บทที่ 2: เป็นอมตะ ชีวิตนิรันดร์แต่ไร้ประกัน
บทที่ 2: เป็นอมตะ ชีวิตนิรันดร์แต่ไร้ประกัน
[ พรสวรรค์โดยกำเนิด: เป็นอมตะ ]
[ เอฟเฟกต์พรสวรรค์: บุคคลผู้นี้ได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์ ได้รับอายุยืนยาวที่สุดในหมู่สวรรค์และปฐพี และจะไม่ตายเนื่องจากปัญหาอายุขัย ]
[ หมายเหตุ: แม้ว่าคุณจะไม่ตายเนื่องจากปัญหาอายุขัย แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้คุ้มครองคุณจากจากสาเหตุการตายอื่นๆ ]
[ คุณยังสามารถตายลงเนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้นได้ ]
[ ดังนั้นแม้ว่าคุณจะมีอายุยืนยาว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไร้กังวลได้โดยปริยาย ]
[ ตลอดชีวิตอันยาวนานของคุณ คุณต้องเรียนรู้วิธีหลีกเลี่ยงอันตรายจากการเสียชีวิตลงด้วยปัจจัยภายนอก ซึ่งเป็นการฝึกฝนที่จำเป็นสำหรับผู้ที่มีอายุยืนยาว ]
ลู่หยวนอ่านข้อมูลในใจของเขา และหลังจากอ่านทั้งหมดแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
พรสวรรค์โดยกำเนิด?
เป็นอมตะ?
“นี่ไม่ใช่พรสวรรค์โดยกำเนิดที่ฉันเลือกเมื่อสร้างตัวละครในเกมก่อนที่ฉันจะหมดสติไปใช่ไหม? นี่คือความโกงของฉันหรอ?” ลู่หยวนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงฉากก่อนหน้าของเขาก่อนที่จะข้ามเวลามา
ก่อนที่จะข้ามเวลามา เขากำลังเล่นเกมที่เรียกว่า “เส้นทางเซียนนิรันดร์”
ในเกมนี้ เมื่อผู้เล่นสร้างตัวละครขึ้นมา พวกเขาก็จะสามารถสุ่มรับพรสวรรค์โดยกำเนิดซึ่งจะเป็นลักษณะโดยกำเนิดของตัวละครที่จะอยู่กับพวกเขาไปตลอดการเติบโตได้ ซึ่งมันก็คล้ายกับความโกงที่เขาได้รับมา ณ ตอนนี้
และพรสวรรค์โดยกำเนิดที่ลู่หยวนได้รับก็คือ [ เป็นอมตะ ]
ฉันควรใช้มันยังไงดี?
ในบรรดาพรสวรรค์โดยกำเนิดในเกม พรสวรรค์นี้ก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น มันเหมาะสำหรับผู้เล่นทั่วไป มันทำให้พวกเขาใช้เวลาอันไร้ที่สิ้นสุดเพื่อพัฒนาไปอย่างช้าๆ ได้
ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงจะไม่ตายด้วยปัญหาเรื่องอายุขัยก่อนที่จะทันได้ก้าวหน้า
แต่สำหรับผู้เล่นที่ร่ำรวย พรสวรรค์นี้ก็ไม่มีความหมาย พวกเขาสามารถทะลวงขอบเขตการฝึกตนและเพิ่มอายุขัยได้อย่างรวดเร็ว และพวกเขาก็ยังไม่ต้องมากังวลกับอายุขัยของตัวละครในเกม
“เพราะฉันเล่นเกมก่อนที่จะข้ามมา ดังนั้นพรสวรรค์โดยกำเนิดของตัวละครในเกมของฉันจึงติดตามฉันมาด้วย จากนั้นมันก็กลายมาเป็นความโกงของฉัน มันทำให้ฉันกลายเป็นอมตะ?” ลู่หยวนวิเคราะห์อย่างช้าๆ จากนั้นอารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไป
การเป็นอมตะสำหรับใครหลายๆ คนแล้วเป็นสิ่งที่พวกเขาใฝ่ฝันอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนก็อยากมีชีวิตที่ยืนยาวและไม่แก่ไม่ตาย
ใครจะปฏิเสธการมีชีวิตนิรันดร์ได้?
