บทที่ 62 : ทูตผู้หยิ่งผยองแห่งตระกูลโอแลนเดอร์!
บทที่ 62 : ทูตผู้หยิ่งผยองแห่งตระกูลโอแลนเดอร์!
"ครืนนน~~*
เสียงหิวโหยดังขึ้นอีกครั้ง และนีน่าก็ทนไม่ไหวเเล้ว
ตอนนี้เธอหิวมาก...
“ลืมไปเถอะ….คงไม่เป็นไรหรอก”
นีน่าพึมพำ, จากนั้นเธอก็คว้าชิ้นเนื้อและเริ่มเคี้ยวมันอย่างรวดเร็ว
แค่กัดคำแรก….หูแมวขนปุกปุยของเธอก็สั่นสะท้าน
“มันอร่อยมาก…”
เนื้อสัตว์เวทย์….เธอไม่เคยกินมันเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา
สิ่งที่ดีที่สุดที่พี่น้องสองคนเคยกินก็คือแค่ข้าวต้มและโจ๊กเนื้อ
ดังนั้นอารมณ์และความรู้สึกในปัจจุบันของเธอ…..มันไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้จริงๆ
“พี่สาว…..มนุษย์คนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คนเลว” ในขณะนี้, จู่ๆมินาก็อดไม่ได้ที่จะพูด
“ไม่ใช่คนเลวงั้นเหรอ?” นีน่าบ่นพึมพำ
แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธน้องสาวของเธอ….เธอแค่กินเนื้ออย่างเงียบๆ และเพลิดเพลินกับทุกสิ่ง
จริงๆแล้ว, ถึงอีกฝ่ายจะเป็นคนดีหรือไม่….มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
เพราะตอนนี้พวกเธอเป็นทาสของเขาแล้ว
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนดีหรือไม่ดี….พวกเธอก็ทำได้แค่ยอมรับเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้น, เเม้เเต่เธอเองก็ดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นว่าสีหน้าในปัจจุบันของเธอดีขึ้นมาก
ดีกว่าความสิ้นหวังที่เธอเคยมีเมื่อก่อน
ชีวิตของพวกเธอตอนนี้ดีกว่าที่จินตนาการไว้มาก
นีน่ากินเนื้ออย่างเงียบๆ….แต่ดวงตาของเธอก็เริ่มเปล่งประกายเล็กน้อย
เขาเป็นคนดีจริงๆเหรอ?
พวกเธอสองพี่น้องได้เจอเจ้านายที่ดีงั้นหรือ?
นี่เป็นเรื่องจริงใช่ใหม?
…….
ในวันต่อๆมา….ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มีแค่งานก่อสร้างในเมืองได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ และกำลังดำเนินไปอย่างเต็มกำลัง
บ้านเริ่มเพิ่มขึ้นทีละหลัง
ถนนอันกว้างใหญ่เเละงดงามเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
ทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดี
ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความหวัง ความสุข และรอยยิ้ม!
ดูเหมือนพวกเขาจะเริ่มมองเห็นอนาคตที่สดใส...
เเต่….อย่างไรก็ตาม
วันดีๆเเบบนี้กลับอยู่ได้เพียงไม่กี่วัน
ในวันนี้
วิงเกอร์แมนได้กลับมาที่เมืองใหม่ของหมู่บ้านเกรย์สโตนด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
เพราะวันนี้….เขาได้นำข่าวร้ายมาด้วย
“ข้าขอโทษ บารอนเรย์มอนด์…..ข้าพบปัญหาเข้าเเล้ว!”
"ข้าไม่คิดเลยว่าไวเคานต์เคลย์จะหันมาต่อต้านข้า….เขายกเลิกการขายวัสดุก่อสร้างในเมืองและกีดกันทีมขนส่งของข้า เเละ….."
"และอะไร?" เรย์มอนด์เหลือบตามองเขาแล้วถาม
“และเขายังบอกอีกว่า, เขาจะไม่ขายอะไรให้เราอีกในอนาคต และเราต้องคืนหินกับวัสดุก่อสร้างชุดก่อนหน้านี้……ไม่เช่นนั้นเราจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้เขา!”
