1366 - ซาตานจากขุมนรก
1366 - ซาตานจากขุมนรก
หุบเขาเงียบสงบ สัตว์ป่าในบริเวณต่างพากันวิ่งหนี ทิ้งให้พื้นที่บริเวณภูเขาขาดชีวิตชีวา และเงียบสงัด เหลือเพียงกลิ่นหอมของเถาวัลย์
หลังจากชายที่แข็งแกร่งกล่าวจบ นักรบหญิงก็โบกมือของนาง และพวกเขาก็ตั้งขบวนรบ หมายจะปิดชีพเย่ฟ่านให้ได้
หลายคนสวมสร้อยไม้กางเขนบนหน้าอก และสวมชุดเกราะสีทอง พวกเขาถือดาบที่มีความยาวกว่าหนึ่งวา ดาบแต่ละเล่มมีแสงแววาวราวกับเกล็ดน้ำแข้ง
ปรมาจารย์นักดาบมากกว่าสิบคนยืนเคียงข้างกันเป็นฉากที่น่าเกรงขามอย่างยิ่ง อาวุธดาบที่ยาวมากกว่าหนึ่งวาทำลายความสงบภายในใจของศัตรูที่อยู่เบื้องหน้า และพวกเขาก็แสดงเจตนาอันโหดร้ายออกมาอย่างชัดเจน
“อาจารย์ออกคำสั่งมา ข้าจะปิดชีพพวกมันเอง”
จ้านปี้ฟ่านก้าวไปข้างหน้าและแสดงความต้องการสู้รบในครั้งนี้ เขาต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่ากระบี่ตะวันออกของเขาสามารถปราบปรามดาบตะวันตกของศัตรูได้
เย่ฟ่านส่ายหน้าพร้อมกับจ้องมองไปยังผู้คนจากแดนตะวันตกโดยไม่ได้กล่าวอะไร
เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย บางทีพวกเขาอาจจะมีอาวุธปราณหรือทักษะลับบางอย่าง เย่ฟ่านรับรู้ได้ถึงความั่นใจของชนเผ่าตะวันตก เขาไม่ต้องการให้ศิษย์ของเขาได้รับอันตราย
ทันใดนั้น ดาบสิบสี่เล่มถูกฟาดฟันออกมาอย่างรวดเร็ว แสงสว่างก็พุ่งลงมาราวกับสายฟ้าหลายสิบเส้น
ทักษะเหล่านี้ถูกฝึกฝนมานับพันครั้งพวกมันถูกถ่ายทอดจากบรรพชนของพวกเขา บรรพชนของคนเหล่านี้ล้วนเป็นอัศวินผู้โด่งดังในอดีต
ในขณะนี้ เหล่าทายาทของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสี่คนมีเจตนาตรงกัน
พวกเขารู้ดีว่าศัตรูคนนี้มีความแข็งแกร่งมากกว่าอาณาจักรแปลงมังกรหลายเท่า ดังนั้นพวกเขาจึงแสดงทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาทันที
ท้องฟ้ากำลังจะแตก!
ท่ามกลางเสียงคำราม เกราะสีทองของพวกเขาก็ส่องแสงสว่างราวกับดวงอาทิตย์ ในขณะที่แสงสว่างแบ่งครึ่งระหว่างท้องฟ้า แม้แต่บนพื้นดินก็เกิดรอยแยก คมดาบถูกฟาดฟันลงมาอย่างรวดเร็วและไร้ความปราณี
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่มีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ และมีฐานการบ่มเพาะที่น่าเกรงขามเช่นนี้ เย่ฟ่านเพียงดีดนิ้วออกไปอย่างแผ่วเบาจากนั้นปราณกระบี่ที่ทรงพลังก็พุ่งเข้าหาดาบทั้งสิบสี่เล่มอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
ปัง!
ทันทีที่ปราณพลังของทั้งสองฝ่ายกระทบกันบนท้องฟ้า ภาพธรรมของดาบสิบสี่เล่มถูกลบเลือนไปอย่างรวดเร็ว และเกิดเสียงดังก้องกวาดออกไปรอบทิศทาง
อัศวินศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสี่คนล้มลงกับพื้น ชุดเกราะสีทองของบรรพชนที่พวกเขาสวมใส่รวมทั้งดาบที่อยู่ในมือกลายเป็นฝุ่นผง ร่างกายของพวกเขาแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
นี่เป็นฉากที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง เย่ฟ่านเพียงสะบัดฝ่ามือเพียงเล็กน้อยก็ปล่อยคลื่นกระบี่ออกมาราวกับทะเลขนาดใหญ่ พลังการโจมตีของเย่ฟ่านสามารถทำลายทุกสิ่งที่ขว้างหน้าให้ย่อยยับในเวลาไม่กี่ลมหายใจ
นี่มันน่าตกใจจริงๆ!
ในระยะไกลยอดฝีมือจากตะวันตกและตะวันออก ต่างมีสีหน้าซีดเผือด ผลลัพธ์นี้เกินความคาดหมายของพวกเขามาก
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเขาได้ศึกษาเกี่ยวกับเย่ฟ่าน จึงรู้ว่าเย่ฟ่านมีพลังมากกว่าอาณาจักรแปลงมังกรหลายเท่า
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่รู้ว่าขอบเขตที่แท้จริงของเย่ฟ่านทรงพลังมากแค่ไหน สาเหตุก็เพราะยังไม่มีใครเคยบังคับให้เย่ฟ่านแสดงทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาอย่างจริงจัง
“ถอยออกไป!”
ทันใดนั้น ชายชราสวมเสื้อคลุมสีทองก็ก้าวมาข้างหน้า โดยมีไม้กางเขนสีทองในมือและที่ปลายยอดของไม้กางเขนนั้นได้มีผลึกสีเขียวขนาดใหญ่ฝังไว้
เขาโบกไม้กางเขนสีทองเบาๆ เขากำลังร่ายมนตร์ และกล่าวว่า
“ร่ายรำสวรรค์พิภพ”
ทันใดนั้นสายฟ้าเส้นหนึ่งก็ฟาดลงมา สายฟ้าสีทองเส้นหนึ่งจมลงไปในทะเลสาบ และกลายเป็นสายฟ้าแห่งกฎสีแดงเข้ม
เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจที่ยุคของการสิ้นสุดธรรมเช่นนี้จะยังมีผู้ที่สามารถใช้ทักษะเต๋าโบราณได้
เขาฝังผลึกต้นกำเนิดสวรรค์สีเขียวไว้บนไม้กางเขน และสลักด้วยลวดลายเต๋าไว้ภายใน สิ่งนี้เป็นความลับอันยิ่งใหญ่ และทำให้อาวุธชิ้นนี้แสดงพลังได้ไม่เป็นรองราชาผู้ยิ่งใหญ่
แต่มันใช้ไม่ได้ผลเลยกับเย่ฟ่าน ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของทุกคน เขาเพียงอ้าปากและดูดซับสายฟ้าสีทองทั้งหมดเข้าไปในปากของตัวเอง
ทันใดนั้นร่างกายของเย่ฟ่านก็มีกระแสไฟฟ้าสีทองไหลพล่านไปทั่วร่างกาย และพ่นทะเลสายฟ้าสีทองพุ่งเข้าใส่ชายชราคนดังกล่าว
ปัง!
ชายชราสวมเสื้อคลุมสีทองซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งกลายเป็นเถ้าถ่านทันที และอัศวินหลายสิบคนที่คอยปกป้องเขาก็กลายเป็นฝุ่นผงไปพร้อมกัน
“นี่คือใคร? ซาตานจากขุมนรกหรือ!” เสียงอุทานของผู้ที่ยืนอยู่ในระยะไกลเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว มีน้อยคนนักที่จะทำสิ่งนี้ได้ ชาวตะวันตกแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
เย่ฟ่านมองอย่างเฉยเมยและยืนอยู่ข้างทะเลสาบหมิงจิง จากนั้นจ้องมองไปยังชายหนุ่มผมทองที่อยู่ตรงกลางซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้นำขบวนในครั้งนี้
“ทรงพลังเหนือจินตนาการ…”
ในหมู่พวกเขาชายหนุ่มที่เคยประณามเย่ฟ่านว่าเป็นคนนอกรีตมีสีหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย เขาถือไม้กางเขนในมือซ้ายและดาบศักดิ์สิทธิ์สีทองในมือขวา
ดาบเล่มนี้เปล่งแสงราวกับไฟที่กำลังลุกโชน เขาก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับพึมพำภาษาโบราณทำให้ความว่างเปล่ากลางสนามรบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ทันใดนั้น คลื่นพลังสีทองอันกว้างใหญ่ก็ระเบิดออกมา ร่างกายของเขาก็ระเบิดออกเป็นแสงอันไร้ขอบเขต และเขาตะโกนว่า
“พระเจ้าสถิตอยู่กับข้า”
หลายคนอุทานว่านี่คือทักษะลับ “อัญเชิญพระเจ้ามาสู่โลก”
คนส่วนใหญ่ไม่กล้าใช้ทะกษะลับนี้ เพราะมันเป็นอันตรายต่อร่างกายมาก วิธีการของมันคืออัญเชิญวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของผู้ยิ่งใหญ่จากโลกอื่นเข้ามาสิงสถิตในร่างของตัวเอง
ทันทีที่เขาเงยหน้า พลังศักดิ์สิทธิ์ทั่วร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นหลายร้อยเท่า และร่างกายของเขาก็เปล่งประกายสดใสราวกับหยกสีขาว!
กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา พลังปราณของเขาแผ่ซ่านออกมาราวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
“น่าสนใจ ดูเหมือนว่าข้าจะเจอกับผู้ที่มีพลังอันยิ่งใหญ่แล้ว” เย่ฟ่านพึมพำกับตัวเอง
ในขณะนี้ ไม้กางเขนในมือของชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็เปล่งแสงวาววับ ราวกับทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ลุกโชน อักขระเต๋าโบราณพันกันกลายเป็นโซ่สีทองขนาดใหญ่และพุ่งลงมาด้านล่างอย่างรวดเร็ว
กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งลงมาจากท้องฟ้าและปกคลุมไปทั่วบริเวณ และหลายคนก็อดกลั้นความหวาดกลัวไว้ไม่ได้ นี่เป็นแรงกดดันจากสวรรค์โดยแท้
ทันใดนั้น เย่ฟ่านตบฝ่ามือขวาของเขาไปในความว่างเปล่า รอยแยกบนพื้นดินยาวกว่าร้อยวาลุกลามไปทุกทิศทาง พลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดสลายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
ชายหนุ่มผมทองกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ครึ่งหนึ่งของไม้กางเขนที่เขาใช้ถูกทำลายลง และพลังศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ของเขาก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองจากภายในทำให้ร่างของเขามีรอยแตกรุกรานไปทั่ว
“พระเจ้าสถิตอยู่กับข้า” เขาตะโกนอีกครั้ง
บาดแผลบนร่างกายที่ปะปนไปด้วยเลือดของเขาก็กลายเป็นสีทอง บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของเขา เขาชักดาบออกมาพร้อมกับฟาดฟันเข้าหาเย่ฟ่านอีกครั้ง
ในตอนนี้เขาเลือกที่จะต่อสู้กับเย่ฟ่านในระยะประชิด เขาไม่เชื่อว่าในจักรวาลนี้จะมีใครที่มีร่างกายแข็งแกร่งไปกว่าเขาได้
เย่ฟ่านยังคงสงบนิ่งโดยไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย และเขายังปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากอีกด้วย
ทันใดนั้น ฉากสุดท้ายที่ทำให้ทุกต่างตกใจและหวาดกลัวนั้นคือ เย่ฟ่านยังคงยืนอยู่ริมทะเลสาบ เขาเพียงเหวี่ยงหมัดขวาสีทองออกไปปะทะกับดาบศักดิ์สิทธิ์
ปัง!
พลังการโจมตีอันแข็งแกร่แข็งของเย่ฟ่านไม่เพียงแค่สามารถทำลายดาบศักดิ์สิทธิ์ได้เท่านั้น หมัดสีทองของเขายังทุบศีรษะของชายหนุ่มที่ครอบครองวิญญาณเทพจนทำให้สมองของเขากระจายไปทุกทิศทางอย่างง่ายดาย
เรียบง่าย ตรงไปตรงมา และทรงพลัง!
ร่างไร้ศีรษะของชายหนุ่มล้มลงโดยไม่มีร่องรอยของพลังศักดิ์สิทธิ์ใดหลงเหลืออยู่
…….