ไม่มีใครรีบร้อน
ทุกคนตรวจสอบข้อมูล ณ จุดนั้น รวมถึงซูหยางด้วย
เดิมที ซูหยางคิดว่าต้องใช้แค่ความแข็งแกร่งเพียงพอเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น
นอกจากนี้ หากผู้ตรวจการไม่มีความสามารถในการตัดสินใจ และจัดการคดีต่างๆ เพียงแค่แข็งแกร่งมันไม่เพียงพอ
[ คดีปล้นภูเขาเถี่ยหวน ]
[ ที่ตั้ง : ถนนเส้นหลักบนภูเขาเถี่ยหวน ]
[ เบาะแส : มีผู้ร่วมลงมือ 3 ถึง 10 คน ในหมู่พวกเขา ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่เหนือระดับ 5 และไม่ทราบขีดกำจัดบน ต้องสงสัยว่าเป็นนักสู้ที่ขัดเกลาร่างกายจนแข็งแกร่ง พวกเขาปล้นสินค้ามูลค่าหลายล้านตำลึง คนคุ้มกันกองคารวานทั้ง 16 คนเสียชีวิต ล่าสุดสินค้าที่น่าสงสัยดังกล่าวปรากฏในเมืองหยงเหอ และพื้นที่รอบๆ เมืองหยงเหอถูกปิดกั้น ]
[ รายการสินค้า: ยากู่เซิงระดับ 5 ยาหลิงจื่อระดับห้า ทรายเหล็กดาว… ]
มีข้อมูลไม่มาก
ได้แก่ สถานที่เกิดเหตุ สถานที่ต้องสงสัย และรายการสินค้า
หลังจากอ่านมันครั้งหนึ่ง ซูหยางก็เก็บมันเอาไว้ เนื่องเขาไม่ได้มีความทรงจำแบบภาพถ่าย เขาจึงต้องหยิบออกมาดูหากจำเป็น
หลังคนอื่นๆ อ่านจบหมดแล้ว พวกเขาก็ออกไปเตรียมตัวออกเดินทาง
เมืองหยงเหออยู่ห่างจากเมืองเทียนเฟิงหกร้อยลี้ ด้วยความเร็วของม้าชิงเฟิงต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
ซูหยางจึงกลับไปที่ร้านอาหาร รับม้าชิงเฟิง ขี่ม้าแล้วออกเดินทางหลังจากออกจากประตูเมือง
เขาเป็นคนแรกที่ออกจากเมืองเทียนเฟิง แต่หลังจากที่เขาออกเดินทาง เขาก็ถูกสมาชิกคนอื่นๆ แซงหน้าอย่างรวดเร็ว
คนที่เหลือนั้นได้ขี่ม้าที่ดีกว่าเขา
จะเห็นได้ว่ารากฐานของซูหยางนั้นด้อยกว่าคนอื่นๆ ความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาได้เร็วเกินไป และสิ่งอื่นๆ ยังตามไม่ทัน
ในเวลานี้ ใครก็ตามที่ไปถึงเมืองหยงเหอก่อนจะสามารถรับข้อมูลโดยตรง และมีโอกาสชนะมากกว่า
ดังนั้นจะไม่มีใครรอซูหยาง
แม้ว่าพวกเขาจะเห็นว่าม้าที่ซูหยางขี่เป็นเพียงม้าชิงเฟิง พวกเขาก็แอบมีความสุข
แต่นั่นไม่ใช่สำหรับทุกคน
“สหายซู สหายซู”
ซูหยางหันกลับมาด้วยความสับสน และพบว่าเป็นเย่เจียงที่เป็นคนแรกในการประเมิน
เย่เจียงกำลังขี่ม้าโลหิตแดงซึ่งเป็นสัตว์อสูรระดับ 7 สัตว์อสูรในระดับนี้สามารถเดินทางได้หลายพันลี้ในหนึ่งวันได้อย่างง่ายดาย
ม้าชิงเฟิงของซูหยางไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันต่อหน้าอีกฝ่ายเลย
แต่เย่เจียงจงใจขี่ให้ช้าลง และมาอยู่ข้างๆ เขา
“สหายเย่ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
เย่เจียงหัวเราะเบาๆ และพูดว่า "โอ้ ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากมีเพื่อน การเดินทางคนเดียวก็จะเหงาเกินไป"
ซูหยางยิ้ม และพูดว่า "สหายเย่พูดถูก แต่การประเมินนี้รับเฉพาะสี่อันดับแรกเท่านั้น หากเจ้าไปถึงก่อน เจ้าอาจได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น"
ซูหยางไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเย่เจียง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงเจตนาร้ายใดๆ
“ข้าไม่รีบ ถ้าคดีนี้แก้ได้ง่ายมาก กองเจิ้นหวู่คงจัดการมันได้ไปนานแล้ว” เย่เจียงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ใส่ใจสิ่งที่เขาบอก ซูหยางจึงไม่พูดอะไรมาก เขาอยากไปให้ถึงเร็วกว่านี้ แต่ม้าชิงเฟิงของเขาวิ่งได้ไม่เร็วนัก
เมื่อเห็นว่าซูหยางเงียบ เย่เจียงก็ไม่สนใจ และค่อยๆ ตามซูหยางไป
