1360 - รับศิษย์
1360 - รับศิษย์
“คุณชายโหย่วก็มาที่นี่ด้วยหรือ!”
การชุมนุมดำเนินต่อไปอีกครึ่งชั่วยาม ในขณะนี้มีชายหนุ่มและหญิงสาวสองคนปรากฏตัวขึ้นภายในห้องโถงที่ทุกคนกำลังประชุมกัน หวงเทียนหนี่เป็นคนแรกที่จะจำกลิ่นอายของผู้มาใหม่ได้
พวกเขาแต่งกายด้วยชุดร่วมสมัยซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากผู้คนจำนวนมากที่สวมชุดนักพรตเข้าร่วมงานชุมนุมครั้งนี้
โหย่วเหวยอวี้เป็นชายที่มีใบหน้าและรูปร่างหล่อเหลา หญิงสาวที่ยืนอยู่เคียงข้างเขาคือเอี๋ยนเสี่ยวอวี้หญิงงามที่อยากจะหาใครเทียบได้ ทั้งสองคนนี้คือคู่คู่หูอัจฉริยะแห่งคุนหลุน
“ข้าอยากให้พวกเจ้าเคารพน้องเย่ฟ่านเป็นอาจารย์ รีบทำความเคารพเขาเสีย” ปรมาจารย์เสวี่ยเฉินกล่าว
เมื่ออัจฉริยะทุกคนมารวมตัวกันในห้องโถงแล้วปรมาจารย์หลายคนต่างก็แสดงเจตจำนงอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่านี่ต่างหากคือจุดมุ่งหมายที่แท้จริงในงานชุมนุมครั้งนี้
ก่อนหน้านี้ไม่นานอัจฉริยะสี่คนที่เข้าร่วมงานชุมนุมครั้งนี้ได้ลงมือโจมตีเย่ฟ่านอย่างดุร้าย และไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องบังคับให้เย่ฟ่านต่อสู้ให้ได้
สาเหตุทั้งหมดก็เป็นเพราะพวกเขาต้องการทดสอบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเย่ฟ่านผู้ที่จะกลายเป็นอาจารย์ในอนาคตของพวกเขานั่นเอง!
ในปัจจุบันไม่มีผู้ใดมีความสามารถเทียบเท่าเย่ฟ่านอีกแล้ว หากเย่ฟ่านรับพวกเขาเป็นศิษย์ จะถือเป็นโชควาสนาที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
การได้เป็นศิษย์ของเย่ฟ่านนี่ไม่เพียงเป็นโชควาสนาของพวกเขาเท่านั้น แต่มรดกที่เย่ฟ่านถ่ายทอดให้ยังจะดำรงต่อไปในนิกายของพวกเขาอย่างไม่สิ้นสุดอีกด้วย!
