บทที่ 3 : คิดแผนใหญ่ รวมประสบการณ์
บทที่ 3 : คิดแผนใหญ่ รวมประสบการณ์
หลังจากลังเลซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดลู่หยวนก็ตัดสินใจว่าประตูไม้เพียงอย่างเดียวไม่ปลอดภัยเพียงพอ เขาจำเป็นต้องเพิ่มการป้องกันอีกชั้นหนึ่ง
เขาหันกลับมาที่ด้านหลังของประตูไม้ เอื้อมมือออกไปที่กำแพงหินข้างๆ และหยิบแผ่นไม้ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยตัดมาก่อนหน้านี้ขึ้นมา
ในสองก้าว เขาก็ไปถึงด้านหลังของประตูหิน พร้อมกับเสียงปัง เขาวางแผ่นไม้ไว้ด้านหลังประตู ซึ่งทำให้ประตูไม้บางๆ เดิมหนาขึ้นทันที
เมื่อวางแผ่นไม้แผ่นแรกแล้ว ลู่หยวนก็หันกลับมาและหยิบแผ่นที่สองขึ้นมา เมื่อถึงเวลาที่เขาวางแผ่นที่สามเสร็จ ประตูเดิมก็ถูกปิดไว้เกือบทั้งหมดแล้ว
มันเหลือเพียงช่องว่างเล็กๆ ตรงกลาง ซึ่งเขาสามารถสังเกตสถานการณ์ภายนอกได้เท่านั้น และแม้กระทั่งยิงลูกธนูสองสามลูกออกไปตามความจำเป็น นี่เป็นช่องว่างที่จำเป็นต้องมี
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเหล่านี้แล้ว ลู่หยวนก็ยังไม่หยุด เขาเดินไปที่กำแพงหินที่อยู่ใกล้ๆ และหยิบเสาหนาหลายต้นมาวางไว้ในแนวทแยงเพื่อรองรับแผ่นไม้และปิดประตูให้แน่นยิ่งขึ้น
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจเหล่านี้แล้ว เขาก็ค่อนข้างเหนื่อยจากการกระทำหลายอย่าง
อย่างไรก็ตาม หลังจากตบมือแล้ว ลู่หยวนก็มองไปที่ประตูไม้ที่ได้รับการเสริมความแข็งแรงขึ้นอย่างมาก และเผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่าพอใจ เขาพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เลว ตอนนี้ฉันรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาอีกขั้นแล้ว”
ใช่แล้ว ความรู้สึกปลอดภัยนี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ
พรสวรรค์ 'เป็นอมตะ' นั้นยังไม่มีคุณค่าใดๆ ในปัจจุบัน เขายังไม่สามารถนำมันมาใช้ประโยชน์ใดๆ ได้
สถานการณ์บนภูเขานั้นอันตรายมาก และฝูงสุนัขป่าก็กำลังล่าสัตว์อยู่ข้างนอกนั่นอีก ดังนั้นในฐานะผู้มาใหม่ที่เพิ่งข้ามมิติมา เขาจะไม่เพิ่มการป้องกันไว้ก่อนได้อย่างไร?
แม้ว่าเขาจะยังใหม่ต่อโลกนี้ แต่ในฐานะนักอ่านนิยายตัวยง ลู่หยวนก็รู้ถึงความสำคัญของการระมัดระวังดี
เมื่อตระหนักถึงอันตรายที่อยู่รอบตัวเขา เขาก็ดำเนินมาตรการตอบโต้โดยทันที
จริงอยู่ เขามักจะบ่นอยู่เสมอเกี่ยวกับการขาดพลัง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอย่างน้อยตอนนี้เขาก็มีอายุยืนยาวแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บ่นอะไรมากนัก
เมื่อเขาคิดถึงความจริงที่ว่าเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้นับหมื่น ล้านหรือแม้แต่พันล้านปี และมีอายุขัยไร้สิ้นสุด เขาก็รู้สึกว่าชีวิตของเขายิ่งมีความสำคัญมากขึ้นไปอีก
ใช่แล้ว ตอนนี้เขามีสถานะที่ต่ำต้อยและต้องใช้ชีวิตเกือบจะเหมือนกับคนป่าเถื่อน
แต่มันก็คงไม่เป็นแบบนั้นไปตลอดหรอกจริงไหม?
หากคุณปล่อยให้หมูมีอายุอยู่ยาวนานถึงร้อยปี มันก็จะรู้แจ้งเองเมื่อถึงจุดหนึ่ง
ลู่หยวนมั่นใจว่าเขาแข็งแกร่งกว่าหมูและไม่ได้มีอายุยืนยาวโดยเปล่าประโยชน์
ด้วยเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยมากมาย ความยากลำบากในปัจจุบันก็คงเป็นสิ่งที่เขาต้องเผชิญหน้าแค่ชั่วคราวเท่านั้น
มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
เขาสามารถทนรอจนกว่าประเทศเยว่จะถูกทำลายลงได้ จากนั้น หลังความสับสนวุ่นวายของการล่มสลายผ่านพ้นไป เขาก็จะสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ขึ้นมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการสะสมทรัพย์สินมาสองสามร้อยปี แบบนี้เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะไม่มั่งคั่งจนมีเงินท่วมหัวเลยหรอ?
ด้วยการวางแผนอันใหญ่โต เขาก็สามารถแม้แต่วางแผนก่อกบฎและผันตัวกลายเป็นจักรพรรดิเองได้ด้วยซ้ำ!
และในฐานะจักรพรรดิผู้เป็นอมตะ เขาก็จะสามารถปกครองในแบบที่จักรพรรดิฉินได้แต่เคยฝันถึงเท่านั้นได้ นั่นคือราชวงศ์อันเป็นนิรันดร์ นั่นจะไม่สมเหตุสมผลหรอ?
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงยิ่งไม่สามารถตายได้มากขึ้นไปอีก
“ฉันไม่อนุญาตให้ได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน หากร่างกายจักรพรรดิของฉันเสียหายหรือพิการ มันก็จะบ่อนทำลายรากฐานของอาณาจักรได้” ลู่หยวนคิด เขาปลอบโยนตัวเองและดื่มด่ำไปกับจินตนาการ
หลังจากประสบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดของการเดินทางข้ามมิติและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อันตรายแล้ว เขาก็จำเป็นต้องคิดถึงบางสิ่งเพื่อหันเหความสนใจของเขา ไม่เช่นนั้นเขาก็เกรงว่าเขาอาจจะเป็นบ้าเอาได้
ในท้ายที่สุด หลังจากตรวจสอบประตูไม้อย่างละเอียดเป็นครั้งสุดท้ายและแน่ใจว่าประตูได้ปิดสนิทและไม่สามารถพังเข้าไปจากภายนอกได้แล้ว เขาก็รู้สึกสบายใจและกลับไปสู่ส่วนลึกของถ้ำ
จากนั้นเขาก็หยิบผ้าห่มขนสัตว์ออกมาวางไว้ข้างกองไฟแล้วนอนลง ใช้เวลาไม่นาน เขาก็หลับสนิท
ในทางกายภาพแล้ว ประสบการณ์ในวันนี้ก็ไม่ได้ถือว่าเหน็ดเหนื่อยจนเกินไป แต่ในทางจิตใจแล้ว ความเหนื่อยล้านี้ก็ยิ่งใหญ่มาก
อาจเนื่องมาจากแรงกดดันด้วย คืนนั้นลู่หยวนจึงฝันว่าตนเองดิ้นรนอยู่บนภูเขาและในที่สุดก็ได้กลายเป็นราชาแห่งหมู่บ้านบนภูเขา
เขาแอบรวบรวมกองกำลังบนภูเขา และในที่สุด หลังจากหลายทศวรรษผ่านไป เมื่อโลกตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เขาก็โผล่ขึ้นมาและเข้าร่วมในการแข่งขันเพื่อแย่งชิงอำนาจ และในที่สุด เขาก็รวมโลกเป็นหนึ่งเดียวและกลายเป็นจักรพรรดิ
นอกจากนี้ เขาก็ยังฝันว่าเขาได้รับคัมภีร์เซียนมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งอยู่บนภูเขาต้าหยู และหลังจากนั้นหลายร้อยปี เขาก็ประสบความสำเร็จอย่างมากและได้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในใต้หล้า
เขาฝันว่าไม่นานหลังจากเดินทางข้ามมิติมา เขาก็ได้พบกับเสือที่ดุร้ายในระหว่างการล่าสัตว์บนภูเขา เสือเปิดปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวและเลือด จากนั้นมันก็กระโดดเข้าหาเขา
แต่เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยอันตราย มันก็มีเสียงดังกึกก้องปรากฎขึ้นในระหว่างชั้นสวรรค์และปฐพี และโลกตรงหน้าเขาก็แตกสลาย
“อ้า!”
ทันใดนั้นลู่หยวนก็ลุกขึ้นจากพื้น ร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ความรู้สึกชื้นและลื่นจากผิวหนังของเขาที่ถูกลมหนาวพัดผ่านนั้นทำให้เขาสติแตกโดยทันที
ฝันร้ายหรอกหรอ?
การตระหนักรู้นี้เกิดขึ้นในใจของเขา แต่ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้ เสียงทุบตีที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ดึงดูดความสนใจของเขาโดยทันที
ลู่หยวนหันหน้าไปทางต้นกำเนิดเสียง
เขาเห็นว่าที่อุโมงค์ตรงหน้าเขาเสียงกระแทกดังขึ้น เสียงนี้เริ่มเร็วขึ้นและรุนแรงขึ้น
“มีบางอย่างกำลังพยายามพังประตูเข้ามา!”
หลังจากตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ลู่หยวนก็เข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
เขากลืนน้ำลายด้วยความหวาดหวั่น ความกลัวเพิ่มขึ้นในจิตใจ
ปัง! ปัง! ปัง!
ขณะที่ลู่หยวนเริ่มวิตกกังวล เสียงกระแทกประตูก็ยังคงดำเนินต่อไปและเร่งความเร็วขึ้นด้วยซ้ำ
“ไม่ สิ่งนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ฉันไม่รู้ว่าข้างนอกนั้นมีอะไรอยู่ แต่ประตูไม้ของฉันก็มีขีดจำกัด”
เมื่อฟังเสียงกระแทกที่ดังและเร็วยิ่งขึ้น หัวใจของลู่หยวนก็สั่นสะท้าน แต่ในที่สุดเขาก็ฟื้นคืนสติและตระหนักได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์ที่เขาเผชิญอยู่
เมื่อมองดูอุโมงค์อันมืดมิด เขาก็รู้สึกราวกับว่ามีปากขนาดยักษ์กำลังคลานเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ และพร้อมที่จะกลืนเขาเข้าไปทั้งตัว
แต่ในขณะนี้ มันก็ไม่มีที่ว่างสำหรับเขาที่จะหนีหรือถอยแล้ว
หากเขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่โดยไม้ขยับเขยื้อนและรอให้ประตูพัง เขาก็จะต้องตายอย่างแน่นอน
แต่ถ้าเขาออกไปปกป้องมัน ความเป็นตายก็มิอาจรับประกันได้อยู่ดี
เมื่อพิจารณาทางเลือกในใจแล้ว ลู่หยวนจึงตัดสินใจกัดฟันและเดินตรงไปที่กำแพงหินเพื่อหยิบมีดสั้นและลูกธนูที่แขวนอยู่ที่นั่นออกมา
ด้วยอาวุธบนหลังและคบเพลิงในมือ เขาก็มุ่งหน้าไปยังประตูไม้หน้าอุโมงค์
“ขอฉันดูหน่อยเถอะว่าไอ้สัตว์บ้าตัวไหนกันที่มันกล้ามาแหกปากรบกวนเวลาคนจะหลับจะนอน! หากแกต้องการที่จะกินฉัน งั้นก็มาดูกันว่าแกจะทำอะไรฉันได้บ้าง!” ขณะที่ลู่หยวนกำลังเดินไปหน้าอุโมงค์ถ้ำและเผชิญหน้ากับอันตราย ความกลัวในตอนแรกก็ได้แปรเปลี่ยนไปกลายเป็นความมุ่งมั่นอันแรงกล้าแทน
ไม่นานนัก ประตูไม้ก็ปรากฎอยู่ตรงหน้าเขา
ผ่านช่องว่างแคบๆ ที่เขาทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ เขามองออกไปข้างนอกด้วยแสงอ่อนๆ ของคบเพลิงและเห็นเงามืดยาวหลายเงาที่กำลังชนประตูอย่างต่อเนื่อง
เป็นสัตว์พวกนี้เองหรอ?
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ลู่หยวนก็เข้าใจได้ทันทีและชักมีดออกมาโดยไม่ลังเลก่อนจะรีบรุดไปข้างหน้า
ด้วยการสะบัดคมมีด มันก็แทงทะลุผ่านช่องว่างบนประตู มีรอยเลือดสีแดงไหลตามมาขณะที่ของเหลวอุ่นๆ หยดลงบนมือของเขาและทำให้เกิดกลิ่นคาว
สุนัขป่าถูกมีดแทง และอาวุธก็ได้สร้างบาดแผลขนาดใหญ่ขึ้นที่เอวของมัน ร่างของมันถูกแขวนลอยอยู่กับที่ เลือดสดไหลนองออกมาอย่างต่อเนื่อง
สัตว์ร้ายดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด มันส่งเสียงร้องครางแหบแห้งออกมาอย่างรุนแรง และดวงตาสีเขียวคู่นั้นก็ฉายให้เห็นถึงความหวาดกลัว
ในขณะที่มองดูมัน มือของลู่หยวนก็ตวัดมีดลงไปและตามมาด้วยเสียงดังกึก เอวของสุนัขป่าขาดครึ่งโดยทันที ร่างของมันล้มลงกับพื้น จากนั้นลู่หยวนก็ชักมีดสั้นกลับมา
ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา
ในขณะนี้ ฉากความทรงจำและประสบการณ์สิบหกปีจากเจ้าของร่างคนเดิมก็ได้กลายมาเป็นขุมทรัพย์ของเขา!