1364 - หญิงงามผู้กล้าหาญ
1364 - หญิงงามผู้กล้าหาญ
เมื่อเห็นผลไม้ในมือเสี่ยวซงหลายคนก็คร่ำครวญอ้อนวอนเย่ฟ่านเพื่อขอผลไม้เหล่านี้ หนึ่งในนั้นอยากได้ผลวิญญาณโบราณ และอีกหลายคนยังคงกระตือรือร้นที่จะจับเจ้าตัวกระรอกน้อยมาเป็นสัตว์เลี้ยง
ในบรรดาศิษย์หลายคน หลงเสี่ยวเชวียเป็นคนเดียวที่ยังคงสงบนิ่ง เพราะเขามีนิสัยเย็นชาโดยธรรมชาติและจะไม่กล่าวอะไรที่ไม่จำเป็น
ดังนั้นเขาจึงดูสง่างามและสถาปนาตัวเองเป็นหัวหน้าของทุกคนโดยปริยาย
ชื่อจริงของเขาคือหลงอวี้เสวียน คำว่า “หลง” และ “เชวีย” ในชื่อของเขาก็มาจากคำว่าวิหคมังกรนั่นเอง บรรพชนของเขามีนามว่าหลงเชวีย(วิหคมังกร)ดังนั้นเขาจึงมีชื่อว่า “หลงเสี่ยวเชวีย” (วิหคมังกรน้อย)
หลังจากเดินทางมาสักพัก กลุ่มของเย่ฟ่านก็หยุดพักที่โรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง เย่ฟ่านหยิบจานหยกที่เต็มไปด้วยผลไม้วิญญาณออกมา เขาแจกจ่ายให้กับศิษย์ของเขาได้ลิ้มรสกันทุกคน
ธรรมเนียมของผู้บ่มเพาะในเป่ยโต้วมักจะเก็บสะสมเนื้อของอสูรวิญญาณและผลไม้วิญญาณจำนวนมากเพื่อใช้เป็นเสบียงในยามคับขัน
เย่ฟ่านและผังป๋อตั้งใจจะออกเดินทางกลับมาที่โลกดังนั้นพวกเขาจึงรวบรวมอาหารไว้เป็นจำนวนมาก เพราะไม่รู้ว่าจะติดค้างอยู่ในจักรวาลอันมืดมิดนานเท่าใด ดังนั้นจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อน
เมื่อเย่ฟ่านมอบตะกร้าผลไม้วิญญาณออกมา นักพรตสืออี้และปรมาจารย์คนอื่นๆก็ตกตะลึงอย่างยิ่ง
“อาจารย์มีสมบัติมากมายถึงขนาดนี้”
ศิษย์หลายคนรู้สึกอิจฉาที่ผลไม้ชนิดนี้สามารถพบได้บนโลกอื่นเท่านั้น
แม้แต่นักพรตสืออี้ก็ยังกล่าวว่าผลไม้เหล่านี้มีมูลค่าสูงมาก ต่อให้พวกเขาทุกคนรวบรวมทรัพย์สมบัติในชีวิตเข้าด้วยกันก็ไม่สามารถแลกเปลี่ยนพวกมันสักคนได้
เย่ฟ่านส่ายหน้าเบาๆ และหยิบผลไม้ออกมาแจกจ่ายให้กับทุกคนโดยไม่ลังเล
พวกเขารู้ถึงต้นกำเนิดของเย่ฟ่านแล้ว และพวกเขาต้องการไปยังดินแดนเป่ยโต้วด้วย
“ถ้าพวกเราไปที่นั่นเพื่อบ่มเพาะ ความแข็งแกร่งของพวกเราสามารถสังหารปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงได้หรือไม่?”
จางชิงหยางและโหย่วเหวยอวี้ต่างก็กล่าวว่าพวกเขาเต็มใจที่จะเข้าร่วมวังสวรรค์ของเย่ฟ่าน
เย่ฟ่านหัวใจเต้นแรง คนเหล่านี้ล้วนเป็นอัจฉริยะ หากพวกเขาบ่มเพาะบนเส้นทางที่ถูกต้อง พวกเขามีความหวังที่จะกลายเป็นเซียนในอนาคตอย่างแน่นอน
แต่เป็นที่น่าเสียดาย เย่ฟ่านถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวว่า
“แม้แต่ตัวข้าก็ยังแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไป แล้วข้าจะพาพวกเจ้าไปได้อย่างไร?”
“เมื่อเซียนโบราณจากไป พวกเขาจะต้องทิ้งร่อยรอยไว้เบื้องหลังอย่างแน่นอน ข้าเชื่อว่าในอนาคตพวกเราจะต้องหามันเจอ”
หลายคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน และยังมีความเชื่อมั่นหนักแน่น
ภูเขาจงหนานมียอดเขาหลายพันลูก และมีทิวทัศน์ที่งดงาม เรียกว่า “เมืองหลวงอมตะ” ซึ่งมีลักษณะงดงามคล้ายกับมงกุฎของยอดเขา
“แม่น้ำที่ไหลยาวของทะเลจีนตะวันออก มีอายุยืนยาวเทียบเท่าต้นสนอมตะแห่งหนานซาน” และหนานซานหมายถึงภูเขาลูกนี้
สถานที่แห่งนี้คือบ้านเกิดของนักพรตสืออี้ ซึ่งมีอายุยืนยาวนับพันปี
บนภูเขามีวัดเต๋ามากมาย หุบเขาลึกและสง่างาม พร้อมกับเสียงสัตว์นานาชนิด บ่งบอกถึงความเป็นธรมมชาติ มีวัดเต๋าหลายแห่งตั้งตระหง่านและปกคลุมไปด้วยหมอก
มีนกกระเรียนบิน และลิงจำนวนมากกระโดดไปมาอย่างสนุกสนาน ช่างเป็นฉากที่วิเศษเหลือเกิน
ที่พักของนักพรตสืออี้นั้นเรียบง่ายมาก ไม่มีอะไรนอกจากเตียงหิน ทิวทัศน์ภายนอกสวยงามมาก มีต้นไม้โบราณสูงตระหง่าน เถาวัลย์หนาทึบ และทะเลสาบขนาดเล็ก ทุกสิ่งล้วนเป็นวิเศษและหาได้ยากจากโลกปัจจุบัน
ดูเหมือนว่าเสี่ยวซงจะรู้สึกตื่นเต้นและดีใจเป็นพิเศษ มันวิ่งไปมาทั่วหุบเขา ในที่สุดเขาก็คุ้นเคยกับเอี๋ยนเสี่ยวอวี้ และคนอื่นๆ แม้ว่ามันจะถูกจับหรือหยอกล้ออยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ต่อต้านอีกต่อไป
เวลาผ่านไปครึ่งเดือน เย่ฟ่านกำลังสอนเหล่าศิษย์ของเขาให้กลายเป็นบุคคลระดับผู้นำในอนาคต เมื่อทุกคนพร้อมแล้วเขาจะเดินทางไปยังเยรูซาเลมทันที
ทันใดนั้น แสงสว่างราวกับดวงอาทิตย์ส่องลงมาข้างทะเลสาบหมิงจิง โดยส่องมายังนักพรตทำให้ร่างกายของเขาเปล่งประกายราวกับทองคำ
นักพรตประสานมือแสดงความเคารพต่อเย่ฟ่านอยากนอบน้อม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง มันคล้ายกับว่าสวรรค์ได้ตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขาแล้ว
“ท่านทำได้ดีมาก” เย่ฟ่านช่วยเขาให้ลุกขึ้น
“ข้าจะเข้าสู่ความสันโดษ หากข้าทำสำเร็จ ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของน้องเย่เลย”
นักพรตสืออี้เริ่มเข้าสู่ความสันโดษหลังจากที่กล่าวจบ
เย่ฟ่านหเพียงพยักหน้าเบาๆ เขาช่วยเหลือให้นักพรตผู้เฒ่าคนนี้ มีโอกาสประสบความสำเร็จในการทะลวงเข้าสู่อาณาจักรปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเขาก็จะเดินทางไปยังตะวันตกในวันพรุ่งนี้
ในช่วงค่ำคืนอันมืดมิดและเงียบสงบ แสงจันทร์ส่องไปที่ปากถ้ำ ปรากฏร่างที่สง่างามเดินเข้ามาอย่างช้าๆ นางแต่งกายด้วยความทันสมัยเหมือนเช่นหญิงสาวทั่วไปในโลกยุคปัจจุบัน
ผิวของนางกระจ่างใส เส้นผมปลิวไสวสวยงามราวกับเทพธิดา นางเดินเข้ามาในถ้ำอย่าเงียบๆ และเดินตรงไปที่เตียงหินของเย่ฟ่าน กลิ่นหอมของนางราวกับดอกกล้วยไม้
ร่างกายที่สง่างามของนางขาวและงดงามราวกับงาช้าง ดวงตาของนางเปล่งประกายชวนให้หลงใหล
เมื่อนางเดินเข้ามาใกล้ เย่ฟ่านซึ่งนั่งสมาธิอยู่บนเตียงจึงกล่าวว่า
“เจ้ามาทำอะไรที่นี้?”
แสงสว่างค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่ถ้ำราวกับคลื่นน้ำ แสงสว่างลอยขึ้นร่างของหญิงงามปรากฏขึ้นตรงหน้า
หวงเทียนหนี่มีความสง่างาม นางสวมเสื้อผ้าสมัยใหม่ นางปรากฏตัวในถ้ำแห่งนี้และเคลื่อนไหวราวกับเทพธิดา
ช่วงเวลาในขณะนี้ นางจ้องมองเย่ฟ่านก่อนจะหัวเราะเบาๆและกล่าวว่า
“เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นท่านก็แค่ทำเป็นไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็พอแล้ว”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? กลับไปพักผ่อนเถอะ” เย่ฟ่านกล่าวอย่างเย็นชา
คำพูดและการกระทำของศิษย์คนนี้ถือว่ากล้าหาญเกินไป
“ปฏิเสธข้าหรือ!”
หวงเทียนหนี่นั่งลงที่ปลายเตียงอย่างผ่อนคลายมากและไม่สนใจกับคำกล่าวของเย่ฟ่าน
นางสวมเสื้อคลุมบางๆ ผมของนางเปียกชุ่มเล็กน้อย นางอาบน้ำที่ทะเลสาบบนหุบเขาก่อนจะมาที่นี้ เย่ฟ่านรับรู้จากกลิ่นหอมบนร่างของนาง ร่างของนางขาวราวกับแป้งฝุ่น และอ่อนโยนราวกับปุยนุ่น
หวงเทียนหนี่วางแขนสีขาวราวกับหิมะไว้บนไหล่ของเย่ฟ่านอย่างกล้าหาญ ทั้งสองคนมองหน้ากัน นางจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมหน้าแดง?”
“ข้าก็ต้องหวั่นไหวบ้างเป็นธรรมดา” เย่ฟ่านพึมพำกับตัวเอง และยังคงมีท่าทางสงบนิ่ง
หญิงงามผู้นี้ช่างกล้าหาญ นางโน้มตัวเข้าใกล้เย่ฟ่านมากพอสมควร ลมหายใจของนางสัมผัสที่ต้นคอของเย่ฟ่าน เย่ฟ่านสามารถมองเห็นขนบนคอสีขาวราวกับหิมะของนางปลิวไสว
“อาจารย์…คราวนี้ข้าจะสอนอาจารย์เอง”
หวงเทียนหนี่กล่าวพร้อมปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า โดยมีประกายแววไปทั่วใบหน้าของนาง ดวงตาสีแดงของนาง
“ถ้ายังกล้าหยาบคายอีก ข้าจะปราบปรามเจ้า และส่งเจ้าเข้าไปในถ้ำโบราณเพื่อสำนึกความผิดเป็นเวลาสิบปี” เย่ฟ่านกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“อาจารย์ พวกเราอายุเท่าไหร่กันแล้ว? พวกเราทุกคนเป็นคนสมัยใหม่ และเราไม่ได้อยู่ในสมัยโบราณที่ชายและหญิงไม่สามารถมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันได้”
หวงเทียนหนี่กล่าวอย่างตรงไปตรงมากและจ้องมองโดยไม่มีท่าทีละอายใจ
ขนตายาวของนาง และดวงตาโตของนางเป็นประกายด้วยพร้อมแสดงความเจ้าเล่ห์ หุ่นเพียวของนางนั่งอยู่ตรงข้ามกับเย่ฟ่าน ใบหน้าที่งดงามของนางก็ขยับเข้ามาใกล้จนแทบจะติดกับใบหน้าของเย่ฟ่าน
“อาจารย์ หากอาจารย์ปล่อยไปตามความรู้สึก การกระทำครั้งนี้จะไม่ผิดอะไร”
นางยื่นมือเรียวยาวสีขาวเหมือนหิมะออกมาแล้วลูบมันไปบนใบหน้าของเย่ฟ่าน
แสงในดวงตาของเย่ฟ่านพุ่งสูงขึ้น เขาใช้ฝ่ามือกดนางลงไปบนเตียงจนไม่สามารถขยับตัวได้ ศิษย์คนนี้อวดดีเกินไปจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาถูกล้อเลียนเช่นนี้
……