ในท้ายที่สุด ปรมาจารย์ของภูเขาหลงหู่ก็เรียกทายาทของเขาชื่อจางชิงหยางให้มาแสดงความเคารพต่อเย่ฟ่านเพื่อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วย
หวงเทียนหนี่ จ้านปี้ฟ่าน หลงเสี่ยวเชวีย คู่หูอัจฉริยะแห่งคุนหลุน เทพธิดาเฟิ่งหวง และจางชิงหยาง
พวกเขาเหล่านี้ถือเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ และแข็งแกร่งที่สุดในบุคคลรุ่นปัจจุบัน และตอนนี้พวกเขาทุกคนต่างก็คุกเข่าอยู่ต่อหน้าเย่ฟ่านพร้อมกับแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม
เทพธิดาเฟิ่งหวงเป็นคนที่กระตือรือร้นมากที่สุด นางไม่มีลักษณะของความเย่อหยิ่งอีกต่อไป ดวงตากลมโตของนางเต็มไปด้วยความขี้เล่น ในขณะนี้นางกอดขาข้างหนึ่งของเย่ฟ่านไว้แน่นเมื่อเห็นว่าเขาไม่แสดงท่าทีอย่างไรออกมา
หลงเสี่ยวเชวียเป็นคนที่เย็นชาที่สุด เขาเป็นแบบนี้ เขาตรงไปตรงมา เขากล่าวเพียงคุกเข่าแสดงความเคารพต่อเย่ฟ่านจากนั้นก็ถอยออกมาอย่างนอบน้อมและรอคอยให้เย่ฟ่านเป็นผู้ตัดสินใจเอง
เมื่อมีผู้คนมากมายร้องขอ เย่ฟ่านยังคงส่ายหน้าโดยไม่ได้มีความตั้งใจที่จะสอนพวกเขาในฐานะลูกศิษย์ เขาเพียงต้องการให้คำแนะนำคนเหล่านี้เท่านั้น
“พี่เย่โปรดคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง เด็กๆ เหล่านี้ล้วนมีความสามารถ แต่น่าเสียดายที่อยู่ผิดยุคสมัย ในยุคปัจจุบันโลกเข้าสู่ยุคสิ้นสุดธรรมแล้ว หากไม่ได้รับการชี้นำจากผู้ยิ่งใหญ่เช่นเจ้า เกรงว่าเมื่อมีศัตรูจากต่างโลกปรากฏตัวขึ้น เราจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีของพวกเขาได้”
เหล่าผู้อาวุโสหลายคนเริ่มอ้อนวอน พวกเขาประสานมือแสดงความเคารพเย่ฟ่าน บางคนต้องการคุกเข่าลงเพื่อขอให้เย่ฟ่านพิจารณาอีกครั้ง
ปรมาจารย์ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงนี้ล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของโลกทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามมรดกของพวกเขาสิ้นสูญไปแล้ว พวกเขาไม่อาจปล่อยให้อัจฉริยะที่แข็งแกร่งเช่นนี้ต้องมีจุดจบเช่นเดียวกับตัวเองได้
เมื่อเห็นสามารถของเย่ฟ่าน พวกเขารู้ดีว่าควรขอคำแนะนำจากเขา ไม่เช่นนั้นด้วยความสามารถของปรมาจารย์ทุกคนที่อยู่ที่นี่มันไม่เพียงพอที่จะสั่งสอนให้อัจฉริยะเหล่านี้เหนือกว่าตัวเองได้
“พี่เย่ ความรู้ในด้านทักษะเต๋าของเจ้าไม่มีใครในโลกนี้เทียบได้อย่างแน่นอน ในไม่ช้าเจ้าก็คงจากไปเหมือนเช่นบรรพชนยุคโบราณ เมื่อเจ้าไปแล้วเจ้าจะปล่อยให้โลกที่เป็นบ้านเกิดของเจ้าถูกทิ้งไว้เช่นนี้หรือ?”
นี่คือคำกล่าวของปรมาจารย์เสวี่ยเฉินแห่งคุนหลุน คำพูดของเขาทำให้เย่ฟ่านสะดุ้งเล็กน้อย
แน่นอนว่าโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดให้เขาอาลัยอาวรณ์อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เขาปรารถนามีเพียงการกลับไปที่เป่ยโต้วเท่านั้น
ในท้ายที่สุด เย่ฟ่านก็เห็นด้วยและยอมรับคนเหล่านี้เป็นศิษย์ ในเวลาเดียวกัน เขายังต้องการใช้นิกายเหล่านี้เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับผู้ยิ่งใหญ่ในยุคโบราณ พวกเขาอาจมีความรู้บางอย่างที่เย่ฟ่านสามารถนำมาใช้อ้างอิงได้
การชุมนุมครั้งนี้จบลงด้วยดี ทุกคนพึงพอใจและรู้สึกว่าการชุมนุมครั้งนี้คุ้มค่า การได้เห็นพลังเหนือธรรมชาติอันยิ่งใหญ่จากเย่ฟ่านถือเป็นประโยชน์สูงสุด
เย่ฟ่านคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกในยุคปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย เขาสามารถต่อสู้กับเทวทูตจำนวนมากได้โดยไม่กินแรงแม้แต่น้อย สิ่งนี้เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาทรงพลังมากเพียงใด
พวกเขารู้ว่าในไม่ช้าเย่ฟ่านจะเข้าร่วมสงครามครูเสดเพียงลำพัง! เพราะเย่ฟ่านต้องการนำสมบัติโบราณที่ถูกเทวทูตตกสวรรค์แห่งเยรูซาเลมแย่งชิงไปกลับคืนมา
“พิพิธภัณฑ์ของเราไม่หลงเหลือสิ่งใดแล้ว พวกมันแย่งชิงสมบัติทั้งหมดไปที่เยรูซาเลม!”