หลังจากนั้นไม่นาน
ทั้งสองมาถึงเมืองหยงเหอ
ในเวลานี้ เมืองหยงเหอทั้งเมืองอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก และอนุญาตให้เข้า และออกได้ แต่การตรวจสอบเข้มงวดมาก
ทั้งสองเข้าไปในนั้น และในไม่ช้าก็มาถึงกองเจิ้นหวู่
กองเจิ้นหวู่ประจำเมืองนี้ก็ได้ส่งคนมารับพวกเขา
ประการแรก คือการอำนวยความสะดวกในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน และประการที่สองคือคอยช่วยเหลือระหว่างที่พวกเขาอยู่ที่นี่
ผู้ที่เข้ารับการประเมินนี้จะได้รับการต้อนรับเป็นพิเศษ
ผู้ที่มาต้อนรับซูหยางคือ ชายหนุ่มชื่อหลี่หมิงหยวน
“มีการเบาะแสใหม่หรือไม่?” ซูหยางถามหลี่หมิงหยวน
“มีขอรับ สิ่งหนึ่งนั่นคือ ชาวบ้านบางคนที่ขายสินค้าถูกจับกุมเมื่อวานนี้ แต่พวกเขาบอกว่าแค่รับสินค้ามา และรับผิดชอบในการขายเท่านั้น ตั๋วเงินที่พวกเขาได้รับถูกนก และสัตว์เอาไป”
“ชาวบ้านเหล่านี้ไม่เคยเห็นหน้าอีกฝ่ายเลย และไม่มีข้อมูลใดๆ ที่เชื่อมโยงไปถึงได้”
“ข้าจึงเดาว่าผู้กระทำผิดมีวิธีการพิเศษบางอย่าง”
หลี่หมิงหยวนตอบตามความจริง
นกและสัตว์นำเงินไปเหรอ?
มันไปที่ไหนกัน?
ซูหยางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "มีใครในเมืองหยงเหอที่เก่งในเรื่องนี้บ้างไหม?"
“มี แต่เราได้เริ่มการตรวจสอบแล้ว และไม่พบปัญหาใดๆ” หลี่หมิงหยวนตอบ
“เจ้าได้ส่งคนไปจับตาดูคนเหล่านี้หรือเปล่า?” ซูหยางถามต่อไป
"เปล่าขอรับ"
“ขอข้อมูลของคนที่เก่งในด้านนี้มาให้ข้าหน่อย” ซูหยางสั่ง
"ขอรับ"
ภายใต้คำสั่งของซูหยาง หลี่หมิงหยวนค้นหาบันทึก คัดลอกสำเนา และมอบให้เขา
“หลี่หงหยุนอายุสี่สิบห้าปี มีฝูงนกสีเหลืองมรกตกลุ่มหนึ่ง”
“หลี่ไคจี้อายุสามสิบเจ็ดปี มีความสามารถในการควบคุมนก”
“หลี่ซางอายุยี่สิบสี่ปี มีความสามารถในการควบคุมสัตว์”
"..."
มีทั้งหมดเจ็ดคนซึ่งไม่มากนัก
หลังจากอ่านแล้ว ซูหยางวางแผนที่จะเริ่มสืบสวนจากคนเหล่านี้
เนื่องจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมืองหยงเหอ จึงต้องมีความเกี่ยวข้องกับการควบคุมสัตว์อสูร
การเลือกทิศทางของการตรวจสอบเช่นนี้ดูมีความเป็นไปได้
บางทีอาจมีอีกจุดหนึ่งคือ ผู้กระทำความผิดอยู่ข้างนอกในภูเขา และถิ่นทุรกันดาร
แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะไม่มีทางตรวจสอบได้
หรือควรจะมุ่งหน้าไปที่ภูเขาดี?
“ข้าสามารถเรียกระดมทหารได้กี่คน?” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซูหยางก็พูดอีกครั้ง
“โดยปกติแล้วไม่มากนัก แต่หากมีการค้นพบที่สำคัญ ท่านสามารถระดมคนเพิ่มเติมได้” หลี่หมิงหยวนตอบอย่างรวดเร็ว
“ถ้าอย่างนั้น เรียกพวกเขามาหาข้าแล้วจงรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับทั้งเจ็ดคนนี้ต่อไป”
“พวกเขาไปที่ไหน ความสัมพันธ์ของพวกเขากับคนอื่นๆ เป็นอย่างไร และมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับคนที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาหรือเปล่า”
“ขอรับ”
“จำไว้ว่าแค่จับตาดูพวกเขา และอย่าทำให้พวกเขารู้ตัว”
“เจ้าต้องรายงานข้าทุกวัน”
ซูหยางไม่รีบร้อนหลังออกคำสั่งไปแล้ว เขาวางแผนที่จะเดินไปรอบๆ เมืองหยงเหอขณะรอข้อมูล และดูว่าเขาจะได้พบสิ่งที่มีประโยชน์หรือไม่
ในอีกด้าน หลี่หมิงหยวนดำเนินการตามคำสั่งในทันที
แม้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะดูเด็กกว่า แต่แรงกดดันที่เปล่งออกมานั้นเหนือกว่าใครๆ ที่เขาเคยเจอมาก่อน