บทที่ 31 : หอคอยและกำแพงหยกหมื่นปรากฏการณ์
บทที่ 31 : หอคอยและกำแพงหยกหมื่นปรากฏการณ์
“เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงกัน!” มู่ชิงหยุนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ดวงตาของเขามืดมนไร้ประกายแสง เขาลุกขึ้นจากพื้นขณะตัวสั่น ใบหน้าของเขาซีดราวกับคนตาย
“เขาได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเส้นลมปราณแล้ว และมันก็ไม่ใช่แค่การทะลวงแบบธรรมดาๆ เท่านั้น!”
เฉินเทียนฉีพูดด้วยความกลัว เขานึกถึงพลังและความเร็วที่ลู่หยุนแสดงออกมาและสงสัยว่าเขาจะทนรับมันได้หรือไม่
เห็นได้ชัดว่าคำตอบคือไม่!
“เป็นไปไม่ได้! ใบหน้าของมู่ชิงหยุนซีดเป็นไก่ต้มในขณะที่เขาพึมพำด้วยความงุนงง” ก่อนหน้านี้เขายังอยู่แค่ขอบเขตยุทธ์ขั้นกลางเท่านั้น .. และตั้งแต่ตอนนั้น มันก็เพิ่งจะผ่านมาได้ยังไม่ถึงหนึ่งเดือนเลยด้วยซ้ำ แบบนี้แล้วเขาจะก้าวหน้าเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?!”
“เจ้าสงสัยการประเมินของข้าหรอ?” เฉินเทียนฉีเหลือบมองเขาอย่างเย็นชาแล้วพูด
“ปะ.. เปล่าเลย!” มู่ชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเมื่อเผชิญหน้ากับการจ้องมองของเฉินเทียนฉี
“ฮึ่ม ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่เจ้าหรือข้าจะสามารถไปยั่วยุให้ขุ่นเคืองได้ ดังนั้นข้าขอแนะนำให้เจ้าละทิ้งแผนการเล็กๆ น้อยๆ ของเจ้าไปซะ”
“นอกจากนี้ จากนี้ไป เราก็ไม่ควรร่วมทางด้วยกันอีก!”
เมื่อพูดเช่นนั้นจบ เฉินเทียนฉีก็หันหลังกลับและเดินจากไป
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ลู่หยุนได้บุกทะลวงผ่านหลายขอบเขต เขาไม่ได้มีความสามารถมากกว่าเฉินเทียนฉีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะหยิ่งผยอง แต่เขาก็ไม่ได้โง่ ดังนั้นหลังจากตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของลู่หยุนแล้ว เขาจึงตัดสินใจแยกตัวออกมาจากมู่ชิงหยุนโดยทันที
“ข้าคิดว่ามันจะเป็นการแสดงที่น่าสนใจ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่เห็นมีอะไรเลยนอกจากเรื่องตลก” เสียงพูดคุยที่ดูผิดหวังของผู้ชมดังขึ้นและเยาะเย้ยมู่ชิงหยุนที่ยังคงสับสน
ในหมู่ฝูงชน เสี่ยวเฉินผู้หล่อเหลาค่อยๆ เดินออกไปอย่างช้าๆ โดยจ้องมองไปที่ร่างเล็กที่กำลังเดินหายไปของลู่หยุนอย่างครุ่นคิด
“เขาฝึกฝนออร่าหยางพิสุทธิ์ได้สำเร็จแล้วหรอ?”
“ฮ่าฮ่า น้องลู่ เราพบกันอีกแล้วนะ”
ลู่หยุนยังไม่ได้จากไปไหนไกล แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากสถานที่ใกล้เคียง เมื่อมองตามเสียงนั้น เขาก็เห็นชายหนุ่มหน้ากลมกำลังเดินเข้ามาใกล้
เมื่อมองแวบเดียว เขาก็จำอีกฝ่ายได้โดยทันที เขาคือต้วนชิง คนที่มอบรางวัลการสอบให้กับเขาเมื่อครั้งที่แล้ว
ไม่ต้องพูดถึงความทรงจำของลู่หยุนเลย แค่รูปลักษณ์ที่โดดเด่นของต้วนชิงก็เพียงพอแล้วที่จะทิ้งภาพจำไว้ในใจของเขา
เมื่อมองดูทิศทางที่ต้วนชิงเดินจากมา ดูเหมือนว่าเขาจะเพิ่งออกมาจากหอคอยหมื่นปรากฎการณ์
“ศิษย์น้องลู่ วันนี้เจ้าดูต่างออกไปนะ เจ้ามีความคืบหน้าในการฝึกฝนอย่างงั้นหรอ?” ใบหน้าที่อ้วนท้วนของต้วนชิงหรี่ตาลง เขามองดูลู่หยุนตั้งแต่หัวจรดเท้า
ลู่หยุนยิ้มเล็กน้อย เมื่อเขาฝึกวิชาออร่าหยางพิสุทธิ์จนถึงขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อย ออร่าของเขาก็ได้รับการปรับปรุง มันทำให้เขาดูเด็ดเดี่ยวและองอาจมากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้เอง ต้วนชิงจึงตระหนักได้ว่าลู่หยุนมีบางอย่างที่แตกต่างไปจากเดิม
ลู่หยุนไม่ใช่คนที่ชอบอวดตัว เขาตอบกลับด้วยคำตอบที่คลุมเครือสองสามประโยคก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่อง
