ตอนที่แล้ว18 ยิ่งกว่ามารผจญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป20 ฝันร้ายที่สมจริง

19 เป็นความผิดของข้าเอง


วอลล็อคยกมือเกาะขอบรถแล้วดันร่างตนเองกระโดดขึ้นท้ายรถบรรทุก ร่างสูงค่อย ๆ เดินก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรงไปยังเด็กทาสที่ตอนนี้ลงไปนอนดิ้นที่พื้นไม้ เขาปรายตามองเกรเทลด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เจ้าหนูนี่พยายามจะแอบลักลอบหลบหนีออกไปนอกเขตตลาดค้าทาสในจังหวะที่ไม่มีใครสังเกต

ตัวเขาเองไม่เคยคิดไว้ใจเจ้าหนูนี้เลยสักครั้งเพราะรู้ดีว่ามันจะต้องหาทางออกไปให้ได้ ไม่วันนี้ก็วันหน้า ฉะนั้นเขาจึงมีมาตรการรองรับไว้ตลอดแม้ว่าเขาจะยอมฝ่าฝืนกฎที่ตนเองเคยตั้งไว้ก็ตามว่าจะไม่ใช้เวทมนตร์พันธะใส่คนอื่นอีก

“เจ้าอยากออกไปนอกค่ายอะไรขนาดนั้นไอ้หนู?” นายหัวตลาดค้าทาสถามออกไปด้วยความสงสัย

เกรเทลเงยหน้ามองเจ้านายตนเองด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น เธอรู้สึกว่าหายใจได้ดีขึ้นแต่ยังเจ็บหัวมากจนแทบไม่แรงแม้แต่เสียงพูดออกมา

“นาย…”

สำหรับชายหนุ่มถ้าเกรเทลไม่ตอบเขาในทันทีก็ได้ เขาไม่เร่งรัดเพราะดูจากสภาพเด็กทาสในตอนนี้แค่เอ่ยปากพูดยังลำบากเลย

แม้ว่าเขาจะให้งานให้ที่พักอาศัยกับมันโดยที่ไม่มีค่าจ้างให้แถมมันไม่จำเป็นต้องออกไปเร่ร่อนด้านนอกแล้วเชียว สงสัยเขาต้องหางานให้มันเพิ่มจะได้ไม่ว่างมากจนคิดแผนหนีแบบนี้อีก ขนาดเขาฝากเฟียซให้ดูแลแทนแล้วมันยังหาทางหนีได้เลย

วอลล็อคทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ เอาแขนพาดไว้บนหัวเข่าแล้วเอียงคอมอง ผมสีเขียวเด่นที่ตอนนี้ดูยุ่งเหยิงเหมือนคนที่เพิ่งผ่านการวิ่งมาได้ไหลตกลงมาบดบังใบหน้าหล่อ กรอบหน้ายังมีเม็ดเหงื่อไหลซึมไปทั่วไม่ต่างจากสภาพเธอเลย

“เจ้าไม่ต้องตอบข้าตอนนี้หรอก”

เขาถอนหายใจแรงออกมาเฮือกหนึ่งก่อนจะยกข้อมือตนเองเอื้อมไปยังหน้าผากของเกรเทล ปลายนิ้วชี้เรียวยาวได้แตะวาดลงไปเบา ๆ กลางหน้าผากของคนตัวเล็ก เกรเทลรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวทันทีที่เขาสัมผัสเพียงปลายนิ้วมือ

เธอคิดว่าตนเองจะตายอยู่แล้วด้วยซ้ำเพราะมันปวดแสบปวดร้อนมาก จนเหมือนสมองจะระเบิดแตกออกมาเป็นเสี่ยง ๆ แต่พอเขามาทุกสิ่งทุกอย่างกลับดูทุเลาลง

…มันเกิดขึ้นจากเขาเหรอ?…

วอลล็อคกางมือเอานิ้วโป้งและนิ้วชี้นวดคลึงตรงขมับของร่างที่นอนอยู่บนพื้นอย่างตั้งใจ คล้ายคนที่กำลังไถ่โทษสิ่งที่ตนทำผิดลงไป

“ขอโทษด้วยเจ้าหนูข้าไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ แต่เพื่อกันไม่ให้เจ้าหนีไปได้ข้าจึงจำเป็นต้องทำ”