ด้วยเหตุนี้เอง ลู่หยวนจึงค่อนข้างพอใจกับพรสวรรค์นี้
เพราะท้ายที่สุดแล้ว นี่ก็คือความจริง ไม่ใช่เกม
ใครล่ะจะไม่อยากมีอายุขัยเท่ากับอายุขัยของสวรรค์?
แต่ปัญหาเดียวก็คือ ความโกงนี้มันแทบจะไม่มีประโยชน์กับสถานการณ์ที่เขาพบอยู่ในปัจจุบันเลย
ใช่แล้ว ชีวิตนิรันดร์มันน่าทึ่งมากก็จริง
แต่ดังที่หมายเหตุได้กล่าวไว้ ชีวิตนิรันดร์นั้นเพียงแค่แก้ปัญหาเรื่องอายุขัยก็เท่านั้น มันไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องภัยคุกคามจากปัจจัยภายนอกอื่นๆ
ถ้าเขาถูกคนอื่นฆ่า เขาก็ต้องตาย
ถ้าเขาตกแม่น้ำ เขาก็ต้องตาย
ถ้าเขาตกหน้าผา เขาก็ต้องตาย
ถ้าเขาไม่มีอะไรกิน เขาก็ต้องตาย
ในชีวิตจริงมีอันตรายมากมายที่อาจนำไปสู่ความตายได้
และถ้าคุณไม่มีพลังเพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงอันตรายเหล่านี้ การมีชีวิตนิรันดร์จะไปมีประโยชน์อะไร?
บางทีวันหนึ่งอาจมีอุบัติเหตุที่คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้เกิดขึ้นและคุณก็ต้องจากโลกนี้ไป
“แบบนั้นแล้วการเป็นอมตะเช่นนี้จะไปมีประโยชน์อะไรสำหรับฉันในตอนนี้กัน?”
“สิ่งที่ฉันต้องการคือพลังโกงๆ ที่สามารถเสริมความแข็งแกร่งของฉันได้เลยโดยตรง ไม่ใช่ชีวิตนิรันดร์แต่ไร้ประกัน”
ในเวลานี้ เนื้อย่างก็พร้อมแล้ว ลู่หยวนหยิบเนื้อย่างขึ้นมาด้วยความหดหู่เล็กน้อย เขานำเข้าปากแล้วกัดเข้าไป
แน่นอนว่าเนื้อย่างนั้นไม่ได้มีเครื่องปรุงรสใดๆ เลย มันมีเพียงเกลือเล็กน้อยเท่านั้นที่ทาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มันเสีย
อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบก็จัดอยู่ในชั้นดี เนื้อย่างนี้ทำมาจากกวางป่าที่เจ้าของร่างเดิมล่าได้ในภูเขา
กลิ่นควันผสมกับกลิ่นของไขมันทำให้ลู่หยวนผู้หิวโหยรีบกลืนเนื้อลงไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อกัดเนื้อย่างในแต่ละครั้ง ร่างกายที่หนาวเย็นและหิวโหยของเขาก็ค่อยๆ อบอุ่นขึ้น
เมื่อเขากัดคำสุดท้ายเสร็จ ลู่หยวนก็เดินไปที่ถังไม้ใกล้ๆ เขา เขาตักน้ำใสหนึ่งถ้วยแล้วดื่มมันลงไป
หลังจากถอนหายใจยาว ความรู้สึกพึงพอใจในใจของเขาก็เพิ่มขึ้น
แต่กระนั้นลมหนาวที่พัดมาจากช่องด้านนอกก็ทำให้เขาตัวสั่น เขาต้องนั่งลงข้างกองไฟเพื่อรับความอบอุ่นเพียงอย่างเดียว
เมื่อมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ แสงจากไฟที่อยู่ข้างๆ เขาก็ส่องได้เฉพาะบริเวณด้านในของถ้ำเท่านั้น ในขณะที่อุโมงค์ด้านนอกที่ห่างไกลยังคงเป็นเงาสีดำสนิท
