บทที่ 14 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญ ต้องตายแน่นอน
บทที่ 14 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญ ต้องตายแน่นอน
หลังจากใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมง ลู่หยวนก็สามารถทิ้งแก๊งหมาป่าทมิฬเอาไว้เบื้องหลังได้ และสามารถกลับมายังบริเวณใกล้ๆ กับถ้ำของเขาได้
ที่ธารน้ำเย็น ลู่หยวนตักน้ำเย็นขึ้นมาหนึ่งกำมือมาใช้เช็ดหน้า จากนั้นเขาก็ใช้โอกาสนี้เพื่อล้างคราบเลือดบนร่างกายของเขา
ลำธารนี้มีส่วนผสมของหิมะและซากน้ำแข็ง ดังนั้นมันจึงทำให้เกิดความหนาวเย็นทะลุกระดูก ความเหนื่อยล้าจากการเดินป่าอันยาวนานของลู่หยวนถูกบรรเทาลงโดยความเย็นนี้และถูกเติมเต็มด้วยความสดชื่อ
หลังจากทำความสะอาดตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบข้าวของขึ้นมาแล้วเริ่มเดินกลับไปยังถ้ำของเขา
ระยะห่างระหว่างธารน้ำและถ้ำนั้นสั้นมาก มันห่างออกจากกันเพียงประมาณร้อยก้าวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาอยู่ห่างจากทางเข้าถ้ำไปได้สิบก้าว สายตาของเขาก็กวาดไปเห็นสิ่งผิดปกติตรงทางเข้าถ้ำของเขา
“มีคนมาที่นี่?”
เขาสังเกตเห็นว่าเถาวัลย์หนาซึ่งแต่เดิมถูกจัดอย่างพิถีพิถันนั้นได้เปลี่ยนตำแหน่งไป และแม้ว่าจะมีลมพัด แต่ตำแหน่งของมันก็ไม่ควรจะคลาดเคลื่อนได้มากถึงขนาดนี้
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ลู่หยวนก็ถอยหลังไปหลายก้าวโดยทันที
“ใครกันที่เข้ามาในถ้ำของข้า!”
เกือบจะโดยสัญชาตญาณ เขานึกถึงสมาชิกแก๊งหมาป่าทมิฬที่เขาเคยพบก่อนหน้านี้
แม้ว่าแก๊งหมาป่าทมิฬจะควบคุมการค้าในเทศมณฑลต้าหยูเอาไว้ แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่เคยให้ความสนใจกับเขตภูเขาต้าหยูมาก่อน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันก็ไม่เคยมีรายงานเกี่ยวกับสมาชิกแก๊งหมาป่าทมิฬที่ออกมาผจญภัยบนภูเขามาก่อน
แต่ตอนนี้ สมาชิกแก๊งหมาป่าทมิฬกลุ่มใหญ่ก็ได้เข้าไปในภูเขาต้าหยูแล้ว และดูเหมือนว่าพวกมันจะกำลังค้นหาใครบางคน
“บางทีสมาชิกแก๊งหมาป่าทมิฬพวกนั้นอาจจะกำลังไล่ล่าใครก็ตามที่อยู่ในถ้ำของฉันในตอนนี้ก็ได้”
ลู่หยวนไม่คิดว่ามันจะเป็นแก๊งหมาป่าทมิฬที่เข้าไปในถ้ำของเขา นี่เป็นเพราะด้วยจำนวนคนที่ล้นหลามและทัศนคติที่เลวทรามต่ำช้าป่าเถื่อน มันก็ไม่มีทางที่พวกมันจะยังเก็บเถาวัลย์ตรงหน้าถ้ำของเขาไว้
จังหวะเวลาที่มีคนเข้ามาในถ้ำของเขาและการมาถึงของแก๊งหมาป่าทมิฬบนภูเขานั้นดูจะเป็นเรื่องบังเอิญมากเกินไป
เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว ลู่หยวนก็มองไปที่ถ้ำของเขาซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้เถาวัลย์
เขาเกลียดปัญหาไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่
เขามีอายุขัยเป็นนิรันดร์ และแม้ว่าชีวิตของเขาจะยังยากลำบากในขณะนี้ แต่เขาก็เชื่อว่าในท้ายที่สุดแล้วสิ่งต่างๆ จะดีขึ้นเอง และมันก็จะมีอนาคตที่สดใสรอเขาอยู่
แต่กระนั้น แม้ว่าเขาจะยอมหนีมาซ่อนตัวอยู่บนภูเขาแล้ว แต่ปัญหาก็ยังดูเหมือนจะตามมาหาเขาอยู่
“ปัญหามักมาโดยไม่ได้รับเชิญ”
ลู่หยวนพึมพำด้วยเสียงจริงจัง ทันใดนั้น เขาก็ยกธนูขึ้นมาไว้ในมือ เขาบรรจุลูกธนูแล้วยิงออกไปใส่เถาวัลย์
ติ๊ง!
