1365 - นอกรีต
1365 - นอกรีต
“อาจารย์…เจ้าจะทำอะไร” คิ้วของนางขมวดเข้าชิดกัน และกล่าวอย่างจริงจัง
นางหันใบหน้าไปด้านข้างแล้วพึมพำ “ทำไมอาจารย์ถึงหัวโบราณได้ขนาดนี้”
เย่ฟ่านโบกมือ เขาสั่งให้นางลุกออกจากเตียง มีข้อห้ามระหว่างอาจารย์กับศิษย์ เย่ฟ่านเกรงว่าถ้าศิษย์คนอื่นมาเห็นพวกเขาทั้งสองนั่งบนเตียงเดียวกันแบบนี้ สิ่งนี้จะทำให้พวกเขาสูญเสียศรัทธาในเย่ฟ่าน
“อาจารย์เข้มงวดเกินไป อายุของท่านเปรียบเสมือนอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ส่วนตัวข้าก็เหมือนกับนักศึกษา อายุของเราสองคนมากพอที่จะทำกิจกรรมร่วมกันได้”
หวงเทียนหนี่สวมกางเกงผ้าบางๆ และมีความยาวไม่ถึงหัวเข่าด้วยซ้ำ ทำให้เย่ฟ่านเห็นต้นขาสีขาวอย่างชัดเจน ซึ่งส่องประกายแวววาวมากบนเตียงหิน
นางขยับตัวเล็กน้อย ขาที่งดงามของนางก็เหยียดออก ผมเปียกของนางบังใบหน้าสวยๆ ครึ่งหนึ่ง ดวงตากลมโตของนางจ้องมองเย่ฟ่านด้วยความยั่วยวน และกล่าวว่า
“อาจารย์อย่าทำตัวเหมือนคนแก่ได้หรือไม่?”
ขณะนี้เย่ฟ่านรู้สึกสับสนอย่างมาก หากเขาไม่ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ศิษย์หญิงคนนี้คงจะกล่าวและปฏิบัติอย่างเกินเลยแน่นอน
“เจ้าออกไปได้แล้ว!” เย่ฟ่านกล่าวอย่างจริงจัง
“ข้าขอนอนที่นี่ได้หรือไม่?” นางเข้ามาใกล้และจ้องมองไปยังดวงตาของเย่ฟ่าน
หวงเทียนหนี่มีความตั้งใจแน่วแน่ และนางได้เตรียมการในการมาครั้งนี้อย่างรอบคอบ นางจึงใช้วิธีการสุดท้ายด้วยการเอาขาที่เรียวยาวของนางโอบรัดเอวของเย่ฟ่านทันที
“อาจารย์...ข้าอยากให้อาจารย์สนองความต้องการของข้า” ดวงตาของนางแสดงความอ้อนวอนอย่างเห็นได้ชัด
เย่ฟ่านรับรู้ได้ทันทีว่านางมีความตั้งใจแน่วแน่ และเขาไม่สามารถปฏิเสธความตั้งใจของนางได้ เขาจึงตัดสินใจใช้พลังเพื่อหยุดยั้งนาง
“ฮะ?”
ทันใดนั้น นางไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ ขาที่เรียวยาวของนางก็หลุดออกจากเอวของเย่ฟ่านทันที หลังจากนั้นตัวของนางก็ลอยออกห่างเย่ฟ่านหลายสิบวา
เย่ฟ่านใช้ภาพธรรมของฝ่ามือขนาดใหญ่หิ้วหญิงสาวผู้งดงามออกไปจากห้อง โดยไม่แตะสัมผัสร่างกายของนางด้วยมือของตัวเอง
หลังจากขับไล่หญิงสาวออกจากห้องแล้ว เย่ฟ่านก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เขากวาดพลังวิญญาณไปทั่วภูเขาและขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น
“ในที่สุดพวกมันก็มาแล้ว”
เขารู้ว่าสงครามได้เริ่มต้นแล้ว ผู้บ่มเพาะจากโลกตะวันตกเลือกที่จะโจมตีเขาภายในหุบเขาจงหนานโดยตรง
ครึ่งชั่วยามต่อมา กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวปกคลุมไปทั่วหุบเขา หมอกสีดำขนาดใหญ่บดบังแสงสว่างทั่วพื้นที่
เย่ฟ่านจึงเดินออกจากถ้ำ มุ่งหน้าไปที่ข้างทะเลสาบหมิงจิง เขายืนสงบนิ่งและกวาดสายตาไปรอบๆ เพื่อดูว่าศัตรูประเภทไหนกำลังมา
โหย่วเหวยอวี้ หลงเสี่ยวเชวียคือผู้ที่มีความพร้อมมากที่สุด ทั้งสองคนสวมชุดเกราะของสำนักและปรากฏตัวด้านหลังเย่ฟ่าน
พวกเขามีความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ภายในใจเล็กน้อย และรู้ว่ามีคนที่มีความแข็งแกร่งกำลังมุ่งหน้ามายังทิศทางของพวกเขา
เมื่อหวงเทียนหนี่มาถึง ความเย็นชาและจิตวิญญาณอันดุร้ายปรากฏบนใบหน้าของนาง ซึ่งแตกต่างจากรูปลักษณ์ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
หมอกสีดำพุ่งสูงขึ้นและกลิ่นอายอันน่าจะพึงกลัวก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน และมีเสียงดังกึกก้องราวกับว่ามีคนเดินออกจากประตูนรกพร้อมกับลากโซ่เหล็กขนาดใหญ่ และยังมีเสียงอาวุธเหล็กโบราณหลายชนิดกระทบกันอย่างรุนแรง
ร่างของผู้มาเยือนเหยียบลงบนทะเลสาบ และมีจำนวนมากถึงสิบสองคน หมอกสีดำหนาทึบ และกลิ่นอายแห่งความตายปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทำให้พวกเขาดูน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
“วิญญาณเร่ร่อนจากนรกอย่างนั้นหรือ กลับไปยังเส้นทางที่พระเจ้าของเจ้าชี้นำ อย่ามารนหาที่ตายที่นี่” เสียงของเย่ฟ่านก้องกังวาลไปทั่วสวรรค์พิภพ
ผู้มาเยือนเหล่านี้สวมชุดเกราะสีดำ และมีรูปลักษณ์ต่างจากมนุษย์โดยสิ้นเชิง พวกเขากำลังแสดงทักษะต้องห้ามของสิ่งมีชีวิตจากขุมนรกอย่างชัดเจน
พวกมันถูกควบคุมโดยมนุษย์ ที่ด้านหลังมีชายชราคนหนึ่งถือไม้เท้าหัวกะโหลกยืนอยู่ด้านหลังภายในความมืด และกำลังท่องบทสวดโบราณอย่างเงียบๆ
“เฉียง”
โซ่เหล็กทะลุผ่านความว่างเปล่า เหมือนกับมังกรดำหลายสิบตัวที่กำลังพุ่งเข้าหาเย่ฟ่านจากท้องฟ้า
เย่ฟ่านยังคงสงบนิ่ง ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง แสงแวววาวพุ่งออกจากดวงตาของเขา เกิดรอยแยกในความว่างเปล่า
ลำแสงสองเส้นราวกับกระบี่ฟาดฟันออกไปอย่างดุเดือด เสียงของกระบี่กระทบกับโซ่เหล็กดังกึกก้องไม่มีที่สิ้นสุด ทันใดนั้นโซ่เหล็กสีดำหลายสิบเส้นก็สลายกลายเป็นผุยผงลงในพริบตา
“วิญญาณบรรพชนจงอยู่กับข้า และสังหารพวกนอกรีต!”
เสียงดังออกมาจากความมืดมิด และก้าวออกมาข้างหน้า เผยร่างที่แท้จริงของชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำ ปรากฏให้เห็นร่างกายที่เหี่ยวเฉา พร้อมไม้เท้าที่มีหัวกระโหลก
ทันใดนั้น ด้านหลังของชายชราก็ปรากฏซากศพหลายสิบร่าง พวกเขาล้วนมีสีผิวซีดเผือด ไร้ชีวิตชีวา เห็นได้ชัดว่าเป็นซากศพที่ถูกขุดขึ้นมาจากสุสานอย่างแน่นอน
ชายชราผู้ควบคุมซากศพดังกล่าวท่องบทสวดออกคำสั่งให้ซากศพเหล่านั้นพุ่งเข้าหากลุ่มของเย่ฟ่านอย่างรวดเร็ว
“อ่อนแอเกินไป!” เย่ฟ่านกล่าวอย่างเย็นชา และมีท่าทางสงบนิ่ง
จ้านปี้ฟ่านและคนอื่นๆ ต่างตกตะลึง ฐานการบ่มเพาะของชายชราคนนี้ทรงพลังมาก เขาน่าจะอยู่ที่จุดสูงสุดของอาณาจักรเซียนเทียมขั้นสองเลยทีเดียว
ดวงตาของชายชราเป็นประกายด้วยแสงสีเขียว ไม้เท้ากระดูกสีขาวก็ปล่อยคลื่นราวกับทะเล
“พวกนอกรีตที่แท้จริงคือพวกเจ้าต่างหาก!”
เย่ฟ่านพึมพำกับตัวเอง ทันใดนั้น เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์อันท่วมท้นก็พุ่งออกไปด้านหน้า และปกคลุมซากศพโบราณทั้งหมดทันที
ฉากของทะเลเพลิงจึงเกิดขึ้นท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์เผาไหม้นักรบโบราณและชุดเกราะสีดำของพวกเขาจนกลายเป็นเถ้าถ่านในเวลาไม่กี่ลมหายใจ
เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เผาไหม้นักรบโบราณ ส่งผลกระทบให้ชายชราผู้ควบคุมนักรบโบราณทั้งหลายถูกเผาไหม้ไปด้วย เขาพยายามกรีดร้องแต่ไม่สามารถหลบหนีจากเปลวไฟระดับเก้าได้
ต้องเข้าใจว่าเปลวไฟระดับนี้ต่อให้เป็นผู้อมตะที่แท้จริงยังยากจะรับมือ นับประสาอะไรกับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง
ในอดีตเย่ฟ่านเคยใช้เปลวไฟเจ็ดสีสังหารปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลจี้มาแล้ว ดังนั้นชายชราที่เป็นผู้ควบคุมซากศพจึงกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างง่ายดาย
ในระยะไกล มีนักรบหลายสิบคนกำลังคพุ่งเข้ามาในทิศทางนี้อย่างรวดเร็ว และจำนวนก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาล้วนสวมชุดเกาะศักดิ์สิทธิ์เขียนรูปไม้กางเขนสีแดงกลางหน้าอก และดูน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
อัศวินเทมพลาร์แห่งนครศักดิ์สิทธิ์เยรูซาเลมปรากฏตัวแล้ว!
นี่คือกลุ่มนักรบที่มีเอกลักษณ์และสถานะที่ไม่ธรรมดา พวกเขาล้วนมาจากครอบครัวที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามครอบครัวเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ที่มีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่
พวกเขาส่วนใหญ่เป็นนักรบวัยกลางคนพี่มีพลังศักดิ์สิทธิ์เปี่ยมล้น ทุกคนล้วนฝึกฝนมาเป็นเวลาหลายสิบปีและมีสถานะสูงส่งในโลกของมนุษย์
และที่เบื้องหลังพวกเขาก็ทำหน้าที่เป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์คอยปราบปรามยอดฝีมือต่างนิกายซึ่งพวกเขาถือว่าเป็นพวกนอกรีต
พวกเขาทั้งหมดมีเส้นผมสีทองยาว ทุกคนเป็นวีรบุรุษผู้กล้าหาญ แต่ละคนให้ความรู้สึกสง่างามราวกับว่าเทพอพอลโล่จากตำนานกรีก ส่วนสตรีก็เปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ไม่เป็นรองบุรุษแม้แต่น้อย
“พวกนอกรีตที่กล้าท้าทายดินแดนตะวันตกของเรา พวกมันจะต้องถูกลงโทษ!” ชายหนุ่มผมยาวซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนตะโกนเสียงดัง
หญิงสาวคนหนึ่งที่มีแสงศักดิ์สิทธิ์เปร่งประกายไปทั่วร่างกายโบกมือไปมา
ทันใดนั้นนักรบศักดิ์สิทธิ์หลายร้อยคนก็ปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหลังของนาง พวกเขาล้วนมีฐานการบ่มเพาะอยู่ที่อาณาจักรตำหนักเต๋าและสี่สุดขั้วทั้งสิ้น
เพียงพลังที่อัศวินเทมพลาร์แสดงออกมาก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะจากประเทศจีนและอินเดียจะเปรียบเทียบได้แล้ว
………