ลมข้างนอกดูเหมือนจะแรงขึ้น
เสียงครวญครางและเสียงลมหอนดังราวกับเสียงสัตว์ป่าร้อง
ด้วยความทรงจำของชีวิตก่อนหน้านี้ ลู่หยวนก็ระบุได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงหอนเหล่านี้คือสัตว์นักล่าที่อาศัยอยู่บนภูเขาเช่นเดียวกันกับเขา
“เสียงนี้อาจฟังดูเหมือนเสียงหญิงชรากำลังคร่ำครวญ แต่มันก็น่าจะเป็นเสียงฝูงสุนัขป่าข้างนอกกำลังมองหาอาหาร และเมื่อพิจารณาจากทิศทางของเสียงร้องแล้ว เหยื่อครั้งนี้ก็น่าจะเป็นหมูป่าใช่รึเปล่านะ?” ลู่หยวนฟังเสียงของสัตว์ป่าที่ดังมาตามสายลม และหลังจากระบุตัวพวกมันได้ เขาก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย
สิ่งที่เรียกว่าสุนัขป่าแท้จริงแล้วคือหมาจิ้งจอก ซึ่งเป็นกลุ่มสัตว์ที่ดุร้ายและทรงพลังที่สัญจรไปมาบนภูเขาต้าหยู
พวกมันปรากฏตัวพร้อมกันเป็นกลุ่ม ดุร้ายและมีไหวพริบ สิ่งนี้ทำให้แม้แต่ฝูงหมาป่าก็ยังต้องหลีกเลี่ยงพวกมัน แม้แต่ราชาแห่งขุนเขา เสือดุร้าย ก็ยังไม่เหมาะกับกลุ่มสุนัขป่าเหล่านี้
เมื่อกลุ่มนักล่าที่ดุร้ายออกไปข้างนอกในฐานะผู้พักอาศัยบนภูเขา ลู่หยวนจะไม่รู้สึกกังวลและหวาดกลัวได้อย่างไร
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เขาก็ยืนขึ้นเดินไปที่กำแพงหิน เขาหยิบคบเพลิงที่ห้อยอยู่บนนั้นแล้วเดินไปที่อุโมงค์
หลังจากผ่านไปประมาณสิบขั้น ทางเข้าอุโมงค์ก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา
ประตูไม้เรียบง่ายที่ทำจากลำต้นของต้นไม้กำลังขวางทางเข้าอยู่
เนื่องจากมีสัตว์ป่าจำนวนนับไม่ถ้วนบนภูเขา เจ้าของร่างเดิมที่อาศัยอยู่ที่นี่จึงจำเป็นต้องเพิ่มการป้องกันเป็นพิเศษ
ประตูไม้ที่อยู่ตรงหน้าเขานี้เป็นเครื่องป้องกันที่ดีที่สุดในการสกัดกั้นสัตว์ป่าผู้หิวโหยเอาไว้
ประตูทำจากลำต้นของต้นไม้หนา 3 นิ้วและยึดเข้าหากันด้วยเชือกที่มัดเป็นปม มันทำให้ทนทานพอที่จะทนต่อแรงกระแทกของสัตว์ป่าธรรมดาได้
เมื่อปีที่แล้ว มีหมาป่าตัวหนึ่งพยายามจะฝ่าประตูเข้ามา
แต่สุดท้ายมันก็ถูกประตูไม้กั้นไว้ และสุดท้ายมันก็ต้องถอดใจหลังจากพยายามอยู่นาน
ด้วยเหตุนี้เอง ประตูบานนี้จึงได้รับการทดสอบแล้ว
เลยประตูไม้ไป มีเถาวัลย์และกิ่งไม้ปกคลุมทางเข้าอยู่เป็นชั้นๆ มันทำหน้าที่เป็นเครื่องพรางตัวชั้นนอกสุด
เถาวัลย์ ประตูไม้ มีดและลูกธนู สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานของการเอาชีวิตรอดของนายพรานบนภูเขาแห่งนี้