ตอนที่แล้วตอนที่ 105 : สัตว์ประหลาดจากหมอกทมิฬ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 107 : เยือนภูเขามังกร

ตอนที่ 106 : เนื้อ!


ตอนที่ 106 : เนื้อ!

วันที่ 103 ของปฏิทินแห่งวันสิ้นโลก วันพฤหัสบดี

วันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีซอมบี้หรือคนบ้า มันเป็นวันที่งดงามและราบรื่นมาก

วันที่ 104 ของปฏิทินแห่งวันสิ้นโล วันศุกร์

หลังจากงีบหลับในตอนบ่ายแล้ว ลู่หมิงก็เดินขึ้นไปที่หอคอยเพื่อมองหาซอมบี้เพื่อเตรียมจะฟาร์มทักษะการโจมตีระยะไกล

อย่างไรก็ตาม เขาก็เห็นเงาสีดำอันหนึ่งที่กำลังบินเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วจากเส้นขอบฟ้า

วิสัยทัศน์อันยอดเยี่ยมของเขาทำให้ลู่หมิงมองเห็นรูปลักษณ์ของเงาดำได้อย่างเต็มที่

อีกายักษ์เหรอ?

ปีกของมันยาวเกือบห้าเมตร และมันก็มีดวงตาสีเขียวคู่หนึ่งพร้อมกับขนสีดำที่ปกคลุมร่างกาย มันดูเหมือนอีกายักษ์เลย

สิ่งนี้ทำให้ลู่หมิงขมวดคิ้ว

“ไม่น่าจะใช่”

ฮั่วเซิงได้วิจัยการปรับตัวของสัตว์ที่มีต่อสสารลึกลับแล้ว

การวิจัยนั้นได้ข้อสรุปว่าสัตว์และพืชไม่อาจกลายพันธุ์ได้เนื่องจากอิทธิพลของสสารลึกลับ พวกมันจะไม่มีทางกลายเป็นซอมบี้หรือผู้ตื่นได้

สสารลึกลับดูเหมือนจะมีผลแค่กับมนุษย์เท่านั้นโดยไม่มีผลต่อสัตว์หรือพืชเลย

นี่ทำให้การปรากฏตัวของอีกายักษ์นั้นค่อนข้างไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์

สายตาของมันเฉียบแหลมมาก

หอสังเกตการณ์ของลู่หมิงนั้นสะดุดตามาก และเมื่อรวมกับข้อเท็จจริงที่ว่าลู่หมิงได้จ้องมองมันอยู่นานแล้ว อีกายักษ์จึงดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงตัวตนของลู่หมิง

อีกายักษ์เปล่งเสียงร้องยาวออกมา

จากนั้นมันก็หันมามองลู่หมิง และมันก็กระพือปีก และพุ่งเข้ามาหาเขาราวกับลูกธนู

“หืม? มันเป็นศัตรูงั้นเหรอ?”

ลู่หมิงเครียดขึ้นมา

จากนั้นเขาก็หยิบเอาปืนไรเฟิลยาวสองเมตรออกมาจากใต้เท้า

ลู่หมิงชอบสัตว์ตัวเล็กๆ แต่นั่นก็จำกัดอยู่แค่สัตว์ตัวเล็กๆ เท่านั้น

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ลู่หมิงจะเว้นระยะห่างจากสัตว์ที่มีศักยภาพจะทำร้ายเขาได้มาโดยตลอด แม้ว่ามันจะเป็นสุนัขหรือแมวก็ตาม

แน่นอนว่าขนาดตัวของนกยักษ์นี้ก็เกินกว่าคำว่าสัตว์ตัวเล็กๆ ไปอย่างชัดเจน และความเป็นปรปักษ์ของมันก็เผยออกมาอย่างชัดเจน มันดูเหมือนจะไม่สามารถเจรจากันได้แล้ว

เขาเล็งเป้าและลั่นไก

ด้วยทักษะการยิงปืนระดับ 25 ลู่หมิงจึงสามารถยิงโดนเป้าหมายที่เขาต้องการได้อย่างแม่นยำ

พร้อมด้วยเสียงดังปัง แรงสะท้อนอันรุนแรงจากปืนก็กระแทกเข้าใส่ลู่หมิง แต่มันก็ไม่สามารถทำให้ร่างกายอันแข็งแกร่งของเขาสั่นไหวได้แม้แต่น้อย

ในทางกลับกัน นกยักษ์ที่กำลังพุ่งเข้ามาก็ถูกยิงเข้าที่หัวและเหมือนกับถูกค้อนกระแทกเข้าใส่อย่างแรง

