ตอนที่แล้วบทที่ 8: การแสวงหาผลประโยชน์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 : ปัญหาใหญ่ตอนกลางวันแสกๆ

บทที่ 9 : ความทุกข์ทรมาน.. และขมขื่น


บทที่ 9 : ความทุกข์ทรมาน.. และขมขื่น

ด้วยความหงุดหงิด ลู่หยวนจึงหันหลังกลับและเดินออกไปจากโรงฟอกหนัง

เขาเดินไปตามถนนโดยมีตะกร้าไม้ไผ่เปล่าอยู่บนหลัง หนังสัตว์ที่เขาเพิ่งขายไปหมดเกลี้ยง ดังนั้นแรงกดทับอันหนักหน่วงจึงได้หายไปแล้ว และมันก็ทำให้ก้าวของเขาเบาลง

เขาหันความสนใจไปที่ร้านค้าริมถนน และด้วยเงินที่เขาเพิ่งได้รับมา ลู่หยวนจึงซื้อเกลือหยาบจำนวน 5 กิโล

เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ลึกเข้ามาในพื้นที่ภูเขา เทศมณฑลต้าหยูจึงมีราคาเกลือที่สูง เนื่องจากการนำเกลือมาจากที่อื่นนั้นต้องใช้เวลานาน

ครั้งหนึ่งเขาเคยได้ยินมาจากพ่อค้าที่ร้านขายน้ำชาว่าในเมืองหรือมณฑลที่มีฟาร์มเกลือตามแนวชายฝั่ง เกลือครึ่งโลก็สามารถซื้อได้ในราคาเพียงสิบกว่าเหรียญเท่านั้น

เมื่อเทียบกับ 100 เหรียญต่อโลของที่นี่แล้ว โดยทั่วไปแล้วเกลือของที่นั่นก็ถูกจนแทบจะเหมือนกับแจกฟรี

“แต่ถึงอย่างนั้นเกลือที่นี่มันก็หยาบจนแทบจะกลายเป็นเม็ดดินอยู่แล้ว พวกเขายังกล้าเพิ่มราคามันขึ้นสูงขนาดนี้ได้ยังไงกัน?”

ลู่หยวนมองไปที่เกลือหยาบในขวด เกลือมีทั้งสีดำและสีเหลืองและดูเหมือนเม็ดทรายขนาดใหญ่ที่ไม่เรียบ

มันเป็นเรื่องยากมากที่จะจินตนาการว่าคนที่กินเกลือกากๆ เช่นนี้จะมีสุขภาพดีมีชีวิตรอดได้ยังไง?

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดว่านี่เป็นสมัยโบราณที่อายุขัยเฉลี่ยของประชากรน่าจะตันอยู่ที่สี่สิบห้าสิบปีเท่านั้น เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

“ด้วยอายุขัยที่สั้นเช่นนี้ พวกเขาก็คงจะตายก่อนที่จะได้พบปัญหาในอาหารที่กิน” เขาคิด

เมื่อรู้เรื่องนี้แล้ว ลู่หยวนก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เขาก็ตัดสินใจว่าเมื่อกลับถึงบ้านแล้ว เขาจะกรองเกลือหยาบเหล่านี้อีกครั้งอย่างแน่นอน

เขามีอายุขัยตราบเท่าอายุขัยสวรรค์ ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงไม่สามารถปล่อยปัญหาเรื่องสุขภาพไปได้

ถ้าเขาตายด้วยโรคร้ายที่เกิดจากการกินเกลือหลังจากมีชีวิตนิรันดร์ มันก็คงจะเป็นเรื่องไร้สาระน่าดูจริงไหม?

เขาจะทำทุกสิ่งเพื่อปกป้องชีวิตของเขา ด้วยเหตุนี้เอง ลู่หยวนจึงซื้อเครื่องปั้นดินเผาและผ้าขาวบาง รวมถึงขวาน สิ่วและค้อนสำหรับงานช่างฝีมือด้วย

แม้ว่าเขาจะอยู่ในโลกนี้มาสองเดือนแล้วและอาศัยอยู่ในถ้ำบนภูเขามาระยะหนึ่งแล้ว แต่เขาก็ต้องยอมรับว่ามันลำบากมากจริงๆ เขาไม่สามารถทนอยู่ในถ้ำแบบนี้ไปตลอดได้

เจ้าของร่างเดิมของเขาเป็นเด็กที่เติบโตขึ้นมาบนภูเขาและใช้ชีวิตอย่างคนเถื่อน เขากินเนื้อดิบและดื่มได้แม้กระทั่งเลือด ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงอาจไม่รู้สึกผิดแปลกกับการใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในถ้ำ

อย่างไรก็ตาม ลู่หยวนก็เป็นคนเมืองที่ย้อนเวลากลับมา

แม้ว่าสถานะของเขาก่อนที่จะข้ามมานั้นจะเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น

แต่ไอ้การที่เขาจะต้องมานอนบนพื้นถ้ำนี่มันก็เกินไปจริงๆ

“ฉันเหนื่อยกับการนอนบนเสื่อหนังบนพื้นถ้ำแล้ว ฉันอยากจะนอนบนเตียง เตียงนุ่มๆ แสนสบาย ฉันต้องการโต๊ะน้ำชา เก้าอี้ ตู้และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ทั้งหมดที่ควรจะมี” ลู่หยวนกล่าว เขาหัวเราะขณะนึกถึงชีวิตที่เขาดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ เขาแทบจะไม่สามารถกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้

เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเจ้าของร่างเดิมกำลังคิดอะไรอยู่

การสร้างเตียงมันยากหรอ?

การปูเสื่อหนังแล้วนอนข้างกองไฟมันดีแล้วหรอ?

เขาไม่กลัวที่จะเป็นหวัด เป็นโรคไขข้อหรือรู้สึกหนาวในกระดูกบ้างหรอ?

แม้ว่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมาร่างกายของเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากการนอนบนพื้นถ้ำ แต่สัญชาตญาณของลู่หยวนก็บอกว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปได้

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเขาอยู่ในเมืองและมีเงินในกระเป๋าแล้ว เขาจึงจะไม่ยอมปล่อยปัญหานี้ผ่านไปแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เงินที่เขามีก็ยังน้อยอยู่ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจซื้อเครื่องมือและทำเฟอร์นิเจอร์ด้วยตัวเองแทน เช่นเตียงและเก้าอี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อทุกอย่างเข้ามา

และแม้ว่าเขาจะซื้อได้ แต่เขาก็ยังติดปัญหาเรื่องการขนย้าย

ภูเขาต้าหยูนั้นกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยสัตว์ป่าอันตราย คนธรรมดาจะไม่กล้ายอมเสี่ยงเดินเข้ามาในป่าแน่

ด้วยเหตุนี้เอง แทนที่จะเสียเงินไปกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เขาจึงควรซื้อเครื่องมือและมาทำเองจะดีกว่า

แม้ว่าสิ่งอื่นๆ บนภูเขาอาจจะดูขาดแคลน แต่มันก็มีไม้อยู่อย่างไม่มีสิ้นสุด

หลังจากซื้อของจิปาถะมาแล้ว เงินสองพันเหรียญที่ลู่หยวนเพิ่งได้รับมาก็ถูกใช้ไปแล้วเกือบครึ่งหนึ่ง

เขาวางแผนที่จะเก็บเงินที่เหลือเอาไว้

อันที่จริง เจ้าของร่างเดิมก็มีเงินเก็บที่ได้มาจากการทำงานหนักตลอดระยะเวลาสองปีอยู่ ซึ่งมันก็รวมเป็นเงินแปดตำลึง

เขาใช้เวลาสองปีเพื่อเก็บเงินแปดตำลึง!

เมื่อนึกถึงชีวิตที่ยากลำบากของบรรพบุรุษรุ่นก่อนที่ต้องประหยัดเงิน ลู่หยวนก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจและรู้สึกเจ็บปวดในใจ

ชีวิตของนายพรานช่างยากลำบาก

อาชีพนายพรานนั้นเต็มไปด้วยอันตราย พวกเขาสามารถถูกสัตว์ป่าจับกินได้ทุกเมื่อ ดังนั้นอายุขัยของพวกเขาจึงสั้นแสนสั้น

ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากพวกเขาไร้สัญชาติ ดังนั้นช่องทางการสร้างรายได้ของพวกเขาจึงมีน้อยมาก

สำหรับผู้ที่มีสัญชาติตามปกติ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนงานชั้นต่ำ แต่พวกเขาก็ยังมีรายได้หนึ่งถึงสองตำลึงต่อเดือน และหากประหยัด พวกเขาก็จะสามารถเก็บเงินได้ห้าถึงหกตำลึงต่อปี

แต่สำหรับนายพรานแล้ว รายได้ที่มั่นคงเพียงครึ่งตำลึงต่อเดือนก็ถือว่ามากแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะประหยัดตลอดทั้งปี แต่พวกเขาก็ยังเก็บได้มากสุดเพียงสามถึงสี่ตำลึงเท่านั้น

ด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ แม้แต่ลูกสาวของครอบครัวคนธรรมดาก็ยังไม่เหลียวมองพวกเขา

ด้วยเหตุนี้เอง การมองหาภรรยาสำหรับนายพรานจึงเป็นได้เพียงความปรารถนลมๆ แล้งๆ เท่านั้น

และเจ้าของร่างเดิมก็รู้สิ่งนี้ดี ดังนั้นเพื่อที่จะได้แต่งงานกับภรรยา เขาจึงเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้ว

เนื่องจากเขาไม่สามารถจีบลูกสาวของครอบครัวที่ดีได้ ดังนั้นวิธีเดียวที่เขาจะหาภรรยาได้จึงเป็นการซื้อมา

ตามสถานการณ์ตลาดในปัจจุบัน การซื้อภรรยาก็จะต้องใช้เงินอย่างน้อย 60 ตำลึง

เมื่อพิจารณาจากความเร็วการออมเดิมที่อยู่ที่ 4 ตำลึงต่อปี เขาก็จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบห้าปีจึงจะเก็บเงินได้มากพอที่จะซื้อภรรยา

เมื่อถึงตอนนั้น ลู่หยวนก็จะอายุยี่สิบเก้าแล้ว และคงจะใกล้สามสิบแล้ว

ในช่วงอายุขัยเหล่านี้ พวกเขาก็อาจนับเป็นปู่กันได้แล้ว

“ทำงานหนักมาทั้งชีวิต เพียงเพื่อจะมีภรรยาในวัยที่จะกลายเป็นปู่?” เขากล่าว

เมื่อนึกถึงแผนชีวิตของเจ้าของร่างเดิม ความรู้สึกที่ซับซ้อนก็แล่นเข้ามาในหัวใจของลู่หยวน เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจและพูดว่า “ช่างขมขื่นจริงๆ”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด