บทที่ 88 ครอบครัวพบหน้า (3)
สักพักเสิ่นหานเซิงก็วิ่งมา พลางโบกหน้ากากสองอันในมือไปมา "ท่านพี่ ท่านจะเอาอันไหน?"
เป็นหน้ากากที่ใช้ขอพรในช่วงปลายปี
เสิ่นเยว่ยิ้มเล็กน้อย แสร้งทำเป็นครุ่นคิดสักพักแล้วพูดอย่างจริงจัง "อืม จากการพิจารณาดูแล้ว เอาอันด้านขวา!"
"ตกลง!" เสิ่นหานเซิงถือหน้ากากวิ่งไปหาเหลียงเย่ต่อ
เหลียงเย่พาเขาไป หานเซิงดูเชื่อฟังมาก
เหลียงโหย่วเหวยกล่าว "หานเซิงเชื่อฟังมาโดยตลอด เพียงแต่คิดถึงเจ้ามาก บางครั้งก็แอบร้องไห้และไม่ให้ข้ากับป้าของเจ้ารู้"
เมื่อพูดถึงหานเซิง เสิ่นเยว่ก็นึกถึงเรื่องฉีอวิ้นพอดี
จึงกล่าว "จริงด้วยท่านลุง ปีหน้าข้าอยากพาหานเซิงกลับเมืองหลวง"
เหลียงโหย่วเหวยประหลาดใจ
เสิ่นเยว่กล่าว "ฉีอวิ้น แม่ทัพน้อยฉีอยากส่งหลานชายมาให้ข้าดูแลที่อนุบาลจวนอ๋องปีหน้า อ๋องผิงหย่วนจึงใช้น้ำใจแม่ทัพน้อยตอบแทนข้า บังเอิญพี่สะใภ้ของแม่ทัพน้อยฉีก็แซ่เสิ่นเช่นกัน ท่านแม่เป็นคนตระกูลเสิ่นทางอานโจว แม่ทัพน้อยฉีบอกว่าสามารถรับหานเซิงกลับเมืองหลวงได้ หลังจากนั้นก็ให้หานเซิงไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนฉี่หมิงในนามญาติของตระกูลเสิ่นจากอานโจว ไม่มีทางเกิดปัญหากับจวนเวยเต๋อโหว และไม่มีทางถูกหาเรื่อง ดังนั้นจึงอยากจะถามความเห็นท่านลุงท่านป้าพอดีเจ้าค่ะ"
ไม่ว่าจะเป็นแม่ทัพน้อยฉีอวิ้น ตระกูลเสิ่นที่อานโจว หรือโรงเรียนฉี่หมิงที่ออกมาจากปากเสิ่นเยว่ ล้วนทำให้เหลียงโหย่วเหวยรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย...
ความหมายที่แฝงอยู่ในนี้ หากเป็นคนที่เคยอยู่ในเมืองหลวงมาก่อนย่อมรู้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะโรงเรียนฉี่หมิง นั่นเป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งในเมืองหลวง มีขุนนางจากหลายแห่งอยากส่งบุตรหลานเข้าเรียนอย่างยิ่ง
เหลียงโหย่วเหวยขมวดคิ้วเล็กน้อย "อาเยว่ นี่เป็นเรื่องดีและดีมากสำหรับหานเซิง หานเซิงเรียนเก่งมาก มีพรสวรรค์ มีคุณสมบัติที่ซ่อนอยู่ เพียงแต่โรงเรียนฉี่หมิงอยู่ไกลเกินเอื้อม เข้าไปได้ไม่ง่ายนัก หากสามารถเข้าเรียนได้ในนามญาติตระกูลเสิ่นจากอานโจว ย่อมเป็นประโยชน์ต่อหานเซิงมาก"
ได้ยินท่านลุงพูดเช่นนี้ เสิ่นเยว่ก็รู้สึกโล่งใจ
และยิ้มออกมา
เหลียงโหย่วเหวยกล่าวอีกครั้ง "โรงเรียนฉี่หมิงมีเงื่อนไขว่าต้องให้นักเรียนกินนอนที่โรงเรียน ปกติแล้วหานเซิงก็สามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่ของหานเซิง สำหรับหานเซิงแล้วนับเป็นเรื่องที่ดี ช่วงวันหยุด พวกเจ้าสองพี่น้องยังมาเจอกันได้ ข้ากับป้าของเจ้าก็ไม่ต้องกังวลว่าเจ้าอยู่เมืองหลวงคนเดียวแล้ว"
เสิ่นเยว่ยิ้ม
"เอาถังหูหลูไหม?" เหลียงเย่ถือถังหูหลูกลับมาสองไม้พอดี
"เอา!" เสิ่นเยว่ตะกละ
เหลียงเย่หัวเราะ ส่งให้นางหนึ่งไม้ หานเซิงเองก็ถือหนึ่งไม้
นานแล้วที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน การเดินเล่นครั้งนี้เสิ่นเยว่มีความสุขมาก แม้จะบอกว่าออกมาเดินเล่นเพื่อย่อยอาหาร แต่ความจริงแล้วได้กินเพิ่มอีกไม่น้อย สุดท้ายจึงรู้สึกแน่นท้องขึ้นอีก แต่การได้อยู่กับท่านลุง เหลียงเย่ และหานเซิง ทำให้เสิ่นเยว่บรรยายความรู้สึกดีใจออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
เมื่อเดินใกล้สุดเส้นถนน ท่านลุงพาเสิ่นหานเซิงไปซื้อน้ำตาลปั้น
เสิ่นเยว่อยู่กับเหลียงเย่
เหลียงเย่หยิบปิ่นกลัดผมออกมาจากปลายแขนเสื้อ "ให้เจ้า"
เสิ่นเยว่รับมา ประหลาดใจกล่าว "ปิ่นดอกเหมย?"
เหลียงเย่กล่าว "เจ้าชอบปิ่นดอกเหมยมิใช่หรือ? ครั้งนี้ข้าก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำให้เจ้าต้องพลอยลำบากไปด้วย หากเจ้าไม่รับไว้ ข้าคงก้าวผ่านความรู้สึกนี้ไปไม่ได้"
เสิ่นเยว่ยิ้ม "เช่นนั้นข้าจะรับไว้ ขอบคุณท่านพี่"
เหลียงเย่ยิ้ม
อากาศยามกลางคืนค่อนข้างเย็น เหลียงโหย่วเหวยและเสิ่นหานเซิงก็อยู่ห่างออกไปมาก เหลียงเย่ค่อยๆ เก็บรอยยิ้มคืนไป เอ่ยเสียงหนักแน่น "ครั้งนี้หากไม่ใช่เรื่องที่ข้าก่อก็คงไม่ต้องลำบากท่านพ่อท่านแม่ รวมถึงเจ้ากับหานเซิง แต่จวนเวยเต๋อโหวใช้อำนาจรังแกผู้คน บีบบังคับให้คนตาย หากข้าเจออีกครั้ง ข้าก็จะยังทำเช่นนี้ เพียงแต่ท่านพ่อท่านแม่ต้องลำบาก ข้าเองก็หมดหนทางสู่การเป็นขุนนาง..."
เสิ่นเยว่เอ่ยเสียงเบา "ท่านพี่..."
เหลียงเย่ยิ้มพลางกล่าว "อาเยว่ ข้าจะเป็นทหาร!"
"เป็นทหาร?" เสิ่นเยว่ประหลาดใจ
เหลียงเย่พยักหน้า "ใช่ จวนเวยเต๋อโหวอยู่ในเมืองหลวง ข้าจะไปที่ค่ายทหารอื่น อย่างไรเสียพวกเขาก็ทำอะไรข้าไม่ได้! ข้าอยากสร้างอนาคตของตนเอง ไม่อยากทำให้ท่านพ่อท่านแม่ต้องลำบากอีก นี่เป็นหนทางที่ข้าคิดไตร่ตรองมานานแล้ว ต่อให้ยากก็ยังอยากก้าวต่อไป..."
เสิ่นเยว่ยิ้ม
เหลียงเย่เองก็ยิ้ม
เมื่อกลับถึงเรือน จวงซื่อนำข้าวของมากมายออกจากหีบเล็กแล้วเก็บไว้ในห้องเสิ่นเยว่
"ท่านป้า?" เสิ่นเยว่ตกใจ เมื่อมองอย่างละเอียดล้วนเป็นเสื้อผ้า ทั้งยังเป็นเสื้อผ้าที่ให้นาง...
จวงซื่อพูดอย่างอ่อนโยน "ใช้การคาดเดาขนาดตัวของเจ้าแล้วหาร้านตัดชุดให้ทำออกมา สิ้นปีแล้ว อย่างไรก็ต้องมีเสื้อผ้าใหม่สักชุดสองชุด เพิ่งทำเสร็จเมื่อหลายวันก่อน รีบมาลองเร็วเข้า..."
เสิ่นเยว่พลิกดู กล่าว "สีสดใส"
จวงซื่อหัวเราะ "เจ้าเป็นหญิงสาว จะสวมเสื้อผ้าจืดชืดไปทำไมกัน..."
เสิ่นเยว่เองก็ยิ้ม เลือกมาหนึ่งชุดแล้วเปลี่ยนที่ด้านหลังฉากกั้นพลางกล่าว "เสื้อผ้ามากขนาดนี้ รถม้าเพียงคันเดียวขนไปไม่ไหวหรอกเจ้าค่ะ"
เห็นได้ชัดว่าเป็นการยั่วเย้า จวงซื่อหัวเราะพลางกล่าว "ป้าไม่มีลูกสาว มีเจ้าคนเดียวที่เป็นหลานสาว เป็นธรรมดาที่จะกลัวว่าหากเราไม่อยู่ที่เมืองหลวง เจ้าเพียงคนเดียว แม้แต่เสื้อผ้าก็คงไม่มีเวลาไปตัด"
"ตัดมาแล้วเจ้าค่ะ แต่สู้ที่ท่านป้าเลือกให้ไม่ได้" เสิ่นเยว่พูดประจบ
จวงซื่ออดหัวเราะไม่ได้ เอ่ยปาก "เจ้าเนี่ย อยู่เมืองหลวงก็อย่าดูแลเพียงเด็กๆ หากเจอหนุ่มๆ ที่เหมาะในเมืองหลวงก็ให้บอกลุงกับป้า เจ้าที่อายุเท่านี้ ไม่มีคนที่ชอบถึงจะเป็น..."
‘ปัญหา’ คำนี้ยังไม่ทันหลุดออกจากปาก จวงซื่อตกตะลึงหลังหันไปเห็นเสิ่นเยว่ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเดินออกมาจากหลังฉากกั้นจนลืมพูดต่อไปเสียสนิท