“นี่เป็นครั้งแรกของข้าที่มายังหอคอยหมื่นปรากฎการณ์ และความรู้ของข้าเกี่ยวกับที่นี่ก็ยังมาจากคู่มือลูกศิษย์เท่านั้น ข้าสงสัยว่าพี่ต้วนจะพอให้คำแนะนำแก่ข้าได้บ้างไหม?” ในขณะที่เขาพูด ลู่หยุนก็มองไปข้างหน้า
หอคอยหมื่นปรากฎการณ์สามสิบชั้นสูงประมาณสามสิบเมตร มันดูยิ่งใหญ่ สูงส่งและสง่างาม
ถัดจากหอคอยหมื่นปรากฎการณ์ไป มีกำแพงหยกขนาดใหญ่ตั้งอยู่ พื้นผิวของมันเรียบเนียนราวกับกระจก และมีชื่อมากมายส่องประกายอยู่บนนั้น
แต่ละชื่อมีตัวเลขอยู่ข้างหน้าตั้งแต่หนึ่งถึงหนึ่งร้อยแปด
ต้วนชิงหลับตาลงและพยักหน้า เขามองไปที่หอคอยหมื่นปรากฎการณ์ขณะที่เขาหัวเราะออกมาเบาๆ
“หึหึ หอคอยหมื่นปรากฏการณ์นี้เป็นสิ่งประดิษฐ์วิญญาณ ซึ่งเป็นหนึ่งในรากฐานของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ มันอยู่เหนือกว่าสิ่งประดิษฐ์สมบัติ และมีความสามารถลึกลับและไม่อาจคาดเดาได้ เช่น ความสามารถในการสร้างสัตว์อสูรขั้นหกหรือต่ำกว่าเพื่อให้เหล่าศิษย์ได้ต่อสู้กับพวกมันภายในนั้น!”
“ สิ่งประดิษฐ์สมบัติ? สิ่งประดิษฐ์วิญญาณ? สัตว์อสูร?”
ลู่หยุนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขารู้จักเพียงสิ่งประดิษฐ์ที่แท้จริงและสิ่งประดิษฐ์ลึกลับ เขาไม่มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่เหนือสิ่งประดิษฐ์ลึกลับเลย
จากสิ่งที่ต้วนชิงพูดมา มันก็ดูเหมือนว่าสิ่งประดิษฐ์สมบัตินี้จะอยู่เหนือสิ่งประดิษฐ์ลึกลับ และสิ่งประดิษฐ์วิญญาณก็อยู่เหนือสิ่งประดิษฐ์สมบัติอีกที
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หอคอยหมื่นปรากฏการณ์นั้นก็อยู่สูงกว่าเรือเหาะหลายระดับ
เมื่อเปรียบเทียบสิ่งประดิษฐ์วิญญาณแล้ว ลู่หยุนก็รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับสัตว์อสูรมากกว่า
พ่อแม่ของร่างปัจจุบันของเขาเสียชีวิตลงเนื่องจากฝูงสัตว์อสูร ดังนั้นเขาจึงไม่เคยคิดจะแสดงไมตรีจิตต่อพวกสัตว์อสูร และหากเขาพบพวกมันเมื่อไหร่ เขาก็จะไม่แสดงความเมตตาใดๆ ต่อพวกมันอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่เคยเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรตัวเป็นๆ มาก่อน สำหรับหมาป่าทมิฬ มันก็อ่อนแอจนแทบจะไม่สามารถนับเป็นสัตว์อสูรขั้นหนึ่งได้ด้วยซ้ำ
ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในสถาบันศึกษาวรยุทธ์ เขาก็ได้เรียนรู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสัตว์อสูร
ขอบเขตวรยุทธ์มีทั้งเก้าขอบเขต ได้แก่ ขอบเขตยุทธ์, ขอบเขตเส้นลมปราณ, ขอบเขตปราณแท้, ขอบเขตเปลี่ยนรากฐาน, ขอบเขตมลายรากฐาน, ขอบเขตกายาทองคำ, ขอบเขตเมล็ดพันธุ์รูน, ขอบเขตแก่นแท้ทองคำและขอบเขตมนุษย์สวรรค์
ขอบเขตทั้งเก้านี้สอดคล้องกันกับสัตว์อสูรขั้นหนึ่งถึงเก้า
กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้แต่สัตว์อสูรขั้นหนึ่งที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตยุทธ์
หอคอยหมื่นปรากฎการณ์สามารถให้กำเนิดสัตว์อสูรที่มีระดับเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตกายาทองคำได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้มันทรงพลังมากเป็นพิเศษ
“เจ้าเห็นกำแพงหยกนั่นไหม? นั่นคือกำแพงหยกหมื่นปรากฏการณ์ คนที่อยู่บนรายชื่อเหล่านั้นคือความภาคภูมิใจของสวรรค์แห่งสถาบันศึกษาวรยุทธ์ ขอบเขตของพวกเขาส่วนใหญ่อย่างน้อยๆ ก็อยู่ในขอบเขตเปลี่ยนรากฐานขั้นปลาย”
“กำแพงหยกหมื่นปรากฏการณ์จะบันทึกข้อมูลเฉพาะของศิษย์ชั้นนำ 108 คนในหอคอยหมื่นปรากฏการณ์เท่านั้น และเมื่อเจ้าอยู่บนกำแพงนั้น เจ้าก็จะกลายเป็นบุคคลสำคัญในสถาบันศึกษาวรยุทธ์ และแม้แต่ในเขตวิญญาณยุทธ์ทั้งหมด!”
“หึหึ ซึ่งเป้าหมายหลักในปัจจุบันของข้าเองก็คือการสร้างชื่อให้กับตัวเองและได้จารึกชื่ออยู่บนกำแพงนั่น และข้าก็กำลังเข้าใกล้มันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”
ลู่หยุนมองไปที่ชายหนุ่มร่างอ้วนตรงหน้าเขา แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีรูปร่างหน้าตากลมโต แต่มันก็ดูเหมือนว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาและยังทำให้ลู่หยุนรู้สึกได้ถึงอันตรายเล็กน้อย
สำหรับคนที่ทำให้ลู่หยุนในปัจจุบันรู้สึกถึงอันตรายได้ นั่นก็อาจหมายความว่าการฝึกยุทธืของพวกเขานั้นอยู่เหนือขอบเขตเส้นลมปราณไปแล้ว
ต้วนชิงกล่าวต่อว่า “แม้ว่าหอคอยหมื่นปรากฏการณ์จะมีทั้งหมดสามสิบชั้น แต่จริงๆ แล้วพวกมันก็สามารถแบ่งได้ออกเป็นสี่ระดับเท่านั้น ชั้นที่ 1 ถึงชั้นที่ 10 นั้นเหมาะกับศิษย์ธรรมดาและศิษย์ชั้นยอด”
“ชั้นที่ 11 ถึงชั้นที่ 15 เหมาะกับศิษย์ตำหนักดารา”
“ชั้นที่ 16 ถึงชั้นที่ 20 เหมาะกับศิษย์โถงจันทร์สว่าง”
“และสำหรับชั้นที่ 21 ถึงชั้นที่ 30 ผู้ที่จะสามารถเข้าสู่ชั้นที่ 21 ได้นั้นจะมีโอกาสแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงอันดับบนกำแพงหยกหมื่นปรากฏการณ์!”
ลู่หยุนถามอย่างสงสัยว่า “ข้าได้ยินมาว่าตราบใดที่เราผ่านชั้นที่ 10 ของหอคอยหมื่นปรากฎการณ์ไปได้ ไม่เพียงแต่เราจะไม่ต้องเข้าร่วมการบรรยายของอาจารย์เท่านั้น แต่เรายังไม่ต้องกังวลกับการถูกไล่ออกอีกด้วย ไม่ทราบว่านั่นเป็นเรื่องจริงรึเปล่า?”
“ทำไมเราถึงจะต้องไปฟังบรรยายหลังจากผ่านชั้นที่ 10 ของหอคอยหมื่นปรากฏการณ์และกลายเป็นศิษย์ตำหนักดาราแล้วกันล่ะ? นั่นมันเสียเวลาชัดๆ!”
ต้วนชิงมองลู่หยุนด้วยสายตาว่างเปล่า ดูเหมือนเขาจะกำลังดูถูกลู่หยุนที่ถามคำถามงี่เง่าเช่นนี้ออกมา
ท้ายที่สุดแล้ว ความแข็งแกร่งของศิษย์ตำหนักดาราส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าอาจารย์ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ทั่วๆ ไปเลย
การแสดงออกของลู่หยุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ถ้าเช่นนั้น เราจะต้องอยู่ในขอบเขตใด เราถึงจะสามารถผ่านชั้นที่ 10 ของหอคอยได้กัน?”
“มันก็ยากที่จะพูดล่ะนะ บางคนสามารถผ่านชั้นที่ 10 ได้ในขณะที่อยู่แค่ขอบเขตปราณแท้ขั้นต้นเท่านั้น ในขณะที่บางคนจำเป็นจะต้องไปถึงขอบเขตปราณแท้ขั้นกลางถึงปลายซะก่อน”
“เช่นเดียวกับคนที่มีความสามารถมากที่สุดในกลุ่มของเรา เหมิงหงเฟย เขาผ่านชั้นที่ 11 ได้โดยทันทีหลังจากทะลวงเข้าสู่ขอบเขตปราณแท้และจึงได้กลายมาเป็นศิษย์ตำหนักดารา”
เมื่อต้วนชิงพูดถึงเหมิงหงเฟย การแสดงออกของเขาก็ค่อนข้างไม่เป็นธรรมชาติ ในความเห็นของลู่หยุน มันก็ดูมีทั้งความอิจฉาและความซับซ้อนผสมผสานกันไป...