บทที่ 33: บดขยี้อย่างง่ายดาย
บทที่ 33: บดขยี้อย่างง่ายดาย
ออร่าอันดุดันพุ่งออกมาดุจลูกธนู แสงกระบี่ส่องประกายเจิดจ้าดุจพระจันทร์สีเงิน
บู้มมมม!!
ออร่าหยางพิสุทธิ์อันทรงพลังของลู่หยุนระงับพลังอสูรของหมาป่าจันทราเงิน กระบี่ของเขาพุ่งออกไปราวกับออร่าอันเยือกเย็น มันผลักสัตว์อสูรกลับไปหลายสิบหลา
ร่างกายของเขาระเบิดพลังความเร็วและความแข็งแกร่งออกมา เขาดูเหมือนแทบจะไม่ขยับ แต่เท้าของเขาก็สั่นไหวราวกับสายฟ้า เขาพุ่งไปตามทันหมาป่าโดยทันที และออร่าที่ดุดันก็พุ่งเข้าปกคลุมกระบี่ของเขาและเจาะทะลุหมาป่าได้อย่างง่ายดาย
หมาป่าส่งเสียงหอนออกมาอย่างน่าสลดใจ ก่อนที่มันจะสลายไปเป็นละอองดาวสีเงินแวววาวและหายตัวไปต่อหน้าลู่หยุน
“ฉันเข้าใจแล้ว!”
เมื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขา สีหน้าของลู่หยุนก็เปลี่ยนเป็นความเข้าใจ
สัตว์อสูรที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยหอคอยหมื่นปรากฏการณ์นั้นเกิดมาจากการรวมตัวกันของพลังปราณ พวกมันควบรวมกันอยู่ในร่างของสัตว์อสูรเท่านั้นโดยไม่มีความแข็งแกร่งที่สอดคล้องกันกับปริมาณพลังปราณออกมา
ตัวอย่างเช่น พลังของหมาป่าตัวก่อนหน้านี้อ่อนแอมาก มันตายง่ายมากและอ่อนแอกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้
ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงสามารถกล่าวได้ว่าระดับพลังของสัตว์อสูรภายในหอคอยหมื่นปรากฏการณ์นั้นอ่อนแอกว่าสัตว์อสูรของจริงมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนอย่างลู่หยุนที่ได้พัฒนารากฐานของเขาไปไกลอย่างมากแล้ว การจัดการกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้นั้นง่ายเหมือนกับการสับผัก เขาสามารถเอาชนะศัตรูได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับพวกมันอย่างจริงจัง
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องง่ายสำหรับลู่หยุนเท่านั้น สำหรับศิษย์ใหม่คนอื่นๆ ชั้นหนึ่งของหอคอยหมื่นปรากฎการณ์ก็ถือเป็นอุปสรรคที่สำคัญมาก!
สัตว์อสูรมักจะแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ด้วยเหตุนี้เอง แม้แต่สัตว์อสูรของหอคอยหมื่นปรากฏการณ์ก็ยังไม่ควรจะล้อเล่นด้วย
ถ้าใครไม่มีพรสวรรค์พิเศษหรือวิธีการอื่นในการเอาชนะสัตว์อสูรเหล่านี้ มันก็มีเพียงผลลัพธ์เดียวเท่านั้นนั่นคือการถูกสัตว์อสูรบดขยี้
สิ่งเดียวที่ดีก็คือไม่มีใครตายภายในหอคอยหมื่นปรากฏการณ์ได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้ลูกศิษย์หลายคนพยายามจะปีนขึ้นไปบนหอคอยหมื่นปรากฏการณ์อย่างจริงจังเพื่อต่อสู้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเสียชีวิตของพวกเขา สิ่งนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จขึ้นอย่างมาก
หลังจากที่หมาป่าจันทราเงินกระจายตัวออกไปเป็นละอองแล้ว จู่ๆ กำแพงโปร่งใสก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาแทบจะในทันที
ลู่หยุนพบว่ากำแพงนี้ดูคุ้นเคย รูปร่างของมันคล้ายกับกำแพงหยกหมื่นปรากฏการณ์ด้านนอก
ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือแทนที่มันจะเต็มไปด้วยชื่อมากมาย มันกลับมีข้อความเดียวบนกำแพงโปร่งใสนี้
“เมื่อผ่านชั้นแรกของหอคอยหมื่นปรากฎการณ์ได้แล้ว ท่านมีสิทธิ์จะฝากชื่อของท่านไว้ที่นี่”
ลู่หยุนยังคงเงียบ เขาเหวี่ยงกระบี่ ออร่าหยางของเขาปะทุขึ้นและชนเข้ากับกำแพง เขาแกะสลักนาม “ลู่หยุน” ลงบนกำแพงภายในเสี้ยววินาที!
ตัวอักษรถูกเขียนอย่างวิจิตรบรรจง ลู่หยุนพบว่ามันดูน่าพึงพอใจมากและพยักหน้าให้กับตัวเองโดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้น ตัวอักษรบนผนังก็เปลี่ยนไป มันกลายเป็นตัวพิมพ์ที่เป็นระเบียบเรียบร้อย จากนั้น ภาพของลู่หยุนก็ปรากฏขึ้นบนผนังด้วย
มันกินเวลาประมาณหนึ่งลมหายใจก่อนที่กำแพงและทุกอย่างจะหายไป
ลู่หยุนตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่ามันจะสิ่งประดิษฐ์วิญญาณจะทำอะไรเช่นนี้ได้ด้วย
ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะบอกว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์วิญญาณในตำนาน!
ไม่นาน กระแสน้ำวนที่ดูเหมือนกับประตูมิติก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา
“นี่คือทางขึ้นชั้นถัดไปใช่ไหม?”
ลู่หยุนพึมพำกับตัวเองและพุ่งไปข้างหน้าก่อนจะเข้าสู่กระแสน้ำวน
ในโลกภายนอก
ผู้คนจำนวนมากกำลังยืนอยู่ในลานกว้าง
ต้วนชิงเองก็อยู่ที่นั่นด้วย สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ยอดกำแพงหยกหมื่นปรากฏการณ์
พื้นที่แห่งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงหยกหมื่นปรากฏการณ์ ซึ่งรับผิดชอบในการอัพเดตสถานะของผู้ที่อยู่ภายในหอคอยหมื่นปรากฏการณ์ตามเวลาจริง
เนื่องจากในขณะนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวที่สำคัญใดๆ ภายในหอคอยหมื่นปรากฎการณ์ ดังนั้นโปรไฟล์ทั้งหมดบนกำแพงจึงยังคงนิ่งอยู่
เหตุผลที่ต้วนชิงยังเฝ้าดูกำแพงหยกอยู่ก็เพราะเขารู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า
เมื่อใดก็ตามที่ผู้มาใหม่สามารถผ่านชั้นแรกและทิ้งชื่อและรูปภาพไว้ได้ การจัดอันดับสิบอันดับแรกในปัจจุบันก็จะถูกแทนที่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่แสดงจะคงอยู่เพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น ซึ่งนับเป็นเวลาเพียงหนึ่งลมหายใจ
หากใครต้องการจะบันทึกรายชื่อของพวกเขาให้อยู่บนนี้นานๆ พวกเขาก็จะต้องเคลียร์ชั้นถัดไปอย่างรวดเร็ว
“มันเคลื่อนไหวแล้ว!” ศิษย์ที่กำลังดูอยู่อุทานออกมาในขณะที่เขาจ้องมองไปทางด้านบนโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกสับสนอย่างยิ่ง “มีอะไรเคลื่อนไหว? มีอะไรเกิดขึ้น?”
ผู้คนรอบตัวเขามองเขาอย่างสงสัย จากนั้นจึงใช้นิ้วชี้ของเขาเพื่อมองไปในทิศทางนั้น สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปโดยทันที
เพราะพื้นที่ที่ไม่โดดเด่นที่ด้านบนของกำแพงหยกหมื่นปรากฏการณ์ แถบรายชื่อใหม่ได้ปรากฎขึ้น
“ขอแสดงความยินดีกับลู่หยุนที่ผ่านชั้นหนึ่งของหอคอยหมื่นปรากฎการณ์ได้”
เกือบจะพร้อมเพรียงกัน ข้อความที่สองก็ปรากฏขึ้น
“ขอแสดงความยินดีกับลู่หยุนที่ผ่านชั้นสองของหอคอยหมื่นปรากฎการณ์ได้”
พวกเขาทั้งหมดเคยเข้าไปในหอคอยหมื่นปรากฏการณ์มาก่อนและรู้ความยากของชั้นหนึ่งดี กว่าที่พวกเขาจะทิ้งชื่อและรูปของพวกเขาเอาไว้ได้ มันก็ต้องใช้เวลาอยู่มากพอสมควร
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของลู่หยุนก็เพิ่งจะถูกบันทึกโดยหอคอยหมื่นปรากฎการณ์เท่านั้น แต่แล้วมันก็มีข้อความขึ้นแสดงต่อว่าเขาได้ผ่านชั้นสองไปแล้ว?
นี่หมายความว่าลู่หยุนแทบจะผ่านชั้นสองได้ในทันที!
“ถ้าฉันจำไม่ผิด ชั้นสองของหอคอยหมื่นปรากฏการณ์นั้นก็มีสัตว์อสูรขั้นหนึ่งจำนวน 10 ตัวใช่ไหม?”
“ถูกต้องแล้ว สัตว์อสูรขั้นหนึ่งจำนวน 10 ตัว พวกเขาน่ากลัวกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตยุทธ์ขั้นสูงสุดสี่คนซะอีก และแม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเส้นลมปราณขั้นต้นก็ยังต้องจัดการกับพวกมันอย่างระมัดระวัง”
“ในตอนที่ข้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตเส้นลมปราณเป็นครั้งแรก ข้าก็ยังติดอยู่ในชั้นสองตั้งเกือบเดือน”
“เฮ้! ดูนั่นก่อน!” จู่ๆ เสียงอุทานก็ดังขึ้นอีกหลายเสียง
เสียงอุทานเหล่านี้ทำให้พวกเขาแทบจะหยุดหายใจในขณะที่สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ
“ดูสิ ลู่หยุนได้ผ่านชั้นสามของหอคอยหมื่นปรากฎการณ์แล้ว!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งชี้ไปที่กำแพงหยกหมื่นปรากฏการณ์ด้วยความตกใจ
ผู้คนต่างเงยหน้าขึ้นมอง และแน่นอนว่าสิ่งที่รอพวกเขาอยู่นั้นช่างน่าตกใจเหลือเกิน
“ขอแสดงความยินดีกับลู่หยุนที่ผ่านชั้นสามของหอคอยหมื่นปรากฎการณ์ได้”
ข้อความเหล่านั้นสว่างสดใสและดูสะดุดตามาก มันฉายนิ่งอยู่บนกำแพงหยก
ฝูงชนถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน ศิษย์ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ทุกคนกลั้นหายใจในขณะที่อากาศโดยรอบดูเหมือนจะแข็งค้าง
“นี่ศิษย์น้องลู่หยุนแข็งแกร่งขนาดนี้เลยหรอ!” ดวงตาของต้วนชิงหรี่ลง แววตาของเขาเริ่มจริงจังขึ้น
ไม่ต้องสงสัยเลย เมื่อพิจารณาจากพรสวรรค์ของลู่หยุนในการผ่านชั้นสามของหอคอยหมื่นปรากฎการณ์ในระยะเวลาเพียงชั่วครู่ได้แล้ว เขาก็สรุปได้ว่าลู่หยุนจะต้องบุกทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเส้นลมปราณแล้วอย่างแน่นอน
“คงจะน่าสนใจมากหากเขาสามารถชั้นที่ 6 และ 7 ได้ หากว่าเขาผ่านมันได้ มันก็คงจะสร้างความตกใจขึ้นมาไม่น้อย” ต้วนชิงตื่นเต้นและดูคาดหวังเป็นอย่างมาก
ภายในหอคอยหมื่นปรากฎการณ์
เมื่อเข้าไปในชั้นสองครั้งแรก เขาก็ต้องตกใจกับการปรากฏตัวของสัตว์อสูร 10 ตัวอย่างกะทันหัน อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิดแล้ว เขาก็พบว่าพวกมันเป็นเพียงสัตว์อสูรขั้นหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นพวกมันจึงถูกกำจัดออกไปได้อย่างง่ายดาย
สัตว์อสูรบนชั้นสามนั้นแข็งแกร่งกว่า พวกมันเป็นสัตว์อสูรขั้นสองขั้นต้นจำนวน 2 ตัว อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ยังคงไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับลู่หยุนได้มากนัก คราวนี้ลู่หยุนไม่ได้ใช้ออร่าหยางพิสุทธิ์อีกต่อไป เขาสามารถเอาชนะสัตว์อสูรขั้นสองขั้นต้น 2 ตัวได้ด้วยวิชากระบี่ทลายวายุ
“ชั้นแรกมีสัตว์อสูรขั้นหนึ่งขั้นสูงสุด 1 ตัว ชั้นสองมีสัตว์อสูรขั้นหนึ่งขั้นสูงสุด 10 ตัว และชั้นสามมีสัตว์อสูรขั้นสองขั้นต้น 2 ตัว ระดับความยากกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
“ฉันชักจะอยากรู้ซะแล้วสิว่าสัตว์อสูรที่อยู่ชั้นถัดไปจะแข็งแกร่งขนาดไหน?”
ลู่หยุนส่ายหัวเล็กน้อยแล้วก้าวเข้าไปในกระแสน้ำวนที่นำไปสู่ชั้นถัดไป...