MDB ตอนที่ 410 อาจารย์ของคุณจะล้างแค้นแทนให้คุณเอง
เจ้าเมืองหวังตกใจเมื่อเห็นปลอกแขนลายสัตว์วิเศษสามวงแหวน
ในฐานะเจ้าเมือง เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าสัญลักษณ์นี้หมายถึงอะไร? ภายในกำแพงเมืองรี้ดที่เขาดูแล มีสมาคมประเมินสัตว์วิเศษอยู่ด้วย แต่พวกเขาไม่มีผู้ประเมินระดับสาม
"บังอาจ!"
จู่ ๆ เฉินหรู่หยวนก็โกรธจัด แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีมารยาทไม่ดีและไม่แสดงความเคารพต่อเขา เฉินหรู่หยวนก็สามารถทนได้เนื่องจากการควบคุมตนเองที่น่ายกย่องของเขา แม้ว่าเขาจะรำคาญ แต่เขาก็ไม่กระตือรือร้นที่จะขอคำอธิบายจากหลินจินหรือจงใจสร้างปัญหาใด ๆ ให้กับเขา
อย่างไรก็ตาม คน ๆ นี้ข้ามเส้นอย่างชัดเจนเมื่อเขากระโดดเข้าไปในหลุมลึกอย่างกะทันหัน
แม่ทัพแห่งอาณาจักรมังกรหยกได้มอบหมายหน้าที่ดูแลสถานการณ์ที่นี่ให้เขา แม้ว่าพวกเขาจะแน่ใจว่าสัตว์ปีศาจนั้นตายไปแล้วเพราะพระอธิการจากวัดตัวหลัว แต่ก็อาจจะมีข้อผิดพลาดไม่มากก็น้อย
เขาจึงมาที่นี่เพื่อรวบรวมคนและกลบฝังหลุมลึก ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขาที่จะต้องประหลาดใจเมื่อเห็นหลินจินกระโดดเข้าไปข้างล่าง
แม้ว่าเฉินหรู่หยวนจะไม่สนใจความปลอดภัยของหลินจินแม้แต่นิดเดียว แต่เขาก็กังวลกับชื่อเสียงของตัวเอง เนื่องจากเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะถือว่าไร้ความสามารถหากมีข่าวว่าเขาฝังชายคนหนึ่งทั้งเป็น
แล้วแบบนี้คนอื่น ๆ จะคิดอย่างไรกับเขา?
ดังนั้น เฉินหรู่หยวนก็กระโดดลงไปเช่นกัน โดยวางแผนที่จะจับชายคนนั้นทันทีที่มีโอกาส
“หยุดนะ เจ้าเด็กเหลือขอ!” ในฐานะผู้พิทักษ์ประเทศ เฉินหรู่หยวนเป็นหนึ่งในคนไม่กี่คนในอาณาจักรมังกรหยกที่ครอบครองสัตว์วิเศษระดับสี่
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขามีขุมพลังพอ ๆ กับความมั่นใจของเขา
สำหรับหลุมลึก มันมีความลึกประมาณสามสิบเมตร เฉินหรู่หยวนจำเป็นต้องยืมพลังของสัตว์วิเศษของเขาเพื่อไปถึงก้นหลุมอย่างปลอดภัย
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหินและเศษหิน แต่ก็มีรอยแยกขนาดใหญ่จำนวนมากที่ทอดยาวลงไปถึงพื้นดิน
ความจริงที่ว่าเมื่อลงไปแล้วกลับไม่เห็นหลินจิน มันบ่งบอกว่าเขาอยู่ที่ไหนสักแห่งในรอยแตกเหล่านั้น
รอยแยกบางแห่งกว้างประมาณหนึ่งจุดห้าเมตร ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามนุษย์จะเข้าไปอยู่ในนั้นได้
เฉินหรู่หยวนเดินไปที่จุดที่เด็กเหลือขอคนนั้นหายไป และแน่นอนว่ามีรอยแตกอยู่ที่นั่น เฉินหรู่หยวนสาปแช่งก่อนจะกระโดดเข้าไป
เพื่อจะจับชายคนนั้น เขาต้องเข้าไปในนั้น
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เข้าไป เขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในโดม จริง ๆ แล้วมันเป็นถ้ำขนาดใหญ่ และเมื่อดูจากรูปลักษณ์ของมันแล้ว มันดูเหมือนเป็นการก่อตัวตามธรรมชาติ บางทีหลังจากการล่มสลายของเมืองเส้นทางนิรันดร์ ถ้ำที่ซ่อนอยู่ก็ถูกเปิดออก มีก้อนหินขนาดใหญ่ที่ปิดทางเข้าถ้ำไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเข้าถึงได้ผ่านรอยแตกที่ปรากฏหลังการต่อสู้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ถ้ำแห่งนี้ไม่ได้ทอดยาวไปไกลนัก มันเป็นพื้นที่ว่างยาวประมาณสิบฟุต และเด็กเหลือขอที่กระโดดลงมาก่อนหน้านี้ก็ยืนอยู่ตรงกลางและถืออะไรบางอย่างไว้ในอ้อมแขนของเขา
เฉินหรู่หยวนโกรธจัด
“ฟังนะ ไอ้เด็กเหลือขอ! นี่คือเขตหวงห้าม! เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาที่นี่ตามที่ต้องการ ดังนั้นออกไปเดี๋ยวนี้!”
ขณะที่เขาพูด เฉินหรู่หยวนก็สะบัดฝ่ามือของเขาไปในอากาศ
เขาใช้แรงจับที่เขายืมมาจากสัตว์เลี้ยงของเขา เงาของสัตว์วิเศษที่ซุ่มซ่อนอยู่บนร่างกายของเขาปรากฏออกมา
เมื่อรวมร่างเข้าด้วยกันผ่านคัมภีร์จ้าวอสูรด้วยแล้ว ความแข็งแกร่งของเฉินหรู่หยวนก็แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปถึงสิบเท่า
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะจับชายหนุ่มได้ เขาก็ถูกผลักกลับด้วยพลังที่มองไม่เห็น
เฉินหรู่หยวนกระเด็นถอยหลังไปสองสามเมตรก่อนที่เขาจะตั้งตัวได้
เขาตกใจอย่างเห็นได้ชัด
"เจ้า! เจ้าเป็นใคร!?"
เฉินหรู่หยวนแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด ในกรณีส่วนใหญ่ คัมภีร์จ้าวอสูรน่าจะเพียงพอที่จะจัดการกับตัวปัญหา แต่ดูเหมือนว่า เขาจะประเมินคู่ต่อสู้ผิดไป เขาจึงต้องนำสัตว์เลี้ยงของเขาออกมา
“หมีทองคำ! จงออกมา!”
เฉินหรู่หยวนเสกคาถาและเงาที่อ้อยอิ่งอยู่รอบตัวของเขาก็ปรากฏขึ้นทันที และสร้างรูปร่างของหมีทองคำตัวใหญ่ที่ดูเหมือนพร้อมสำหรับการต่อสู้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหมีออกมาได้เพียงครึ่งทางนั้น หลินจินยื่นแขนออกไปข้างหน้าเขา
"ไสหัวกลับไปซะ!"
เขาใช้เพียงสองสามคำและท่าทางง่าย ๆ ก่อนที่หมีทองคำแสนดุร้ายจะถูกบังคับให้กลับเข้าไปในร่างของเฉินหรู่หยวนด้วยพลังที่มองไม่เห็น
เมื่อเฉินหรู่หยวนพยายามที่จะปลดปล่อยมันอีกครั้ง เขาก็พบกับการต่อต้านที่แข็งแกร่ง
สิ่งนี้ทำให้เฉินหรู่หยวนพูดไม่ออก
ดวงตาของเขาเบิกกว้างพอ ๆ กับไข่ห่าน และเขาเริ่มพูดตะกุกตะกักว่า
“จะเจ้า… ขะข้า…”
แม้แต่จะเอื้อนเอ่ย เขาก็ไม่สามารถทำได้ แต่ก็ไม่แปลกเลยที่เขาจะมีท่าเช่นนี้ เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เฉินหรู่หยวนต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อมีใครบางคนสามารถผนึกสัตว์เลี้ยงของเขาให้กลับคืนสู่ร่างกายของเขาได้ในขณะที่มันกำลังจะแยกจากกัน นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคบพบเห็นมาก่อน
เขาควรจะหาเหตุผลเรื่องนี้กับใครได้?
ขณะที่เฉินหรู่หยวนไม่รู้จะทำอะไรต่อ จู่ ๆ หลินจินก็พูดขึ้นว่า
"ขอคารวะ ท่านผู้ทรงเกียรติ ก่อนอื่นข้าต้องขออภัยที่จู่ ๆ กระโดดลงมาในหลุมโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ข้าจำเป็นต้องเช่นนั้นเนื่องจากสถานการณ์เร่งด่วน
ส่วนเรื่องที่ท่านถามว่าข้าเป็นใครนั้น ข้าจะถือโอกาสนี้แนะนำตัวให้ท่านทราบ ข้ามีชื่อว่า หลินจิน หัวหน้าสมาคมประเมินสัตว์วิเศษแห่งเมืองเมเปิ้ล”
“หลินจิน?”
เฉินหรู่หยวนผงะทันทีเมื่อเอ่ยถึงชื่อนั้น
แม้ว่ากองกำลังขนนกเหล็กของเขาจะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง แต่เขารู้หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในนั้น
ในเทศกาลมังกรหยก ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาได้เดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมในการเฉลิมฉลอง เมื่อเขากลับมาตอนกลางคืน เขาบอกเฉินหรู่หยวนเกี่ยวกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เขาประสบพบเจอ
เขาเล่าว่าจักรพรรดิเหอเฉียนได้มอบตำแหน่งผู้ประเมินสูงสุดของมังกรหยกให้กับหลินจินเป็นการส่วนตัว นอกจากนั้น เขายังบรรยายถึงการได้เห็นหลินจินพัฒนาสัตว์วิเศษผู้โชคดีทั้งห้าตัวในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เขาประทับใจมิรู้ลืม
‘หรือว่าคน ๆ เป็นผู้ประเมินสูงสุดของมังกรหยก?’
‘ไม่สิ ต้องเป็นเขาแน่นอน!’
ทันใดนั้น เฉินหรู่หยวนก็พบคำตอบสำหรับคำถามของเขา ถ้าชายคนนี้ไม่ใช่ผู้ประเมินสูงสุดของมังกรหยก เขาจะจัดการปิดผนึกสัตว์เลี้ยงของเขากลับเข้าไปในร่างกายของเขาได้อย่างไร?
เมื่อทราบถึงตัวตนอีกฝ่าย นั่นจึงทำให้พฤติกรรมของเฉินหรู่หยวนจึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เขาก้าวไปข้างหน้าและทักทายหลินจินด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“อา... ท่านคือผู้ประเมินหลินนี่เอง ข้าต้องขอโทษสำหรับพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นของข้า จริงสิ ข้ามีชื่อว่า เฉินหรู่หยวน หัวหน้ากองกำลังขนนกเหล็ก ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบผู้ประเมินหลินในวันนี้”
เฉินหรู่หยวนอาจเป็นผู้ชายที่หยิ่งผยอง แต่เขาให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งของผู้อื่นมากที่สุด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่เขาแสดงท่าทีเช่นนี้ เพราะหลินจินเป็นคนที่มีความสามารถ
เขาไม่เพียงแต่เป็นบุคคลที่ทรงคุณค่าของจักรพรรดิเท่านั้น แต่หลินจินยังเป็นผู้พิทักษ์อาณาจักรของพวกเขาอีกด้วย แทนที่จะทำให้บุคคลนี้ขุ่นเคือง เฉินหรู่หยวนเลือกผูกมิตรกับเขาอย่างชาญฉลาดจะดีกว่า
หลินจินพยักหน้าไปที่เฉินหรู่หยวน
“ท่านเฉิน ข้าต้องการความช่วยเหลือบางอย่างจากท่าน”
เฉินหรู่หยวนตอบกลับทันที
“ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ ผู้ประเมินหลิน แค่บอกข้าว่ามันคืออะไร ข้าพร้อมที่จะช่วยท่านทุกเรื่อง”
จากนั้น หลินจินเหลือบมองสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาก่อนจะพูดว่า
“ข้าอยากจะรบกวนท่านเฉินปกป้องที่แห่งนี้อีกสักวัน อย่าให้ใครเข้ามาข้างล่างเป็นอันขาด”
ตอนนี้เฉินหรู่หยวนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลินจินกำลังอุ้มจิ้งจอกตัวน้อยอยู่ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจิ้งจอกตัวนี้กำลังนอนหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของเขา เขาไม่รู้ว่ามันตายหรือมีชีวิตอยู่ สิ่งหนึ่งที่สะดุดตาเขาก็คือหางของมันฟูและดูเหมือนมีมากกว่าหนึ่งหาง
เฉินหรู่หยวนเกิดข้อสงสัย แต่เนื่องจาก หลินจินอยู่ที่นี่ เขาไม่ต้องการปัญหาให้กับตัวเองอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงตอบว่า
"นั่นไม่เรื่องใหญ่เลย ขอให้ผู้ประเมินหลินวางใจได้ ข้าจะทำตามที่ท่านร้องขอทันที อันที่จริง ต่อให้ต้องยืนเฝ้าอีกสามหรือห้าวัน ข้ายินดีทำให้ท่าน”
หลินจินพยักหน้าและขอบคุณเขาก่อนที่เฉินหรู่หยวนจะจากไป
เมื่อขึ้นไปข้างนอกรอยแตก เฉินหรู่หยวนก็ฟื้นทัศนคติเย่อหยิ่งของเขาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นไปที่ขอบหลุม
“ท่านเจ้าเมืองหวัง ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว ปรากฏว่าบุคคลนั้นเป็นเพื่อนที่ดีของข้า” เฉินหรู่หยวนกล่าว
หวังหยวนเฉียวไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่ออย่างแน่นอน ถึงกระนั้น เขาไม่สามารถทำอะไรกับคำโกหกของชายคนนั้นได้ เนื่องจากตำแหน่งของเขาทำให้เขาต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเพื่อประโยชน์ของการเจรจาต่อรอง
"โอ้จริงเหรอ? เขาเป็นเพื่อนที่ดีของท่านเฉินงั้นเหรอ? หากเป็นกรณีนี้ ข้าเดาว่าตอนนี้ทุกอย่างต้องเรียบร้อยดี”
หวังหยวนเฉียวรู้สึกโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด และไม่ได้พูดถึงจุดที่มีคนนอกบุกรุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามด้วยซ้ำ
“ท่านเจ้าเมืองหวัง ท่านสามารถมุ่งหน้ากลับไปก่อนได้เลย ข้าจะอยู่เพื่ออยู่เฝ้าเพื่อนของข้า ดังนั้นข้าจะไม่รบกวนเวลาของท่านอีกต่อไป”
เฉินหรู่หยวนพยายามไล่พวกเขาออกไป
เมื่อโอกาสทองในการผูกมิตรกับผู้ประเมินหลินมาถึง เขาไม่คิดจะแบ่งปันมันให้กับผู้อื่น
เจ้าเมืองหวังและคนของเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอยและเดินทางกลับไป อันที่จริง เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน เนื่องจากพวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่อีกด้วย
ในเวลาเดียวกัน หลินจินอยู่ในถ้ำใต้ดินและลูบหัวจิ้งจอกน้อย
“ชางเอ๋อร์ ฉันขอสัญญา ฉันจะล้างแค้นให้กับเธอเอง” เขากระซิบ