เสียงโลหะปะทะกันอันคมชัดดังก้อง และมีร่างหนึ่งพุ่งทะลุเถาวัลย์ออกมา เขาโผล่ออกมาจากด้านหลังเถาวัลย์อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อร่างนั้นลอยขึ้นไปบนอากาศ เลูกธนูอีกสามดอกก็ได้พุ่งออกมาแล้ว และพวกมันทั้งหมดก็เล็งไปที่เขาอย่างแม่นยำ
อย่างไรก็ตาม ร่างของอีกฝ่ายก็สามารถบิดตัวไปทางด้านข้างในขณะที่แกว่งดาบยาวในมือของพวกเขาไปพร้อมๆ กันได้ ด้วยวิธีนี้ ลูกธนูสองดอกจึงถูกทำลายลงโดยทันที
ถึงอย่างนั้น ลูกธนูอีกลูกก็ยังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรง และในขณะที่เขากำลังพยายามกำจัดลูกธนูทั้งสองลูกนั้น ลูกธนูลูกที่สามก็ได้โจมตีเข้าที่ไหล่ของเขาโดยตรง
แรงกระแทกอันมหาศาลทำให้เขากระเด็นไปข้างหลังก่อนจะล้มลงกับพื้น
ก่อนที่เขาจะลงจอด มันก็มีลูกธนูอีกหลายลูกพุ่งเข้ามาใส่เขาแล้ว มันตกลงที่หน้าอกและต้นขาของเขา และมีลูกหนึ่งแทงทะลุคอของเขาด้วยซ้ำ!
“เฮ่ เฮ่...”
ร่างนั้นล้มลงกับพื้น เลือดสดไหลนองออกมาจากลำคอของเขา และหลังจากดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เงียบลง
เมื่อเห็นสิ่งนี้จากระยะไกล ดวงตาของลู่หยวนก็หรี่ลงเล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะยิงชายคนนั้นตายแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้เข้าใกล้โดยทันที แต่เขากลับยกธนูขึ้นแล้วยังคงยิงธนูใส่ร่างที่ไร้วิญญาณนั้นต่อไป
หัวลูกธนูแทงทะลุขมับของชายคนนั้นและปักเข้าสู่กลางสมองของเขาโดยตรง
ด้วยวิธีนี้ ต่อให้เขาจะเป็นบิดาของราชาสวรรค์ แต่เขาก็คงจะยังต้องตายอย่างแน่นอน
“หึหึ เกือบไปแล้ว”
หลังจากยืนยันการเสียชีวิตของชายคนนั้นแล้ว ลู่หยวนก็วางธนูลง เขาปาดเหงื่อและดูหวาดกลัวเล็กน้อย
หากไม่ใช่เพราะการสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติก่อนหน้านี้และการรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากทางเข้าถ้ำ เขาก็อาจจะถูกชายผู้นี้ซุ่มโจมตีและสังหารลงในขณะที่เขาเข้าไปข้างในถ้ำได้
เมื่อคิดถึงความเร็วที่ชายคนนั้นพุ่งผ่านอากาศเข้ามาก่อนหน้านี้ ความคมของดาบที่หักลูกธนู และการเคลื่อนไหวกลางอากาศที่แปลกประหลาดของเขา ลู่หยวนก็ยังอดไม่ได้ที่จะใจสั่น
“นี่คือผู้ฝึกยุทธ์อย่างแน่นอน!”
เมื่อแน่ใจแล้ว เขาก็รีบเดินตรงเข้าไปหาศพ
เมื่อเขาเข้ามาใกล้และมองเห็นใบหน้าของชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน ลู่หยวนก็ต้องตกใจจนตัวแข็งในขณะที่เขาอุทานว่า “หม่าจื่อชิง!!!”
ชายคนนี้คือนักดาบที่สังหารจางเปียวและอีกสี่คนลงบนท้องถนนในวันนั้น!
“เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ลู่หยวนสงสัย แต่ในไม่ช้าเขาก็คิดได้ว่า “ใช่แล้ว เขาคงจะถูกสมาชิกแก๊งหมาป่าทมิฬไล่ตามมาและมาจบลงที่นี่อย่างแน่นอน”
หม่าจื่อชิงสังหารสมาชิกจากแก๊งหมาป่าทมิฬไป ดังนั้นแก๊งหมาป่าทมิฬจึงไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ
ในวันนั้น จางเปียวก็ได้กล่าวก่อนที่เขาจะเสียชีวิตว่าหัวหน้าแก๊งหมาป่าทมิฬเป็นศิษย์ของสำนักดาบเหล็กและน่าจะเป็นคนของโลกยุทธ์
“นี่แสดงว่าเขาถูกไล่ล่าเพื่อเป็นการล้างแค้นหรอ?”
ขณะที่ลู่หยวนพูด เขาก็ได้เอื้อมมือออกไปค้นร่างของหม่าจื่อชิง และในไม่ช้า เขาก็พบรอยแผลสดหลายจุดบนร่างของชายคนนี้
มันมีร่องรอยของมีคมบาดทะลุต้นขา หน้าอกและหลัง เสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเขาเปียกโชกไปด้วยเลือด เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าเขาเสียเลือดมากเกินไปก่อนหน้านี้
หากไม่เป็นเช่นนั้น ลู่หยวนก็คิดว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะฆ่าผู้ฝึกยุทธ์คนนี้ลงได้
“ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อนแล้วและได้หนีมาซ่อนตัวอยู่ในถ้ำของฉัน ถึงอย่างนั้น ดูจากท่าทางแล้ว เขาก็คงคิดจะฆ่าฉันโดยทันทีที่พบเพื่อปิดปากฉันไม่ให้ไปบอกใคร”
ลู่หยวนไม่เชื่อว่าหม่าจื่อชิงซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังเถาวัลย์อย่างเงียบๆ จะกำลังดักรอเขากลับมาเพื่อเอ่ยคำทักทาย
ชายผู้นี้สามารถสังหารสมาชิกแก๊งหมาป่าทมิฬได้โดยไม่แสดงความเมตตาใดๆ มันตรงไปตรงมาและมีประสิทธิภาพ
คนสิ้นหวังเช่นนี้จะยอมฝากความปลอดภัยของเขาไว้ในมือของมนุษย์ถ้ำอย่างลู่หยวนได้อย่างไร?
หากลู่หยวนต้องเผชิญหน้ากับเขาจริงๆ อีกฝ่ายก็คงเลือกที่จะฆ่าเขาโดยไม่ลังเลเช่นกัน
“นายต้องการที่จะฆ่าฉัน แต่ฉันก็ฆ่านายได้ก่อน ความยุติธรรมมันก็เป็นแบบนี้แหละ”
เมื่อมองดูศพบนพื้น ลู่หยวนก็หยิบหนังสือและถุงเงินใบใหญ่ออกมาจากศพ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าครั้งนี้จะเสี่ยงไปสักเล็กน้อย แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เสี่ยงโดยไร้ประโยชน์
หลังจากเก็บหนังสือและถุงเงินมาได้แล้ว เขาก็หยิบดาบยาวที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา และหลังจากรับสินสงครามมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ลากศพของหม่าจื่อชิงไปไว้ทางด้านหลังของภูเขา
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถฝังศพอีกฝ่ายเอาไว้ใกล้ๆ ถ้ำของเขาได้
การทำเช่นนั้นไม่เพียงแต่จะเสี่ยงต่อการทิ้งเบาะแสเอาไว้เท่านั้น แต่มันยังทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจอีกด้วย...
โชคดีที่มีหน้าผาอยู่ใกล้ๆ หน้าผานี้เป็นสถานที่อันตรายที่ไม่ค่อยมีคนหลงเข้าไป และแม้แต่ในหมู่นายพรานเองก็ยังไม่มีใครอยากจะเข้าใกล้
สถานที่แบบนี้แหละที่เหมาะเอาไว้ใช้กำจัดศพ!
เขาใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมง และลู่หยวนก็ลากศพไปถึงที่หน้าผาบนภูเขาซึ่งอยู่ห่างจากถ้ำของเขาไปห้าลี้ เขายกขาขึ้นและเตะศพกลิ้งลงหน้าผาไป
“อืม เมื่อสัตว์ป่าได้กลิ่นเลือดของเขา พวกมันก็จะเข้ามากินเขาเอง และจากนั้นร่องรอยทั้งหมดก็จะหายไปภายในสองสามวัน”
ลู่หยวนจ้องมองไปที่ก้นหน้าผาสีดำสนิทอยู่พักหนึ่ง เขาตัวสั่นเมื่อรู้สึกถึงลมหนาวที่พัดผ่านมาและหันศีรษะเพื่อกลับไปที่ถ้ำของเขา
ต้องบอกว่าวันนี้เกิดเรื่องขึ้นเยอะมาก และเขาก็ใช้พลังงานไปมากแล้วเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้เอง ตอนนี้เขาจึงแค่อยากจะกลับถ้ำ กินให้อิ่มท้อง แล้วก็นอนหลับฝันดี