ด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว ศีรษะของนกยักษ์จึงระเบิดออกทันที ร่างกายของมันยังคงบินต่อด้วยแรงเฉื่อย มันกระทั่งกระพือปีกอยู่สองครั้งก่อนที่จะร่อนลงมาเหมือนเครื่องบินที่ตกจากฟ้าและกระแทกลงกับพื้นไม่ไกลจากหมู่บ้านกู๊ดโฮป

จนถึงตอนนี้ พลังของอาวุธปืนก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันสามารถพึ่งพาได้หากพวกมันไม่ได้เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่มีความสามารถในการฟื้นฟูที่แข็งแกร่งมาก

เหตุการณ์นี้ไม่ได้มีความสำคัญสำหรับลู่หมิงเลย

หลังจากจัดการกับนกประหลาดนั่นได้แล้ว ลู่หมิงก็ถือปืนไรเฟิลหนักเอาไว้และค้นหาเป้าหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม เสียงกระแทกพื้นอันดังสนั่นหวั่นไหวของนกยักษ์ก็ได้ดึงดูดความสนใจของคนในหมู่บ้านกู๊ดโฮป

“นั่นมันอะไรน่ะ?”

เสียงกระแทกนี้ทำให้หลี่ซีถงสะดุ้ง เขาหันไปมองทันที แต่ก็ไม่พบอะไร

มันเป็นจ้าวหงเล่ยที่พูดออกมา “นกแปลกๆ ตัวหนึ่งถูกพี่ลู่ยิงตาย”

เขาชี้ไปยังทิศทางที่นกยักษ์ตกลงมา จ้าวหงเล่ยประเมินคร่าวๆ และพูดออกมาว่า “ฉันจะไปเก็บซากของมันมาเอง”

หลี่ซีถงพยักหน้าทันที

จ้างหงเล่ยมีพลังพิเศษในการพรางตัว หลังจากเขากลายเป็นผู้ตื่นระดับสามไม่กี่วันก่อน ความสามารถในการพรางตัวของเขาก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

มันจึงไม่มีใครเหมาะสมจะออกไปข้างนอกยิ่งไปกว่าจ้าวหงเล่ยแล้ว

จ้าวหงเล่ยหยิบหอกขึ้นมาและเดินออกไปจากฐานที่มั่น หลังจากผ่านไปประมาณ 20 นาที จ้าวหงเล่ยก็เดินกลับมา และแบกศพของนกยักษ์กลับมาด้วย

เขาวางศพของมันลงกับพื้น จากนั้นจ้าวหงเล่ยก็บิดไหล่ของตัวเองและกล่าวว่า “พี่ลู่ได้ฆ่าสิ่งมีชีวิตแปลกๆ อีกแล้ว”

จ้าวหงเล่ยทึ่งไปกับขนาดอันใหญ่โตของนกแปลกๆ ตัวนี้

อีกด้านหนึ่ง ดวงตาของหลี่ซีถงก็เปล่งประกายขึ้นมา

เขาเดินวนรอบๆ ร่างของมัน หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็ถามเบาๆ ด้วยสีหน้าแปลกๆ “ลุงหงเล่ย นายคิดว่ามันกินได้ไหม?”

คำพูดของเขาทำให้จ้าวหงเล่ยพูดไม่ออก

หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็พูดออกมาอย่างไม่มั่นใจ “ฉันคิดว่า… น่าจะได้นะ”

ฐานที่มั่นถนนกวนผิงเป็นชุมชนประชาธิปไตย

ที่นี่ นอกเหนือจากลู่หมิงแล้ว แม้ว่าจะเป็นผู้ตื่นก็ไม่ได้รับการดูแลอะไรเป็นพิเศษ พวกเขาอาจจะได้ที่พักที่ดีกว่าเท่านั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องอาหาร ทุกคนก็ได้รับเท่ากันหมด

แม้ว่าเสบียงของที่นี่จะไม่ได้ขาดแคลน แต่ด้วยวิกฤตวันสิ้นโลก เรื่องการขาดแคลนอาหารก็ย่อมเป็นเรื่องปกติ

นี่เป็นผลทำให้หลี่ซีถงและจ้าวหงเล่ยไม่ได้ลิ้มรสเนื้อมาสักพักแล้ว

ในตอนนี้ เมื่อพวกเขามองไปยังนกยักษ์ตัวนี้… มันก็ดูเหมือนว่ามันจะกินได้เลย

แน่นอนว่าทั้งหลี่ซีถงและจ้าวหงเล่ยก็ไม่ใช่คนที่ทำอะไรไม่คิด เนื่องจากพวกเขารู้กฎของที่พักพิงดี

มันยังคงต้องมีการตรวจสอบที่จำเป็นอยู่ดี

ส่วนทางฝั่งของลู่หมิงก็ไม่ได้สนใจเรื่องอะไรพวกนี้เลย

จนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็นเมื่อลู่หมิงเข้าไปในห้องอาหารและเห็นโต๊ะอาหาร เขาก็ขมวดคิ้วทันที

มันมีข้าวแค่สามหม้อและผัดผักห้าจานเท่านั้น…

มันจะพอได้ยังไง?

แต่ลู่หมิงก็ไม่ใช่คนที่ชอบตำหนิคนอื่น

เขาเหลือบมองไปยังจางเฉิงเฉิงและเว่ยหลานที่กำลังยิ้มอยู่ จากนั้นเขาก็นั่งลงและหยิบตะเกียบขึ้นมา

“ไก่เหรอ?”

“ค่ะ”

“ไม่ใช่ว่าอาหารใกล้หมดแล้วเหรอ?”

“พวกเรายังพอเหลืออยู่ค่ะ”

ในเมื่อยังเหลืออยู่ งั้นทำไมถึงให้มาน้อยนักล่ะ?

ลู่หมิงอยากจะถาม แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกไป เขากินข้าวเข้าไปเต็มคำและหยิบไก่ชิ้นหนึ่งขึ้นมา

ในขณะที่เขาคีบเนื้อไก่เอาไว้ ลู่หมิงก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่แปลกๆ

เนื้อไก่ทั่วไปจะขาดครึ่งทันทีที่เขาคีบไว้แบบนี้ แต่คราวนี้ เนื้อไก่นี้กลับให้ความรู้สึกเหนียวและยืดหยุ่นเป็นพิเศษ

ลู่หมิงเลิกคิ้วขึ้น และหยิบเนื้อไก่เข้าปาก

ความหวานจางๆ และเนื้อแน่นระเบิดขึ้นบนต่อมรับรสของเขาทันที

“อืม—”

เขาเคี้ยวมันอยู่ 20 ครั้งก่อนที่จะกลืนมันลงไป

อึดใจต่อมา ลู่หมิงก็รู้สึกถึงพลังงานที่เอ่อล้นขึ้นมาทันที

“นี่ไม่ใช่เนื้อธรรมดา”

มันไม่ใช่แค่รสชาติของมันจะต่างออกไปเท่านั้น แต่พลังงานที่อยู่ภายในเนื้อก็ยังต่างออกไปด้วย

ในขณะที่สมรรถภาพทางร่างกายของลู่หมิงเพิ่มขึ้น ความสามารถในการย่อยอาหารของเขาก็ดีขึ้นมากเช่นกัน โดยปกติแล้ว พลังงานอันน้อยนิดที่มีอยู่ในอาหารทั่วไปก็จะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วและแปลงเป็นแคลอรี่เพื่อบำรุงรักษากล้ามเนื้อของลู่หมิง

นั่นคือเหตุผลพื้นฐานว่าทำไมลู่หมิงจึงต้องกินอาหารในแต่ละมื้อเกือบหนึ่งชั่วโมง เพราะพลังงานที่มีอยู่ในอาหารทั่วไปนั้นมีน้อยเกินไป

มันไม่เกินจริงไปเลยที่จะบอกว่าอาหารในแต่ละมื้อของลู่หมิงนั้นเติมเต็มความอิ่มของเขาได้แค่เพียงครึ่งท้องเท่านั้น

มันไม่ใช่เพราะเสบียงไม่เพียงพอ แต่เป็นเพราะถ้าเขาอยากกินให้เต็มที่ ลู่หมิงก็อาจจะต้องกินไม่หยุดตลอด 24 ชั่วโมง

แต่เนื้อที่เขากินในครั้งนี้ก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!

แค่เนื้อเพียงชิ้นเดียว ลู่หมิงก็รู้สึกว่าความรู้สึกหิวที่น่ารำคาญได้หายไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขารู้สึกราวกับกระหายน้ำมาเป็นเวลานาน และในที่สุดก็ได้รับน้ำหวาน และจิตวิญญาณของเขาก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาทันที

เมื่อเทียบกับความรู้สึกพึงพอใจแล้ว รสชาติก็เป็นเพียงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

“นี่มันเนื้ออะไรกัน?”

ในขณะที่เขากัดเนื้อเข้าไปอีกคำ ลู่หมิงก็เข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมอาหารวันนี้จึงมีน้อยนัก

ความไม่พอใจของเขาหายไปทันทีเมื่อเขามองไปที่จางเฉิงเฉิงที่ยิ้มอยู่ จากนั้นเขาก็ถามเธอ

จางเฉิงเฉิงปิดปากและกล่าวออกมา “มันคือเนื้อจากนกยักษ์ตัวนั้น”

ลู่หมิงคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าเข้าใจ

“นกดี ช่างเป็นนกที่ดีจริงๆ!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด