บทที่ 4 พลังแห่งกระดูก
บทที่ 4 พลังแห่งกระดูก
เหล่าเด็กหนุ่มทุกคนมองโซลด้วยความตกตะลึง
ทั่วทั้งห้องเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง
แต่ไม่นานเด็กชาย 2 3 คนก็มองหน้ากันและเดินเข้ามา
"ไอ้หนู เจ้าแข็งแกร่งดีนิ" เด็กคนแรกหยิบเก้าอี้ขึ้นมาจากพื้นแล้วฟาดไปที่ โซล อย่างรุนแรง "มาดูกันว่ามือของเจ้ากับเก้าอี้ไม้อะไรจะแข็งกว่ากัน!"
โซลยื่นมือซ้ายที่เป็นกระดูกสีขาวออกมา และชกไปที่เก้าอี้ไม้
เก้าอี้ไม้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เศษไม้นับไม่ถ้วนกระแทกเข้าใส่หน้าของคู่ต่อสู้
เหล่าเด็กไม่กล้าโจมตีอีก
ทุกคนถึงกับเงียบกริบ สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงอีกต่อไป แต่กลายเป็นความหวาดกลัวแทน
แม้แต่บราวน์ที่ล้มลงบนพื้นก็ยังร้องออกมา เมื่อมองไปยังมือซ้ายของโซล ด้วยความตกใจเขาอดที่จะลูบมืออย่างไม่รู้ตัว
เขาไม่สามารถปกปิดมือซ้ายได้อีกต่อไป
ข้ารับใช้อย่างพวกเขานั้นไม่มีถุงมือ อีกทั้งพวกเขายังทำงานประจำวันเยอะมาก ดังนั้นใช่เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มือซ้ายตลอดเวลา
เมื่อมือซ้ายของโซลปรากฏขึ้น มันก็ทำให้ทุกคนตกตะลึง และในขณะเดียวกันก็ทำให้มือขวาของเขาไม่โดดเด่นอีกต่อไป
"เจ้าถูกสาปงั้นหรือ?"
แต่ไม่คาดคิด สิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงคือคำสาป
"คำสาวนี้ติดต่อกันได้ไหม"
"รีบไปบอกท่านพ่อบ้านเร็วเข้า"
โซลไม่ได้อธิบาย เขามองบราวน์ และ ก็ยื่นมือซ้ายออกไปจับใครบางคน
"ว้าวว"
บราวน์ตกใจมากซะจนไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บที่มือซ้าย เขากลิ้งไปด้วยด้านหลัง
โซลโบกมือซ้ายต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง
เด็กชายเหล่านั้นตกใจกรีดร้องออกมาเสียง และถอยออกไป
ทันใดนั้น โซลก็เขาสามารถจัดการเด็กน้อยด้วยวิธีนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกโล่งใจ
"ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่ทำความสะอาดทางเดินอีก" ไม่มีใครในห้องกล้าปฏิเสธโซล
"พวกเจ้าต้องผลัดกัน"
เขาชี้ไปที่บราวน์ด้วยนิ้วสีขาว "เจ้าเป็นคนแรก"
สีหน้าของบราวน์เปลี่ยนไปทันที...
"ท่านพ่อบ้านขอรับ เป็นเขา เขาคือที่ติดคำสาป"
เสียงของเด็กชายดังมาจากด้านหลัง
โซลหันกลับมาและเห็นเด็กชายอีกคนที่มักหัวเราะเยาะเขาเดินเข้ามาพร้อมกับชายวัยกลางคน ที่สวมชุดสีดำ
พ่อบ้านไม่ได้แสดงความกลัว ใดๆ เมื่อเห็นมือของโซล
เขาขมวดคิ้วและพูดกับเขา "มากับข้า"
ธอร์เหลือบมองไปยังผู้ที่รายงาน และเดินตามพ่อบ้านไปอย่างเงียบๆ
เมื่อเขามาถึงห้องเก็บของ
"บอกเรื่องราวทั้งหมดมา"
"ข้าได้เข้าร่วมการทดลองสิ่งมีชีวิตกับอาณาจักรคงชา แม่มดระดับ 2"
พ่อบ้านถึงกับสะดุ้ง "เจ้าเต็มใจหรือไม่"
โซลสับสน เป็นไปไหมว่าหากเขาไม่เต็มใจ พ่อบ้านจะช่วยเป็นปากเสียงให้?
"อะแฮ่ม..." พ่อบ้านไอ 2 ครั้ง "ข้าหมายถึง นายหญิงคงชาจ่ายค่าสินไหมให้เจ้าหรือเปล่า ถ้าไม่ เจ้าสามารถขอรับค่าชดเชยจากเจ้าหน้าที่ได้ สุดท้ายแล้ว ข้ารับใช้ถือเป็นทรัพย์สินของหอคอย แม้ว่าพวกเขาจะเป็นแม่มดก็เขาก็ไม่สามารถใช้งานพวกเจ้าได้ตามใจชอบ"
โซลไม่อยากเชื่อสิ่งที่พ่อบ้านพูด
ก่อนที่โซลจะเดินทางข้ามกาลเวลา เขาถูกพ่อมดฝึกหัดทุบตีจนตายด้วยหนังสือ แต่หลังจากที่เขาตายแล้ว แต่ตอนที่โซลเดินทางข้ามกาลเวลามาถึง ไม่มีคำอธิบายให้เขา
หรือว่าอีกฝ่ายกำลังทดสอบว่า เขากับคงชา มีความสัมพันธ์กันหรือไม่?
โซลกล่าวอย่างใจเย็น "ไม่"
เมื่อเห็นสีหน้าของพ่อบ้านเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาจึงพูดต่อ "อาจาร์ยคงชาได้มอบค่าตอบแทนให้ข้าแล้ว"
สีหน้าของพ่อบ้านเปลี่ยนไปอีกครั้ง
แม้จะโกรธ แต่เขาก็บังคับตัวเองให้ฝืนยิ้ม
"ฮ่า ฮ่า เอาละ เช่นนั้น .... ข้าจะไม่ใส่ใจนัก กลับไปได้แล้ว 2 วันนี้ไม่ต้องมาทำงานละเจ้าพักผ่อนให้เยอะๆ นะ"
เขาเหลือบไปมอง มือซ้ายของโซลอย่างหวาดกลัว
โซลโค้งคำนับเล็กน้อยและพูดว่า "ขอบคุณขอรับ ท่านพ่อบ้าน"
เขาผลักประตูออกไป มองเห็นเด็กชายกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนและมองมาทางนี้
โซลเข้ามาแล้ว เด็กเหล่านั้น ก็ถอยกลับเข้าในห้องทันที
"เจ้า!" โซลชี้ไปที่เด็กชายคนนั้น "วันมะรืนนี้เป็นคิวของเจ้า!"
สีหน้าของอีกฝ่ายซีดขาวราวกับบราวน์
.....
ใน 2 วันต่อมา โซลใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ไม่มีใครมอบหมายงานให้กับเขา เขาสามารถเดินไปยังรอบๆ พื้นที่ส่วนใหญ่บนชั้น 4 ได้ แถมไม่มีใครกล้าแย่งอาหารของเขา ดังนั้นในที่สุดเขาก็สามารถกินอาหารร้อนๆ ได้และมีเนื้อเป็นครั้งคราวอีกด้วย
แม้แต่ท่านพ่อบ้านก็ยังส่งขวดยามาให้เขาในวันรุ่งขึ้น ซึ่งว่ากันว่าใช้รักษาบาดแผลที่หัว
ช่างน่าขัน!
เพราะแม้แต่รอยแผลเป็น บนหน้าผากของเขาก็หายไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม โซลก็ยังคงรับยารักษา และขอบคุณพ่อบ้านซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทุกสิ่งที่เขาได้รับในตอนนี้ จากการคาดเดาของเขาน่าจะมาจากความเกี่ยวกับระหว่างเขากับ คงชา แต่ถ้าโซล ไม่สามารถกลายเป็นพ่อมดฝึกหัดได้ ทุกอย่างก็จะจบสิ้น ทำให้ในที่สุดเขาก็จะกลับไปเป็นข้ารับใช้ในที่สุด
เขาไม่รู้ว่า คงชา สนใจที่จะรู้จักชื่อของเขาในตอนนั้นหรือไม่?
หากไม่ได้เป็นพ่อมดฝึกหัด เขาก็ไม่มีคุณสมบัติพอให้จดจำ และโซลก็จะทำให้เหล่าเด็ก ที่เป็นหัวโจกของข้ารับใช้หวาดกลัวได้เท่านั้น
ในวันที่ 3 มีบางอย่างเกิดขึ้น
เด็กชายคนที่ไปทำความสะอาดทางเดิน แต่เมื่อถึงตอนเช้าเขาไม่กลับมา
สุดท้าย ท่านพ่อบ้านก็ออกมานำศพกลับไป
เด็กชายคนหนึ่งอธิบายให้โซลฟังอย่างหวาดกลัว โดยบอกหัวของข้ารับใช้คนที่ตายไปนั้นกลายเป็นดอกไม้ไปแล้ว
หัวกระโหลกถูกใช้เป็นเกสรตัวผู้ ผิวหนังและเนื้อบนใบหน้าค่อยๆ บานออกราวกับ หลอดไฟ
หลังจากท่านพ่อบ้านนำศพกลับมา ก็ส่งไปยังโรงเก็บขยะเพื่อนำไปทิ้งทันที เลือดหยดไปทั่ว แม้แต่โซลที่กำลังพักผ่อนก็ถูกเรียกออกมาให้ช่วยถูพื้น
โซลและเด็กชายกลุ่มหนึ่งนั่งยองๆ บนพื้นคอยเช็ดเลือดที่เปื้อน
ไม่มีพ่อมดฝึกหัดคนใดที่เดินผ่านมาสนใจพวกเขา
โซล เห็นแม้แต่คงชาด้วยซ้ำ
เพียงแต่ว่าหัวของอีกฝ่ายซ่อนอยู่ในหมวกซึ่งไม่น่ากลัว เท่าตอนกลางคืน
หลังจากท่านพ่อบ้านกลับมาแล้ว
"ข้าคิดว่าเจ้าคงพักผ่อนเพียงพอแล้ว พรุ่งนี้ให้เจ้าเริ่มงานได้ตามปกติ"
"ขอรับ" โซลเห็นด้วย
ดูเหมือนจะมีคนบอกเขา
เห็นได้ชัดเขาคอยสังเกต คงชาอยู่
เนื่องจาก คงชา ไม่แม้แต่ชายตามองโซลด้วยซ้ำ เขาจึงคิดว่าเขาโซลสำหรับหลอกเขาอยู่
แต่เมื่อเห็นว่าโซลตอบตกลงอย่างมีความสุข พ่อบ้านก็ขมวดคิ้วทันที
ขณะที่เขากำลังจะพูดบางอย่าง ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง
"ท่านเจ้าหน้าที่" พ่อบ้านรีบโค้งคำนับด้วยความเคารพ "เหตุใดท่านถึงได้มาที่นี่กัน"
เจ้าหน้าที่ไม่ได้สนใจคำทักทายของพ่อบ้าน และพูดกับโซลด้วยสีหน้าที่เย็นชา "เจ้าคือโซลงั้นหรือ?"
โซลรู้ว่านี้คงเป็นโอกาสจาก คงชา หลังจากที่เขาตอบตกลง
เขาแอบกำมืออยู่ที่อยู่แขนเสื้อ "ขอรับเป็นข้าเอง ท่านเจ้าหน้าที่"
"ตามข้ามา"
เจ้าหน้าที่เดินหันหลังออกไปโดยไม่สนใจพ่อบ้านแม้แต่น้อย
โซลเดินไปรอบๆ พ่อบ้านก่อนจะยิ้มให้กับเขา
ทันใดนั้น เม็ดเหงื่อก็ผุดหัวมาจากหัวของ พ่อบ้าน
.....
โซลเดินตามท่านพ่อมดไปจนถึงชั้นที่ 6
ผู้คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในชั้นที่ 6 จนถึงชั้นที่ 9 เป็นพ่อมดฝึกหัดรุ่นเยาว์ และยังมีพ่อมดฝึกหัดระดับสูงที่ยังไม่เต็มใจที่จะเลื่อนขั้น
โดยปกติแล้ว จะมีผู้คนจำนวนน้อยมากในหอคอยพ่อมด แต่วันนี้ทางกลับเต็มไปด้วยผู้คน
พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นเด็กที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น ไม่มีเด็กที่ดูใสซื่อ ในเวลานี้พวกเขาต่างซีดเซียวและหวาดกลัว
"เจ้าไปยืนข้างหลัง ตรงนั้น" เจ้าหน้าที่พาโซลไปยืนด้านหลังกลุ่ม เขาพูดด้วยความใจเย็น
"ขอรับ" โซลรู้ว่านี่คือแถมของเด็กที่เข้ารับการทดสอบพ่อมดฝึกหัด เขาระงับตัวตื่นเต้นเอาไว้ และเดินอย่างช้าๆ ไปยังด้านหลังของกลุ่ม
เมื่อคนที่อยู่ข้างหลังได้ยินเสียง เขาก็หันกลับมามองไปยังโซลอย่างตื่นกลัว จากตอนแรกที่สับสน จากนั้นเขาก็แสดงความโกรธออกมา
โซลไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ทำสีหน้าเช่นนั้น แต่เขาจ้องกลับไปโดยไม่หวาดกลัว
หลังจากอาศัยอยู่กับเด็กเหล่านี้มาได้ 2 3 วัน ในที่สุดโซลก็ได้เข้าใจ
โลกใบนี้แตกต่างจากโลกของเขา หากเขาแสดงความเป็นมิตรออกมา ก็จะถือว่าอ่อนแอและถูกรังแกทันที
หากเป็นเช่นนั้น โซลนับว่าแข็งแกร่งที่สุดในที่แห่งนี้เลย