บทที่ 36: ผลลัพธ์สุดท้าย
บทที่ 36: ผลลัพธ์สุดท้าย
ลู่หยุนถูกปิดล้อมโดยสัตว์อสูรขั้นสองขั้นปลาย 10 ตัวในเวลาเดียวกัน และแม้ว่าออร่าหยางพิสุทธิ์ของเขาจะทรงพลัง แต่มันก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่เพียงพอ
ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ เขาตัดสินใจเลือกที่จะเลิกหลบหนีหรือถอยกลับ เขาหันมาเลือกใช้กลยุทธ์ "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" แทน
หลังจากสังหารสัตว์อสูรตัวที่ห้าลงได้แล้ว ลู่หยุนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว และออร่าหยางในกายของเขาก็หมดลงไปอย่างมาก สิ่งนี้ส่งผลให้เขาตกอยู่ในสภาวะตึงเครียด
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังกัดฟันและปล่อยออร่าหยางออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
หลังจากสังหารสัตว์อสูรตัวที่หกลงได้ อาการบาดเจ็บของเขาก็ยิ่งแย่ลงไปอีก
หลังจากสังหารสัตว์อสูรตัวที่เจ็ดลงได้ ลู่หยุนก็แทบจะยืนไม่ไหว
และเมื่อสังหารสัตว์อสูรตัวที่แปดลงได้ พลังงานในร่างกายของเขาก็หมดลงอย่างสมบูรณ์
ในท้ายที่สุด เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเฝ้าดูกรงเล็บอันทรงพลังของสัตว์อสูรที่พุ่งเข้ามาโจมตีเขา
ในขณะนั้นเอง ลู่หยุนก็รู้สึกราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับความตายที่แท้จริง
แต่ในนาทีสุดท้าย เวลาดูเหมือนจะหยุดลง และมีแสงปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวเขา จากนั้นมันก็ตามมาด้วยออร่าพลังอันแข็งแกร่ง
“อ้า!”
ลู่หยุนลืมตาขึ้นอีกครั้งและตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในหอคอยหมื่นปรากฎการณ์อีกต่อไปแล้ว นอกจากนี้ มันก็มีสายตามากมายกำลังจับจ้องมาที่เขา
“เฮ้เฮ้ ศิษย์น้องลู่ เจ้ารู้สึกยังไงบ้างกับการ ‘ตาย’ ?”
ต้วนชิงเดินเข้ามาและมองไปที่ลู่หยุนอย่างสงสัย
ลู่หยุนยังคงเงียบ เขานึกถึงฉากสุดท้ายที่เขาจำได้ในหอคอย
ต้องบอกว่าหอคอยหมื่นปรากฎการณ์นั้นน่าทึ่งอย่างแท้จริง ในวินาทีสุดท้าย เขาก็เชื่อจริงๆ ว่าเขากำลังจะตายภายใต้กรงเล็บอันแหลมคมของสัตว์อสูร
ในขณะนั้น เขาก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริง
ทุกคนล้วนกลัวความตาย โดยเฉพาะลู่หยุนผู้ที่ได้รับโอกาสข้ามภพมาทั้งที
โชคดีที่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ถูกขับออกจากหอคอยหมื่นปรากฏการณ์ได้ทันเวลา
อย่างไรก็ตาม มันก็มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน ทุกสิ่งที่เขาเคยประสบในหอคอยหมื่นปรากฏการณ์เป็นเรื่องจริงและไม่ใช่ภาพลวงตา
สิ่งที่ทำให้เขาสับสนก็คืออาการบาดเจ็บของเขาหายดีแล้ว แต่พลังในจุดตันเถียนของเขาก็ได้หมดสิ้นลงไปแล้วจริงๆ
เมื่อมองไปที่ต้วนชิง ลู่หยุนก็ถามว่า “พี่ต้วน ท่านพอจะทราบไหมว่าทำไมอาการบาดเจ็บของเราจึงหายเป็นปกติทันทีหลังจากที่เราออกมาจากหอคอยหมื่นปรากฎการณ์?”
ดวงตาของต้วนชิงสว่างขึ้นในขณะที่เขามองไปที่หอคอยหมื่นปรากฎการณ์และเขาก็ถอนหายใจ “สิ่งประดิษฐ์วิญญาณนั้นมีจิตวิญญาณ และทุกสิ่งในหอคอยหมื่นปรากฎการณ์ก็ถูกควบคุมและจัดการโดยจิตวิญญาณของหอคอย สัตว์อสูรที่นั่นถูกสร้างขึ้นโดยจิตวิญญาณของหอคอยโดยใช้พลังงานของมัน ด้วยเหตุนี้เอง พวกมันจึงสามารถทำให้เจ้าบาดเจ็บสาหัสได้แต่จะไม่ฆ่าเจ้า”
“นอกจากนี้ จิตวิญญาณของหอคอยก็ยังมีความสามารถในการรักษาที่ลึกลับและไม่อาจหยั่งรู้ได้ อาการบาดเจ็บที่ดูน่าสยดสยองเหล่านั้นไม่ได้ส่งผลต่อจิตวิญญาณของหอคอยเลย”
ลู่หยุนพยักหน้าเล็กน้อย การครอบครองความสามารถอันทรงพลังดังกล่าวก็มากเกินพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าหอคอยหมื่นปรากฎการณ์นั้นน่าทึ่งมากเพียงใด
หากมันสามารถรักษาอาการบาดเจ็บอื่นๆ ได้เช่นกัน หอคอยหมื่นปรากฏการณ์ก็จะนับเป็นมากกว่าสิ่งประดิษฐ์วิญญาณธรรมดาๆ แน่นอน
“ศิษย์น้องลู่ เจ้าสังหารสัตว์อสูรลงไปได้กี่ตัวกันบนชั้นที่หกของหอคอยหมื่นปรากฏการณ์?” ต้วนชิงถามต่อทันที
“ข้าสามารถสังหารสัตว์อสูรลงไปได้เพียง 8 ตัวเท่านั้น ข้ารู้สึกละอายใจจริงๆ!”
เมื่อนึกถึงคำพูดที่เย่อหยิ่งของเขาก่อนที่เขาจะเข้าไปในหอคอยหมื่นปรากฏการณ์และได้รับผลลัพธ์เช่นนี้แล้ว ลู่หยุนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเขาประเมินตัวเองสูงเกินไป
แม้ว่าเหตุผลสำคัญสำหรับเรื่องนี้จะเป็นเพราะเขายังขาดวิชาและอาวุธที่เหมาะสมก็ตาม
แต่ถึงอย่างนั้นความล้มเหลวก็คือความล้มเหลว และลู่หยุนก็ตระหนักดีถึงเรื่องนั้น
ต้วนชิงยิ้มอย่างขมขื่น “การเข้าสู่ชั้นที่หกของหอคอยหมื่นปรากฎการณ์ได้ในความพยายามครั้งแรกและยังสามารถสังหารสัตว์อสูรขั้นสองขั้นปลายลงไปได้ถึง 8 ตัวนั้นแสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าติดหนึ่งในสามอันดับแรกของศิษย์ใหม่ทั้งหมด”
ลู่หยุนส่ายหัว เขามีหน้าจอค่าคุณสมบัติ แต่กระนั้นเขาก็ยังทำได้เพียงติดหนึ่งในสามอันดับแรกเท่านั้น แบบนี้แล้วเขาจะพอใจได้ยังไง?
เขาเงยหน้าขึ้นมอง 108 รายชื่อบนกำแพงหยกหมื่นปรากฏการณ์ มันไม่มีความรู้สึกภาคภูมิใจหรือความพึงพอใจปรากฎขึ้นในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ศิษย์น้องลู่ ตอนนี้เจ้าได้ผ่านห้าชั้นแรกของหอคอยหมื่นปรากฏการณ์แล้ว เจ้าคงจะได้รับคะแนนการมีส่วนร่วมมาไม่น้อยเลย แบบนี้แล้วเจ้าวางแผนจะทำยังไงกับพวกมันล่ะ?” ต้วนชิงตบไหล่ลู่หยุน ดวงตาของเขาหรี่ลงเป็นรอยกรีด
“คะแนนการมีส่วนร่วม?” ลู่หยุนยิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่เตือนข้า ข้าก็คงจะลืมพวกมันไปแล้ว”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หยิบตราหยกระบุตัวตนของเขาออกมาจากอกของเขาและตรวจดูมัน
“คะแนนการมีส่วนร่วม 380 คะแนน? รางวัลจากหอคอยหมื่นปรากฎการณ์ได้มากขนาดนี้เลยหรอ?”
“นั่นก็ค่อนข้างมากจริงๆ ในสถาบันศึกษาวรยุทธ์ คะแนนการมีส่วนร่วมก็มีค่ามาก คะแนนการมีส่วนร่วมมากกว่า 300 คะแนนแทบจะสามารถแลกเปลี่ยนเป็นวรยุทธ์ระดับสูงได้เลย”
ต้วนชิงจ้องมองไปที่ลู่หยุนและพูดต่อ “ในบรรดาศิษย์ใหม่เช่นเจ้าที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน มันก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีคะแนนการมีส่วนร่วมจำนวนมากเช่นนี้”
ลู่หยุนกลอกตาเมื่อรู้ว่ามันเพียงพอที่จะแลกเปลี่ยนเป็นวรยุทธ์ขั้นสูงได้เท่านั้น มันไม่ใช่วรยุทธ์ชั้นยอด!
ต้วนชิงยังคงยิ้มต่อไป “หึหึ ข้าเห็นว่าเจ้าก็มีฝีมือไม่เลว ดังนั้นข้าจะบอกอะไรบางอย่างให้เจ้ารู้ไว้ ในสถาบันศึกษาวรยุทธ์ สิ่งที่เจ้าควรทำก็คือการแลกเปลี่ยนคะแนนการมีส่วนร่วมเหล่านี้กับทรัพยากรเพื่อนำมาเพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้า จากนั้นเจ้าก็จะสามารถใช้ความแข็งแกร่งนี้เพื่อหาคะแนนมาเพิ่มเติมได้อย่างง่ายดายในอนาคต”
ลู่หยุนยิ้มและเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำแนะนำนี้
“ปัจจุบันข้ามีวรยุทธ์ชั้นยอดเพียงอันเดียวเท่านั้น และมันก็ไม่ใช่วรยุทธ์สำหรับต่อสู้ด้วยซ้ำ เพราะงั้นแล้วข้าจึงวางแผนที่จะไปที่ศาลาวิชายุทธ์เพื่อมองหาวิชายุทธ์ใหม่สักหน่อย พี่ต้วน ท่านอยากจะมากับข้าด้วยไหม?”
“นั่นคือสิ่งที่ข้ากำลังคิดอยู่พอดีเลย!” ต้วนชิงตอบตกลงโดยทันที
เขาเพิ่งจะเข้าสู่ขอบเขตปราณแท้เมื่อไม่นานมานี้ ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงยังไม่มีเวลาที่จะไปเรียนรู้วรยุทธ์ใหม่ๆ และในตอนนี้ เมื่อลู่หยุนชวนเขาไปด้วย เขาจึงเลือกที่จะตอบตกลงโดยทันที
ภายใต้การจับตามองของฝูงชน ทั้งสองก็เดินออกจากหอคอยหมื่นปรากฎการณ์ไปอย่างมีความสุข
จนกระทั่งร่างทั้งสองหายลับไปจากสายตา ทุกคนจึงหายใจเข้าลึกๆ และมองตากันและกัน พวกเขาเริ่มพูดคุยกันเอง
เนื้อหาส่วนใหญ่มีอยู่สองอย่าง ประการแรก พวกเขายกย่องและชื่นชม ลู่หยุนสำหรับความสำเร็จของเขา
ประการที่สอง พวกเขากล่าวว่าลู่หยุนเอาแต่พูดจาใหญ่โตและหยิ่งผยองเกินไป
อย่างไรก็ตาม คนส่วนหลังนี้ส่วนใหญ่ก็แค่อิจฉาลู่หยุนและต้องการจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อทำให้ลู่หยุนเสียชื่อเสียงก็เท่านั้น
...
ในหุบเขาที่เหล่าศิษย์ชั้นสูงอาศัยอยู่ ในลานบ้านแห่งหนึ่ง มีชายหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ เขากำลังฝึกซ้อมโดยหลับตา
พลังปราณแท้อันกว้างใหญ่และน่าประหลาดใจกำลังสร้างความผันผวนขึ้นรอบตัวเขา
ชายหนุ่มคนนี้คือไป๋ห่าวซวน ชายเพียงคนเดียวในบรรดาศิษย์ใหม่ที่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 6 ดาว
การฝึกฝนของเขาได้มาถึงขอบเขตเส้นลมปราณขั้นปลายแล้ว ซึ่งมันก็เหนือกว่าศิษย์ชั้นสูงหลายๆ คน
“ในที่สุด เส้นลมปราณเส้นที่แปดก็ถูกเปิดออก!”
ไป๋ห่าวซวนลืมตาขึ้น เขาหายใจออกและทำให้เกิดความผันผวนโดยรอบเล็กน้อย ลมหายใจของเขาช่างน่าประหลาดใจ
“ครั้งที่แล้ว ข้าล้มเหลวบนชั้นที่เจ็ดของหอคอยหมื่นปรากฏการณ์ เพราะข้าได้ปลดบล็อกเส้นลมปราณไปเพียงเจ็ดเส้นเท่านั้น แต่ตอนนี้ ข้าได้ปลดบล็อกเส้นลมปราณเพิ่มมาอีกเส้นแล้ว และความแข็งแกร่งของข้าก็ได้เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก อีกไม่นาน ข้าก็จะเอาชนะพวกมันได้อย่างแน่นอน”
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ รอยยิ้มอันพึงพอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของไป๋ห่าวซวน
เขาเชื่อว่าตราบใดที่เขาผ่านชั้นที่เจ็ดของหอคอยหมื่นปรากฏการณ์ไปได้ เขาก็จะสามารถแยกตัวออกมาจากเหล่าศิษย์ใหม่อย่างไม่เห็นฝุ่นได้ และด้วยวิธีนี้ เขาก็จะถูกสังเกตเห็นโดยผู้อาวุโสระดับสูงของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ได้มากขึ้น...