ร่างหนาจ้องตาเกรเทลด้วยแววตาที่รู้สึกผิดและเศร้า เขาเป็นคนที่ทำให้เจ้าเด็กนี้เจ็บตัวแถมเกือบไม่รอดถ้าเขากลับมาไม่ทัน แต่อย่างที่รู้กันเพราะเขาเป็นเจ้าชีวิตของคนที่นี่ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นของเขา อยู่ภายใต้การดูแลของเขาและถ้าเขาไม่เป็นคนทำเองก็จะมีคนแตกแถวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเกินการควบคุม

“ข้าควรบอกเจ้าก่อนมันเป็นความผิดของข้าเอง”

เวทมนตร์พันธะไม่ใช่สิ่งที่เขาจะซี้ซั้วใช้งานแต่เพราะเขาสัมผัสได้ครั้งแรกว่าพลังงานของเจ้าหนูนี่มันแปลก ๆ ต่างไปจากคนอื่น แม้กระทั่ง ‘เจ้านั่น’ ยังพูดออกมาด้วยตัวมันเองว่าเกรเทลพลังงานแปรปรวน

“ตัวเจ้ามีเวทที่ข้าลงไว้ติดตามตัว ข้ากำหนดอาณาเขตไว้ว่าเจ้าห้ามออกจากบริเวณตลาดค้าทาสไม่งั้นเวทมนตร์​มันจะทำงานเพื่อห้ามเจ้าเอาไว้”

ในวันนั้นวันที่เกรเทลเอ่ยปากขอทำงานที่นี่ด้วยตนเอง เขาได้ตัดสินใจกลับมาใช้เวทมนตร์นี้อีกครั้งทั้งที่คิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องใช้อีกแล้ว

เงื่อนไขมีแค่ข้อเดียวง่าย ๆ คือการเคาะไปที่กลางหน้าผากของอีกฝ่ายแล้วผูกเข้ากับจิตตนเอง มันสามารถระบุตำแหน่งและสร้างอาณาเขตระยะใกล้ไกลได้ว่าอีกฝ่ายสามารถหนีหายไปได้แค่ไหน โดยผู้ใช้เองก็สามารถเคลื่อนย้ายตามผู้ผูกพันธะนี้ไปได้ด้วยเช่นกัน

“ฉะนั้นเจ้าอย่าหาเรื่องใส่ตัวอีกเจ้าหนู”

แต่ข้อเสียคือทั้งผู้ถูกพันธะและผู้ใช้พันธะจะมีอาการแสบร้อนบริเวณกลางหน้าผากซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะอาการปวดหัว แน่นหน้าอก เป็นพร้อมกันเป็นสัญญาณเตือน เมื่อเวทมนตร์เริ่มทำงานตามเงื่อนไขที่ผู้ใช้กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น ยิ่งถ้าผู้ถูกพันธะฝืนอาการมากเท่าไรก็จะยิ่งถูกเผาไหม้จากเวทมนตร์

เขาจะไม่บอกเจ้าหนูในเรื่องนี้หรอกว่าสภาพตัวเขาตอนเดินทางกลับมาแทบจะล้มทั้งยืนเช่นกัน วอลล็อคก็ไม่คิดว่าอานุภาพความรุนแรงจะมากมายขนาดนี้ มีหวังมันได้หัวเราะเยาะเขาเป็นแน่

วอลล็อคเริ่มมีอาการแสบร้อนกลางหน้าผากเล็กน้อยแล้วก็เริ่มทวีคูณความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่กำลังเดินทางกลับมาที่ค่ายพอดี จึงรู้ว่าเกรเทลกำลังจะออกไปด้านนอกตลาดค้าทาส ถ้าเขาไม่รีบเคลื่อนย้ายตนเองมาดักตรงปากทางออกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกรเทลจะมีสภาพเป็นยังไง

โชคดีที่เขากลับมาหยุดรถทันก่อนจะออกไปนอกอาณาเขตเวทมนตร์ จิตที่เขาผูกกับเกรเทลปรากฏชัดเจนว่าเจ้าหนูไปซ่อนอยู่ตรงไหนของขบวนรถขนสินค้า ไม่ยากเลยที่จะบอกพนักงานขนส่งสินค้าว่าลูกน้องเขาลืมของวางไว้บนท้ายรถขนสินค้าสักคัน เขาจึงมีเวลาในการลากตัวมันเข้ากลับไปในตลาดค้าทาส

“…”

เกรเทลเริ่มหายใจได้ดีขึ้น  ส่วนอาการปวดหัวหายไปแล้วแต่ยังเหลือเหงื่อชื้นตามกรอบหน้าเล็กน้อย เธอพยายามจะลุกขึ้นยืนด้วยตนเองแต่วอลล็อคกางแขนออกไปคว้าต้นแขนของเธอแล้วค่อย ๆ ประคองยืนขึ้น เกรเทลเสียหลักเซไปทางชายหนุ่มเพราะขาอ่อนแรงดีที่วอลล็อคจับไว้ได้ทัน

“งั้นเจ้าขึ้นมา”

“…”

วอลล็อคหันหลังให้เกรเทลทำการย่อขาลงเล็กน้อยเพื่อก้มตัว เขาเอียงศีรษะกลับมามองร่างเล็กทำท่าว่าให้ปีนขึ้นขี่หลังเขาแทน

เด็กสาวตาโตยืนทำหน้าเลิ่กลั่กไม่แน่ใจว่าเขาจะให้เธอขึ้นหลังจริงตามที่เขาพยายามบอก

“ทำหน้าเหมือนเห็นผี ข้าบอกให้เจ้าขึ้นมาขี่หลังข้าไง เร็วอย่าต้องให้ข้าพูดซ้ำ”

เมื่อคนเจ็บมัวแต่ลีลาชักช้าเขาจึงต้องพูดขู่เพื่อให้มันเข้าใจเร็วขึ้น นี่ถือว่าเขาใจดีมากแล้วนะ ปกติเขาไม่ใช่คนที่จะยอมก้มหัวให้ใครหรือยอมใครขนาดนี้ ที่ทำลงไปเพราะความสงสารที่เด็กในปกครองต้องมาเจ็บตัวจากฝีมือเขา

“เออ…ได้ขอรับ”

เกรเทลพูดขานตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เธอไม่รู้จะพูดอะไรในสถานการณ์นี้จึงปล่อยเลยตามเลย เนื่องจากภายในใจเธอตอนนี้ทั้งรู้สึกผิดและเป็นกังวลเหมือนเด็กน้อยที่ถูกผู้ใหญ่ว่าแอบขโมยของ

เธอเอื้อมมือไปจับบนบ่าหนาแล้วเอียงตัวลงไปเพื่อโอบแขนไปลำคอด้านหน้าของชายหนุ่ม เมื่อเธอเกาะหลังได้แล้ววอลล็อคจึงใช้แขนช้อนก้นของเจ้าหนูทาสยกเขยิบขึ้นมากระชับให้แน่นกันมันหงายหลังตกลงไป

พอทุกอย่างถูกจัดแจงเรียบร้อยดีแล้วเขาเลยยืดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เกรเทลใจหายวาบรัดต้นคอวอลล็อคทันทีเพราะไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะสูงได้ขนาดนี้ เธอกังวลว่าตนเองจะพลาดตกลงไปที่พื้นมากกว่ายังไม่อยากเจ็บตัวเพิ่ม

วอลล็อคค่อย ๆ ก้าวเดินลงจากท้ายรถบรรทุกขนส่งเจอเข้ากับพนักงานพอดีที่เดินแวะมาเช็กว่านายหัวเจอของที่ตามหาหรือยัง

“เจอของหายหรือยังขอรับท่าน”

ทั้งนายใหญ่แห่งตลาดค้าทาสและเจ้าทาสตัวแสบหันขวับไปตามเสียงด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าลงมาแล้วจะเจอพนักงานขนส่งสินค้าเดินมาตรงนี้

“อ่อ ข้าหาของหายเจอแล้วพวกเจ้าเดินทางต่อเถอะ”

พนักงานขนส่งพยักหน้ารับอย่างรวดเร็วแล้วรีบหันหลังวิ่งกลับไปยังรถลากตนเอง เขาไม่ได้รู้สึกเอะใจเลยว่าทำไมถึงได้มีเด็กหนุ่มอีกคน มาจากไหน หรือทำไมมันถึงมาขี่หลังนายใหญ่ตลาดค้าทาสได้ แม้จะสงสัยหรือไม่ก็ตามมันก็ไม่ใช่ธุระกงการหน้าที่ที่เขาจะมาถามส่งเดชไปทั่วเหมือนชาวบ้านขี้เสือก

วอลล็อคเลือกที่จะเดินเลี่ยงหลบสายตาคนงานโดยไปทางลัดผ่านโกดังเก่า เขาไม่อยากให้ใครมาเห็นว่าเขาให้ไอ้เจ้าหนูนี่ขึ้นขี่หลังตนเอง พักหลังเขามักได้ยินเสียงกระซิบกระซาบว่าเขาเอาแต่แกล้งเจ้าเด็กทาสอยู่หลายครั้ง

แรก ๆ เขาก็ไม่อะไรหรอก แต่พักหลังมันชักจะลามปามไปกันใหญ่ หาว่าเขาใจร้ายบ้างแหละ ใช้แรงงานเกินควรบ้างแหละ ฟังแล้วปวดหัวไปหมด

เดี๋ยวพอคนมาเห็นก็เอาไปแต่งเติมสีสันให้อรรถรสการคุยขี้โม้สนุกปากต่อปาก ฉะนั้นเขาจะไม่ยอมให้ทั้งเขาและเด็กนี่ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเด็ดขาด

“เจ้าก็อยู่ที่นี่มาได้สักพักแล้วทำไมตัวยังเบาขนาดนี้ไอ้หนู”

เขาพยายามชวนเกรเทลคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศอึมครึมจนน่าอึดอัด เขาว่าได้ปรับปรุงเรื่องโรงครัวเรียบร้อยดีแล้ว แต่ทำไมเจ้าหนูยังตัวเล็กอยู่เหมือนเดิมไม่มีผิด

“ข้าก็…กินปกติ”

เธอตอบเขากลับไปแบบงึมงำในลำคอเพราะยังรู้สึกเพลีย ๆ จากเวทมนตร์ผูกพันธะ วอลล็อคพอได้ยินเสียงพูดของคนบนหลังจึงพยักหน้าว่าเข้าใจ หลายครั้งที่เกรเทลกอดรัดคอเขาไว้ก็จะมีลมหายใจอุ่นของอีกฝ่ายรดต้นคอจนเขารู้สึกสยิวนิดหน่อย

ระยะทางไม่ดูเหมือนไม่ไกลเท่าไรแต่เหมือนนานแสนนาน วอลล็อคอุ้มเกรเทลเดินไปอย่างช้า ๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไร

“ข้างนอกนั้นมีอะไรดีเจ้าถึงอยากออกไปนัก”

หลังจากที่เดินมาได้สักพักต่างคนต่างเงียบไม่มีบทสนทนากันสักประโยค จู่ ๆ เจ้านายเธอก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง

“…”

เธอไม่รู้จะตอบไปดีไหมมันเกิดความลังเลขึ้นมาดื้อ ๆ ไม่พร้อมอยากบอกข้อมูลส่วนตัวกับใครเพราะเธอไม่ใช่คนที่นี่ ถ้าบอกอะไรที่แตกต่างไปเขาจะเชื่อไหมเธอก็ไม่รู้

“บอกมาเถอะข้าไม่เอาไปโพนทะนาหรอกไอ้หนู อย่างน้อยข้าจะได้เข้าใจเจ้ามากขึ้นไง”

ชายหนุ่มพูดออกมาเพียงแค่นั้น เขาเลือกที่จะไม่พูดต่อ ‘ว่าเจ้าใช่ลูเซีย ฮาร์ฟ หรือไม่ใช่’ เขาอยากเข้าใจว่ามันคือเรื่องจริง แต่ความคลุมเครือในตัวเด็กนี่ก็น่าสงสัยด้วยเช่นกัน

“ท่านสัญญาได้ไหมล่ะว่าจะเก็บเป็นความลับ”

เกรเทลรู้ว่าเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ระดับหนึ่ง ไม่สิ ระดับมหากาพย์เลยต่างหากโดยเฉพาะการยื่นหมูยื่นแมว

“ข้าถือสัจจะเกรเทล”

“แต่ท่านเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอก”

เธอสวนประโยคทันควันไม่ให้เขาได้มีโอกาสแก้ตัว ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงว่าเขามันเหลี่ยมจัด ใครจะไปไว้ใจได้ลง

“ข้ารับปากเกรเทล ข้าแค่อยากรู้ เจ้าเลิกระแวงได้แล้ว”

วอลล็อคเอียงคอเพื่อหันหน้ามามองเด็กทาสด้วยแววตาจริงจังและมั่นใจ เธอกระชับแขนกอดคอเจ้านายตนเองแน่นขึ้นอีกหนึ่งระดับ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าดูจริงจังผิดปกติ เธอเม้มปากแน่นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง

“ข้าแค่อยากกลับบ้านขอรับ”

ประโยคเรียบง่ายถูกเอ่ยขึ้น เธอซุกหน้าตนเองลงบนหลังคอที่มีผมสีเขียวยาวปล่อยไว้ เธอได้กลิ่นเหงื่อจาง ๆ ผสมกับดอกไม้อะไรสักอย่างที่หอมหวนจนต้องเขยิบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ เจ้านายตนเองเพื่อสูดกลิ่นให้ชัด

น่าแปลกที่เธอชอบกลิ่นนี้มากตั้งแต่เริ่มมาทำงานในบ้านวอลล็อค โดยเฉพาะเวลาต้องซักเสื้อผ้าและผ้าปูเตียงต่าง ๆ ก็จะได้กลิ่นนี้ลอยตลบขึ้นมาเสมอ เป็นกลิ่นหอมเหมือนดอกกุหลาบผสมกับมะลิซ้อนเจือจางด้วยกลิ่นไม้ป่าสน ผ่อนคลายแต่ไม่ฉุน

“ข้ามีพี่ชายที่ต้องกลับไปหา…”

แม้ว่าเธอจะยังรู้สึกเหมือนร่างกายไม่มีแรง แต่พอพูดถึงเรื่องกลับบ้านทีไรไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงมาจากไหน เธอพูดออกมาเต็มเสียงจนเกือบกลายเป็นเสียงเดิมที่ไม่ได้ดัด

“อะแฮ่ม! ข้าอยากกลับไปหาครอบครัวแค่นั้นเองขอรับ”

พอคนตัวเล็กพูดจบเจ้านายของเธอก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์จนเธอต้องสะกิดเรียกเขา

“นะ…นายขอรับ”

เขาไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดออกมา ทำเพียงแค่เดินฟังในสิ่งที่เธอพูดไปเงียบ ๆ ตลอดทางจนเกือบถึงบ้านพัก

“ข้าฟังอยู่เจ้าเล่าต่อสิ”

คนตัวเล็กที่ขี่บนหลังเจ้านายเงยหน้าขึ้นมาเพื่อพยายามมองเสี้ยวใบหน้าหล่อว่าเขาแสดงสีหน้าแบบไหนอยู่ แต่ก็มองไม่ชัดเจนนักเพราะมุมที่เธอขี่หลังอยู่นั้นมีผมสีเขียวยาวของวอลล็อคบดบังใบหน้าคมของเขาอยู่

“ข้าทะเลาะกับคนที่บ้านขอรับ ยังมีเรื่องที่ต้องกลับคุยให้รู้เรื่อง…”

เกรเทลเลือกที่จะตัดจบบทสนทนาเอาไว้เพียงเท่านี้ ให้เขารู้เรื่องเธอแค่นี้พอเพราะเรื่องราวไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรที่เขาต้องมาใส่ใจเธอ แม้จะในฐานะเจ้านายลูกน้องหรือนายหัวและทาสก็ตาม

“…”

“…”

พอเธอเงียบวอลล็อคก็เงียบตาม ต่างคนต่างปิดปากไม่ชวนคุยต่อเหมือนก่อนหน้านี้ ทว่าภายในหัวของชายหนุ่มกำลังพิจารณาข้อมูลใหม่ที่เจ้าหนูทาสตัวแสบเพิ่งบอกมา ข้อมูลที่เขามีอยู่ในมือก็ไม่ตรงกับสิ่งที่เกรเทลพูดอีกอยู่ดี

…เจ้าไม่ได้มีพี่ชาย…

เขาชักไม่มั่นใจว่าเจ้าเด็กนี้จะเป็นตัวอันตรายอย่างสายลับตีสองหน้า กบฏ หรือแค่เด็กธรรมดาทั่วไปที่ถูกเข้าใจผิด วอลล็อคภาวนาให้เป็นข้อสามซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตนเองว่าทำไม

เมื่อคนทั้งคู่ต่างไม่ได้มีปฏิกิริยาต่อกัน เกรเทลเริ่มสัปหงกเธอเพลียมากจนเปลือกตาสองข้างกำลังจะปิดลง ร่างกายเริ่มเอียงเอนไปมาทำให้วอลล็อคต้องกระชับแขนตนเองเอากับบั้นท้ายของคนบนหลัง

วอลล็อคปล่อยให้คนตัวเล็กหลับไปบนหลังตนเอง เขาไม่คิดจะปลุกให้เจ้าหนูตื่นจนกระทั่งเขาพาเดินมาถึงบ้านพักของตัวเอง ทีแรกว่าจะไปส่งที่บ้านพักเจ้าตัวอยู่หรอกแต่เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามันคงไม่ดีที่จะปล่อยให้เกรเทลกลับไปด้วยสภาพแบบนี้ ฉะนั้นคืนนี้เขาจะมีแขกในบ้านเพิ่มสักคนคงไม่เป็นไร

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาร่างสูงจึงส่งพลังเวทไปปลดล็อกประตูบ้านจากระยะไกล พอเขาเดินมาถึงก็แค่ผลักประตูเข้าไปเบา ๆ ตลอดหลายวันที่เขาไม่อยู่บ้านเกรเทลดูแลรักษาความสะอาดได้อย่างไร้ที่ติ บ้านมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากดอกไม้ที่ผสมลงไปในน้ำยาทำความสะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็นอับหรือไม่พึงประสงค์ ไร้คราบฝุ่นเกาะตามโต๊ะ เก้าอี้ และชั้นวางของ

กริ๊ก!

มือหนาเอื้อมไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากชั้นบนสุดแล้วดึงออกมา เกิดเป็นเสียงระบบกลไกทำงานอยู่ด้านหลังกำแพง เพียงครู่เดียวนั้นชั้นวางหนังสือได้สั่นขยับเลื่อนเปิดออก ปรากฏเป็นประตูทางลับไปสู่อีกห้องหนึ่ง มันเป็นห้องนอนเล็กที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ใช้ในยามกรณีฉุกเฉิน

นายใหญ่แห่งตลาดค้าทาสโมเบียสเดินเข้าไปข้างในแล้วค่อย ๆ บรรจงเอนตัวลงไปบนที่นอน แล้ววางเกรเทลอย่างเบามือจัดแจงท่าให้นอนสบายตัวที่สุด เขาหันหลังเดินไปที่ตู้เก็บของหยิบเอาผ้าห่มและผ้าขนหนูมาอย่างละผืน

สองมือแกร่งทำการคลี่กางผ้าห่มออกแล้วคลุมไปบนตัวเกรเทล เพื่อกันลมเย็นที่ลอดมาตามช่องระบายอากาศในบ้านไม่ให้เธอเป็นหวัดไม่สบาย จากนั้นเขาเดินกลับออกมาตรงไปยังห้องน้ำ เติมน้ำสะอาดใส่กะละมังแล้วจุ่มผ้าขนหนูลงไป บิดผ้าให้หมาดแล้วนำกลับไปยังห้องที่เกรเทลนอนพักอยู่

“ข้าเคยบอกเจ้าแล้ววอลล็อคว่าอย่าใช้เวทมนตร์นั้น”

เสียงเย็น ๆ เอ่ยออกมาจากนอกประตูห้องนอนลับ ชายหนุ่มมองแค่หางตาก็รู้แล้วว่าเป็นใครนอกเสียจากเจ้านั่น

“แล้วเจ้าห้ามข้าได้ไงหรือเซราส

ร่างสีดำเมี่ยมยาว 3 เมตร เลื้อยเข้ามาใกล้ผู้เป็นนายของตนอย่างเชื่องช้า เซราสจ้องมองไปยังร่างเล็กบนที่นอนด้วยดวงตาสีแดงน่าสะพรึงแล้วลากสายตากลับมามองหน้าวอลล็อคด้วยแววตาขบขัน

“ก็ไม่นะ ข้าเคยห้ามเจ้าได้ที่ไหนเพราะถึงห้ามไปเจ้าก็ยังใช้อยู่ดีนั่นแหละ”

------

คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ

หากพบคำผิด แก้ไขติชมโปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ

***

Talk with writer

ก่อนที่พระเอกคนแรกของเราเรื่องนี้จะโดนนักอ่านสาปส่งไปมากกว่านี้ เรายังพอมีบทที่เอาคืนได้เรื่อย ๆ อยู่นะคะ ทุกอย่างรังสรรค์ได้ด้วยปลายนิ้วมือของไรท์ค่ะ อิอิ เฉลยแล้วว่าผีในบ้านที่ทุกคนสงสัยคือเจ้าเซราสงูดำ 3 เมตรจากพาร์ทนู้นนั้นเองค่ะ นอกจากเป็นหมาเฝ้าบ้านแล้วยังชอบแกล้งแม่บ้านคนเก่า ๆ ด้วยค่ะ ฮ่า

****

แวะมาพูดคุยเล่นหรือดูอัพเดตเกี่ยวกับนิยายไรท์ได้ที่

Facebook : C.T.Tiana

X (Twitter) : @Ccttiana

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด