บทที่ 34: พลังของออร่าหยางพิสุทธิ์
บทที่ 34: พลังของออร่าหยางพิสุทธิ์
เมื่อเขาเข้าสู่ชั้นที่สี่ ปฏิกิริยาแรกของลู่หยุนก็คือการตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ
มันยังคงเป็นพื้นที่รกร้างอันกว้างใหญ่ มันปกคลุมไปด้วยเมฆและหมอกดำทมึน และทัศนวิสัยที่จำกัด
จนถึงตอนนี้ สภาพแวดล้อมภายในพื้นที่ชั้นหนึ่งถึงชั้นสี่ของหอคอยหมื่นปรากฏการณ์ก็เป็นเช่นนี้
พื้นที่ว่างเปล่าและเงียบงันเต็มไปด้วยหมอกสีดำลอยล่องอย่างช้าๆ ราวกับว่าทั้งชั้นที่สี่กำลังค่อยๆ เคลื่อนตัว
แตะ!
ลู่หยุนก้าวไปข้างหน้าช้าๆ สองสามก้าว และเสียงฝีเท้าที่คมชัดก็ดังก้องอยู่ในหูของเขา
ทันใดนั้น ในขณะนี้ แสงสีแดงคล้ายตะเกียงไฟหลายสิบคู่ก็ปรากฏขึ้นในความมืดระยะไกล และในขณะที่ลู่หยุนตรวจดูพวกมัน เขาก็กำด้ามกระบี่ในมือขวาแน่น
พรึ่บ!
เกือบจะในทันทีที่ลู่หยุนและพวกมันสบตากัน พวกมันก็ได้เริ่มเคลื่อนตัวเข้าหาเขาด้วยความเร็วสูง
ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ โคมไฟสีแดงก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
ดวงตาสีแดงเพลิงคู่หนึ่งและร่างใหญ่โตตามมาด้วยการปล่อยพลังอสูรอันทรงพลังออกมา
สัตว์อสูร!
มีสัตว์อสูรขั้นสองขั้นต้นจำนวน 15 ตัว
พวกมันแต่ละตัวมีออร่าที่ทรงพลังมากกว่าสัตว์อสูรทั้ง 2 ตัวบนชั้นสาม และจำนวนของพวกมันก็มีมากกว่าด้วย
หากผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาๆ ขอบเขตเส้นลมปราณขั้นกลางได้พบกับฉากดังกล่าว พวกเขาก็คงจะสูญเสียเรี่ยวแรงและคงไม่กล้าที่จะต่อสู้กับพวกมันแล้ว
แต่นี่ก็ไม่ใช่กับลู่หยุน เขายังไม่ได้เปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาออกมาเลยจนถึงตอนนี้
นอกจากนี้ หากพูดกันจริงๆ เขาก็ยังใช้พลังไม่ถึงครึ่งเลย!
“ฉันหวังว่าพวกแกจะทำให้ฉันสนุกได้สักหน่อยนะ!”
ในขณะที่มองดูหมู่สัตว์อสูรที่พุ่งตัวเข้ามา ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายแสงจ้าและจิตวิญญาณการต่อสู้ที่แข็งแกร่งของเขาก็ปะทุขึ้น
“กวาดล้างกองทัพนับพัน!”
พร้อมกับเสียงตะโกนเย็นชา กระบี่ของลู่หยุนก็ถูกตวัดออกมาโดยทันที แสงกระบี่อันเย็นชาระเบิดออกมาและแสงกระบี่รูปจันทร์เสี้ยวก็ปรากฏขึ้น มันตัดผ่านหมอกสีดำที่ลอยอยู่และแสงกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวก็เฉือนเข้าใส่สัตว์อสูรที่พุ่งเข้ามา
สัตว์อสูรทั้งสิบห้าตัวนี้ไม่เพียงแต่พวกมันจะมีขนาดใหญ่มากเท่านั้น แต่แขนขาของพวกมันยังแข็งแรงมากอีกด้วย เมื่อพวกเขาพุ่งเข้ามา พวกมันก็ดูเหมือนกับกองทหารนับพันที่มีแรงผลักดันอันดุเดือดและอยู่ยงคงกระพัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกมันเผชิญหน้ากับแสงกระบี่ของลู่หยุน แม้แต่กองทัพที่อยู่ยงคงกระพันก็ยังต้องแตกพ่ายไปในทันที
ฉวิ้ง!
สัตว์อสูรยกอุ้งเท้าหน้าอันแข็งแกร่งขึ้นแล้วปะทะกับกระบี่ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้
พรึ่บ!
เลือดสดสาดกระเซ็นและทำให้หมอกสีดำกลายเป็นสีแดง จากนั้นก็ตามมาด้วยประกายไฟสีแดงที่กระจายไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิด
เมื่อโจมตีครั้งแรกสำเร็จ ร่างของลู่หยุนก็ไม่ได้หยุดนิ่งเฉย กระบี่ในมือของเขายังคงเคลื่อนไหวต่อไปราวกับสายน้ำ
พละกำลัง ความแข็งแกร่งและความเร็ว ทั้งสามสิ่งนี้ของลู่หยุนไม่ได้ด้อยไปกว่าสัตว์อสูรเลย
แสงกระบี่ของเขาตัดทะลุผ่านความมืดมิด มันทอดยาวหลายสิบฟุตก่อนจะตกลงใส่สัตว์อสูรตัวอื่นอย่างแรง ทันใดนั้น มันก็ถูกตัดออกเป็นสองส่วนและกระจายตัวหายไปเป็นละออง
ทลายภูเขานับพัน!
วิชากระบี่ขั้นสามนี้ได้มาถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว และเมื่อบวกกับความสามารถทางกายภาพของเขา สัตว์อสูรจึงตายตกลงไปภายใต้คมกระบี่ของเขาทีละตัว
ประมาณสิบนาทีต่อมา ไม่มีสัตว์อสูรสักตัวเดียวที่เหลืออยู่บนชั้นสี่ของหอคอยหมื่นปรากฏการณ์
ในขณะนี้ เลือดและพลังปราณของลู่หยุนกำลังสูบฉีดเล็กน้อยในขณะที่เขามองไปที่ฉากตรงหน้าอย่างเงียบๆ
“หอคอยหมื่นปรากฏการณ์นั้นน่าทึ่งจริงๆ แค่ชั้นสี่มันก็ยากถึงขนาดนี้แล้ว”
ลู่หยุนมีความชื่นชมเล็กน้อยอยู่ในใจ
เขารู้ดีว่าเหตุผลที่เขาสามารถฆ่าสัตว์อสูรขั้นสองขั้นต้นเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายนั้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะความจริงที่ว่าเขาได้ยกระดับวิชาฐานรากผสมของเขาไปสู่ขั้นรู้แจ้งแล้ว ซึ่งนั่นก็ได้ทำลายขีดจำกัดของร่างกายของเขาไปเกือบสองเท่า มันสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้และทำให้สิ่งต่างๆ ดูง่ายขึ้นกว่าเดิม
แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ยังแสดงให้เห็นถึงความเข้มงวดของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ที่มีต่อลูกศิษย์ของตนด้วย
หากยังไปไม่ถึงขอบเขตเส้นลมปราณขั้นกลางหรือปลาย มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะผ่านชั้นที่สี่ของหอคอยไปได้
ชั้นห้าของหอคอยหมื่นปรากฎการณ์
ชั้นนี้มีสัตว์อสูรเพียง 5 ตัว แต่...
พลังอสูรและแรงกดดันของพวกมันเหนือกว่าชั้นก่อนหน้าหลายเท่าตัว
สัตว์อสูรเหล่านี้คือสัตว์อสูรขั้นสองขั้นกลาง!
ในหมู่พวกมัน หมีดำตัวหนึ่งมีออร่าแรงกดดันที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง มันน่าจะเป็นหัวหน้าฝูงของสัตว์อสูรกลุ่มนี้
เพียงชำเลืองมองครั้งเดียว ลู่หยุนก็รู้ได้ทันทีว่าแค่หัวหน้าของพวกมันเพียงตัวเดียวก็สามารถบดขยี้สัตว์อสูรทั้งหมดบนชั้นสี่ได้แล้ว
และบนชั้นที่ห้า นอกจากสัตว์อสูรหมีดำแล้ว มันก็ยังมีสัตวอสูรที่น่ากลัวไม่น้อยไปกว่ากันอยู่อีกถึง 4 ตัว
เห็นได้ชัดว่าความยากในการผ่านชั้นที่ห้านี้สูงมาก
“ดูเหมือนว่าการอาศัยเพียงวิชากระบี่ทลายวายุนั้นจะค่อนข้างยากซะแล้วสิ!”
ร่างกายของสัตว์อสูรขั้นสองขั้นกลางนั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่าสัตว์อสูรขั้นสองขั้นต้นมาก ขณะเดี่ยวกัน กระบี่ในมือของเขาก็เป็นเพียงอาวุธธรรมดาๆ มันไม่ได้ทรงพลังไปกว่ามีดทำครัวมากนัก
หากไม่ใช่เพราะว่าลู่หยุนสามารถใช้มันได้อย่างชำนาญ กระบี่เล่มนี้ก็คงจะแตกหักไปตั้งแต่ชั้นแรกแล้ว
เขาเหลือบมองกระบี่ในมือ และแน่นอนว่ามันมีรอยแตกตื้นๆ ปรากฎขึ้นมาแล้ว
“อาวุธเองก็เป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งเช่นกัน ดูเหมือนว่าฉันจะต้องมองหาอาวุธที่เหมาะสมกว่านี้ซะแล้ว!”
ลู่หยุนดึงออร่าหยางอันดุดันออกมาปกคลุมรอบกระบี่ อย่างไรก็ตาม ชั่วพริบตาเขาก็หยุดปล่อยออร่าหยางออกมา
เขาส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะวางกระบี่ลงไว้ข้างกาย จิตใจของเขาปั่นป่วนไปชั่วครู่ และในพริบตา ร่างกายของเขาทั้งหมดก็ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยม่านแสงสีขาวพราวแทน ราวกับพระอาทิตย์ขึ้นที่ส่องแสงสว่างให้กับโลกแห่งความมืดมิด
นี่คือพลังของออร่าหยางพิสุทธิ์!
มั่นคงและยิ่งใหญ่!
มันเป็นความแข็งแกร่งที่บริสุทธิ์และทรงพลังที่ให้ความรู้สึกสดใสและมั่นคงได้
“โครกกก!” สัตว์อสูรหมีดำคำราม มันปัดอุ้งเท้าหมีที่กว้างและใหญ่ไปทางลู่หยุน
หลังจากทะลุขีดจำกัดของร่างกายของเขามาถึงสองครั้งแล้ว ร่างกายของลู่หยุนก็ได้แข็งแกร่งกว่าคนในระดับเดียวกันมาก และในตอนนี้ อุ้งเท้าหมีก็ไม่ได้มีอะไรเลยสำหรับเขา
เมื่อเผชิญหน้ากับอุ้งเท้าหมีที่กว้าง หนาและทรงพลัง ลู่หยุนก็ไม่ได้ถอยกลับ เขาตอบโต้กลับไปด้วยการฟาดฝ่ามืออย่างสงบนิ่ง!
ปัง!
ฝ่ามือกับอุ้งเท้าปะทะกันราวกับค้อนขนาดใหญ่ทุบไข่ขนาดเล็ก
อย่างไรก็ตาม ราวกับค้อนขนาดใหญ่นั้นเป็นค้อนกระดาษ และไข่นี้ก็ไม่ใช่ไข่จริงๆ
ออร่าหยางอันบริสุทธิ์ปะทุขึ้นพร้อมกัน พลังอันยิ่งใหญ่เขย่าร่างอันใหญ่โตของหมีดำและทำให้มันถอยหนีกลับไปอย่างรุนแรง มันทิ้งรอยไหม้ดำไว้บนอุ้งเท้าหมีอันแข็งแกร่ง
สิ่งนี้คือเป็นรอยไหม้แผดเผาที่เกิดจากพลังปราณหยางอันบริสุทธิ์
“โครกกก-”
เมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงบนอุ้งเท้า หมีดำก็คำรามเสียงดังขึ้น
แรงกดดันที่มันปล่อยออกมาค่อยๆ มีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ และมันก็เข้าใกล้ขั้นสองขั้นปลายมากขึ้นเรื่อยๆ
“ตายซะ!”
ลู่หยุนไม่ได้รอช้า เขาคำรามและออร่าหยางอันดุดันก็ระเบิดออกมาราวกับเขื่อนแตก
ด้วยหมัดนี้ เขาไม่เพียงแต่ปลดปล่อยพลังเต็มที่ของร่างกายของเขาออกมาเท่านั้น แต่เขายังครอบคลุมหมัดของเขาเอาไว้ด้วยออร่าหยางอันบริสุทธิ์อีกด้วย
หมัดของลู่หยุนกำลังส่องแสงสว่างราวกับดวงอาทิตย์!
หมัดที่น่าสะพรึงกลัวทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า มันไม่อาจหยุดยั้งได้และไม่ทิ้งสิ่งใดไว้ข้างหลัง..