วิงเกอร์แมนพูดด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว
“ชดเชยให้เขางั้นเหรอ?” เรย์มอนด์หัวเราะแล้วถามอีกครั้ง
“เขาต้องการให้ข้าชดเชยเท่าไหร่!”
"5000 เหรียญทอง!" วิงเกอร์แมนพูดด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
“บารอนเรย์มอนด์ ข้าขอโทษ”
“ข้า….ข้าไม่เข้าใจ ว่าทำไมไวเคานต์เคลย์ถึงทำเช่นนี้!”
"5,000 เหรียญทอง….นี่มันเป็นการปล้นกันชัดๆ!"
“เจ้าไม่เข้าใจเรื่องนี้งั้นเหรอ?” เรย์มอนด์ยกยิ้ม
“ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นกำลังวางแผนที่จะสร้างปัญหาให้ข้า…”
“5,000 เหรียญทอง….เขากำลังฝันอยู่หรือไง!”
ไม่ต้องพูดถึงว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะชดเชยเงินจำนวนนี้!
เเละแม้ว่าเขาจะเต็มใจที่จะชดเชย….แต่มันก็ไม่น่าจะมากขนาดนี้
ดังนั้น…..
เกรงว่าอีกฝ่ายไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะสามารถชดใช้เงินได้….อีกฝ่ายแค่อยากสร้างปัญหาให้พวกเขาก็เท่านั้นเอง
“บารอนเรย์มอนด์ ข้าขอโทษ….. มันเป็นปัญหาของข้า!” วิงเกอร์แมนพูดด้วยรอยยิ้มเบี้ยว
เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นงั้นหรอ?
แน่นอนว่าเขาเข้าใจ
แต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเเล้ว….เเละนั่นมันหมายความว่าเขากำลังจัดการสิ่งต่างๆได้ไม่ดีนัก
อย่างไรก็ตาม, เรย์มอนด์ไม่ได้สนใจที่จะตำหนิเขาแบบไม่มีเหตุผล
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจทุกอย่างแล้ว, ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง…”
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องการสร้างปัญหาให้เขา
เเต่มันก็ไม่มีปัญหาอะไร….อย่างไรดีโวสก็ไม่มีอะไรให้ทำในทุกวันนี้
งั้นก็ปล่อยให้เขาไปออกกำลังกายซักหน่อยก็เเล้วกัน!
แต่ทันใดนั้น, มันก็มีเสียงของแมตช์-เยอร์มันดังมาจากด้านนอกประตู
“เรย์มอนด์….ข้าขอเข้าไปได้ไหม”
“ลุงแมตต์, เข้ามาสิ….มีเรื่องอะไรเหรอ?”
ทันทีที่แมตต์-เยอร์มันเดินเข้ามา….เขาก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง!
“เรย์มอนด์…มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น”
“มีกองทหารกองหนึ่งมาจากเขตภาคเหนือ, มีจำนวนอย่างน้อยหนึ่งพันคน….และพวกเขาเป็นสมาชิกของตระกูลโอแลนเดอร์”
“ตระกูลโอแลนเดอร์?”
เรย์มอนด์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง….จากนั้นใบหน้าของเขาก็มืดลงทันที!
เเมตต์-เยอร์มันพยักหน้าเเละพูดต่อด้วยความกังวล
“มีผู้ชายคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นทูตของตระกูลโอแลนเดอร์….ตอนนี้เขาอยู่นอกเมืองแล้ว และเขาบอกว่าเขาต้องการพบเจ้า!
"ถ้าอย่างนั้นก็ไปดูหน้าเขาซักหน่อย!" เรย์มอนด์เอ่ยอย่างไม่ลังเล
ไม่กี่นาทีต่อมา
เรย์มอนด์ก็มาถึงบริเวณรอบนอกของเมืองแล้วเดินออกจากประตูเมือง
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้เห็นกองทัพจำนวนนับพันคนจากระยะไกล
และไม่ไกลนักมีจอมเวทย์วัยกลางคนที่มีท่าทางเย่อหยิ่ง สวมเสื้อคลุมของจอมเวทย์และขี่หมาป่าเพลิงยักษ์ผู้ยิ่งใหญ่และครอบงำ
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นบารอนเรย์มอนด์….สวัสดี!”
“นี่เป็นครั้งแรกที่เราพบกัน….งั้นก็ขอแนะนำตัวเองก่อนละกัน”
“ข้าชื่อเมย์นาร์ด, มาจากเมืองอัมคุนเซ็ตของตระกูลโอแลนเดอร์...ยินดีที่ได้พบ” เมย์นาร์ดมองเรย์มอนด์อย่างถ่อมตัวเเต่เเอบเเฝงรอยยิ้มเยาะเย้ย
“ยินดีที่ได้พบข้า….จริงเหรอ?”
“เมย์นาร์ด….ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้มาที่นี่ในฐานะเเขกนะ?”
เรย์มอนด์ไม่ได้มองเขา เพียงแต่จ้องมองกองทหารหลายพันคนในระยะไกล
เมย์นาร์ดยกยิ้มและไม่ได้อธิบายอะไร
หลังจากนั้น…เขาก็พูดต่ออย่างภาคภูมิใจ
"บารอนเรย์มอนด์….นี่คือกองพันที่หกเเห่งตระกูลโอแลนเดอร์ของเรา …ดูดีใช่ใหม?"
"ฮ่าฮ่า, เเต่จริงๆแล้วพลังของกองพันที่หกนี้ไม่ได้สูงเท่าไหร่หรอก!"
“ในหมู่พวกเขามีจอมเวทย์เพียงห้าสิบคน และพวกเขาก็เป็นแค่ระดับสองเเละระดับสามเท่านั้น ซึ่งถือว่าธรรมดามาก.....ยิ่งกว่านั้นความแข็งแกร่งของทหารคนอื่นๆก็ไม่ได้สูงส่งอะไรนัก”
“มันก็แค่ระดับเฉลี่ยประมาณระดับสองถึงระดับสาม”
“เจ้ารู้ไหม ด้วยความแข็งแกร่งแบบนี้….ในบรรดากองพันทั้งหมดของตระกูลโอแลนเดอร์, กองพันนี้ไม่สามารถติดอันดับหนึ่งในสามอันดับแรกได้ด้วยซ้ำ”
“ดังนั้นเรย์มอนด์….เจ้าไม่ต้องกลัวกองพันนี้หรอก”
“เเละอย่างน้อย….ตอนนี้ตระกูลโอแลนเดอร์ของเราจะยังไม่ทำอะไรเจ้า หรอก….แต่ถ้าเป็นในอนาคตมันก็ยากที่จะพูด ฮ่าๆๆๆๆๆ” เมย์นาร์ดหัวเราะอย่างเย่อหยิ่ง
เเละสิ่งนี้, มันทำให้เรย์มอนด์รู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อย….พร้อมกันนั้นดวงตาของเขาก็เย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ
“หืมมมม….นี่เจ้ากำลังขู่ข้าอยู่งั้นเหรอ”
“ไม่สิ….ข้าแค่กำลังบอกความจริงกับเจ้า บารอนเรย์มอนด์, อย่างไรก็ตาม เจ้าควรได้รับของขวัญอีกชิ้นจากตระกูลโอแลนเดอร์ของเราเเล้วใช่ไหม”
เมย์นาร์ดหรี่ตาลงและเยาะเย้ยอีกครั้ง
“เจ้ากำลังขาดแคลนหินและวัสดุก่อสร้างจำนวนมากเลยไม่ใช่เหรอ?”
ทันทีที่เขาพูดแบบนี้….เรย์มอนด์ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเช่นกัน
จากนั้นใบหน้าของเขาก็มืดมนจนถึงที่สุด......
“เป็นฝีมือพวกเจ้างั้นหรอ?”
ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ
เเต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายอวดโอ้เเบบนี้….นี่ก็เเสดงให้เห็นเเล้วว่าการกระทำของไวเคานต์เคลย์ก่อนหน้านี้เป็นฝีมือของตระกูลโอเเลนเดอร์
"ใช่แล้ว….เป็นฝีมือพวกเราเอง!" เมย์นาร์ดยิ้มและพูดอย่างภาคภูมิใจ
“บารอนเรย์มอนด์ ข้าคิดว่าเจ้าก็คงเป็นคนฉลาดเช่นกัน….ดังนั้นข้าจะบอกเจ้าตามตรง”
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้ามาจากไหนหรือมีภูมิหลังอะไร….ตราบใดที่เจ้าอยู่ในดินแดนของตระกูลโอแลนเดอร์ของเรา, เจ้าจะต้องเชื่อฟังและมีไหวพริบ”
“เจ้าเข้าใจดรื่องนี้ไหม?”
ทันทีที่เมย์นาร์ดพูดสิ่งนี้จบ….เรย์มอนด์ก็เงยหน้าขึ้นมองเขา, จากนั้นก็หัวเราะทันที
“เมย์นาร์ด….เจ้าดูหยิ่งยโสมากเลยนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมย์นาร์ดก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง...จากนั้นเขาก็ยังคงหัวเราะเช่นเดิม
“ฮ่าๆๆๆๆ”
ช่วงเวลาต่อมา, เขาไม่เอ่ยคำแก้ตัวที่ไม่จำเป็นกับเรย์มอนด์ด้วยซ้ำ
เขายกมือขึ้นโดยตรงและร่ายเวทย์มนตร์ไปบนท้องฟ้า
พลังเวทย์มนตร์ระเบิดออกมา (เป็นสัญญาณเรียกพวกเฉยๆ)
จากนั้น, กองทัพหลายพันคนในระยะไกลก็เคลื่อนตัวเข้ามาพร้อมกับเสียงดังก้อง
เสียงเดินขบวนดังกึกก้องจนเเผ่นดินบริเวณรอบๆถึงกับสั่นสะเทือน
ท่ามกลางเสียงการเดินขบวน…. ผู้คนนับพันเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เเละในที่สุดพวกเขาก็ใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ!
ในเวลาเดียวกัน ความกดดันอันมหาศาลก็พัดปกคลุมท้องฟ้า, มันเหมือนกับพลังอันท่วมท้น….จนกระทั่งพวกเขาอยู่ห่างจากจุดที่เมย์นาร์ดและเรย์มอนด์เจรจากันเพียงไม่กี่ร้อยเมตร
แล้วการเดินขบวนของพวกเขาก็ค่อยๆหยุดลง
เมื่อเรียกกองทัพของตนให้เข้ามาใกล้เเล้ว….เมย์นาร์ดคนนั้นมีท่าทีเยาะเย้ยและหยิ่งยโสมากขึ้นไปอีก
“บารอนเรย์มอนด์, มันไม่เเปลกที่ข้าจะเย่อหยิ่ง”
“ถ้าเจ้ามีกองทัพที่ทรงพลังเหมือนข้า….เจ้าก็จะเป็นเหมือนข้าเช่นกัน ฮ่าๆๆๆๆ”
เมื่อเรย์มอนด์ได้ยินสิ่งนี้, เขาก็พยักหน้าเห็นด้วย
“เจ้าพูดถูก….เมย์นาร์ด”
"ตราบใดที่มีความแข็งแกร่ง มันก็เป็นเรื่องธรรมดาและสมเหตุสมผลที่จะหยิ่งผยอง" เรย์มอนด์พูดเบาๆแล้วทำการโบกมือไปทางประตูเมืองใหม่ของหมู่บ้านเกรย์สโตน
“ดีโวส!”
เกือบจะในเวลาเดียวกันนั้น….ดีโวสก็เดินออกมาจากประตูเมืองทันที
เมื่อเห็นฉากนี้, เมย์นาร์ดอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“บารอนเรย์มอนด์….เจ้าวางแผนจะทำอะไร”
"ข้าคิดว่าข้าควรเตือนเจ้าด้วยความกรุณา….หากเจ้าต้องการต่อต้านตระกูลโอแลนเดอร์ของข้า, นี่ไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดนักสำหรับเจ้า!
“ใจเย็นๆ….ข้าแค่อยากให้เจ้าได้ดูการแสดงบางอย่าง, เมย์นาร์ด”
เรย์มอนด์เหลือบมองเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
"ใจเย็นๆ….ผ่อนคลายเข้าไว้"
หลังจากพูดจบ, เรย์มอนด์ก็มองไปทางดีโวส เเล้วพูดเบาๆ!
“ดีโวส….ฆ่าพวกมันซะ!”
“รับคำสั่งท่านลอร์ด”
“เจ้าพูดอะไร….บารอนเรย์มอนด์, เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ!” เมย์นาร์ดตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
แต่อย่างไรก็ตาม, ในขณะนี้การแสดงได้เริ่มขึ้นแล้ว!
………
ดีโวสเดินผ่านเรย์มอนด์และเมย์นาร์ด แล้วตรงไปยังกองทัพที่มีผู้คนหลายพันคน
และหลังจากที่ได้เห็นฉากนี้….สีหน้าของเมย์นาร์ดเปลี่ยนไปชั่วขณะหนึ่ง
จากนั้นเขาก็ค่อยๆเริ่มยกยิ้มเยาะเย้ย
“เจ้านั่นเพียงคนเดียว, กลับต้องการริเริ่มที่จะต่อสู้กับกองพันที่หกของตระกูลโอเเลนเดอร์งั้นเหรอ…..ช่างโง่เง่าจริงๆ!”
“ฮึ่ม…..หากเป็นเช่นนี้ก็ปล่อยให้เขาตายไปซะ!”
แม้ว่าเขาจะไม่ทราบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของดีโวส….แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าดีโวสเพียงลำพังจะสามารถทำอะไรกับกองพันที่หกของตระกูลโอแลนเดอร์ได้
ต้องรู้ว่า, นอกเหนือจากกองพันนี้จะมีคนหลายพันคนแล้ว
ท่ามกลางกองพันที่หกยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับห้าอย่างน้อยสามคน…..เช่นเดียวกับตัวเลขอย่างน้อยสองหลักและผู้เชี่ยวชาญระดับสี่!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง, เว้นแต่ผู้เชี่ยวชาญระดับเจ็ดจะมาด้วยตนเอง
ด้วยกองพันนี้, แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับหกก็ยังต้องล่าถอย
หรือว่าดีโวสจะเป็นขุมพลังระดับเจ็ด?
ฮ่าๆๆๆๆๆ……
เรื่องเเบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
ดังนั้นสิ่งที่เขาควรกังวลต่อไปไม่ใช่ชายคนนี้เลย….แต่เป็นบารอนเรย์มอนด์!
ต้องบอกเลยว่านี่เป็นบารอนที่โง่เขลาที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา
เป็นเเค่บารอนตัวเล็กๆกลับกล้าคิดที่จะต่อต้านตระกูลโอแลนเดอร์ของเขางั้นหรือ
ฮ่าๆ…..ช่างไม่รู้จักกลัวความตายเลยจริงๆ!
………
ในขณะเดียวกัน
เมื่อดีโวสเดินตรงไปยังกองพันที่หก ทีละก้าวทีละก้าว
เหล่าผู้นำของกองพันที่หกก็เริ่มแสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามทันที
คนคนหนึ่ง?
แค่คนคนเดียว….เเต่จะมาสู้กับคนพัน
นี่ใช่ใหมที่เรียกว่าการเเส่หาความตาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า, ผู้ชายคนนี้บ้าไปเเล้วหรือเปล่า?
“อย่าไปว่าสิ….อย่างน้อยเขาก็กล้าหาญจริงๆ”
“แต่ก็น่าเสียดายที่เขาประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไป…”
……………..