เมื่อกล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ หลายนิกายก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
สมบัติของบรรพชนเกือบทั้งหมดจากประเทศจีนถูกปล้นเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว เป็นที่น่าเสียดายที่มันถูกนำไปจัดแสดงในตะวันตก และในขณะนี้ยังไม่สามารถเอาคืนกลับมาได้
“ข้าจะออกเดินทางและนำสมบัติของบรรพชนทั้งหมดกลับมา”
เย่ฟ่านกล่าวโดยไม่แยแส และมองไปทางทิศตะวันตกอันห่างไกล
จากนั้น เขาก็พาศิษย์หลายคนลงจากภูเขา และออกจากสำนักซานชิง เขาปฏิเสธคำเชิญจากเหล่าผู้อาวุโสที่จะให้ทุกคนบ่มเพาะอยู่ที่นี่
ในขณะที่เย่ฟ่านและลูกศิษย์ออกเดินทางจากภูเขาเหมาซานไปได้หลายร้อยกิโลเมตร ในขณะนี้ก็มีปราณกระบี่ที่ทรงพลังปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าอีกครั้ง
ปราณกระบี่นี้มีลักษณะสีทองแตกต่างจากปราณกระบี่ที่โจมตีเมื่อทุกคนอยู่ในห้องโถงของวัดเต๋าโบราณบนภูเขาเหมาซาน ซึ่งมันชัดเจนแล้วว่าผู้ที่ลงมือลอบสังหารเย่ฟ่านในครั้งนี้ไม่ใช่ยอดฝีมือคนเดิม
“เกิดอะไรขึ้น?”
โหย่วเหวยอวี้ หวงเทียนหนี่ และคนอื่นๆ อุทานด้วยความตกใจ การโจมตีครั้งนี้ยังรุนแรงมากกว่าครั้งก่อนหลายเท่า พวกเขาทั้งหมดพร้อมที่จะต่อสู้ ทุกคนรอเพียงคำสั่งจากเย่ฟ่านเท่านั้น
“มีคนต้องการกำจัดข้า พวกมันกำลังรนหาที่ตาย!” เย่ฟ่านเปล่าอย่างเย็นชา
เย่ฟ่านเพิ่งแสดงพลังของเขาในเหมาซาน แต่มีคนที่ไม่กลัว และต้องการสังหารเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก ปราณกระบี่นี้มีขนาดใหญ่โตจนน่าเหลือเชื่อ อัจฉริยะทุกคนที่อยู่ที่นี่ไม่เคยเห็นการโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อน
ปราณกระบี่ขนาดใหญ่กดลงมาจากด้านบนด้วยความดุร้าย พลังทำลายล้างของมันเพียงพอที่จะสั่นสะเทือนสวรรค์พิภพอย่างแน่นอน
“อาวุธของราชาผู้ยิ่งใหญ่!”
ภายในดวงตาของเย่ฟ่านปรากฏความเย็นชา อาวุธชิ้นนี้มีกลิ่นอะไรที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความชอบธรรม
อย่างไรก็ตามตัวเขาเคยต่อสู้กับอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นอาวุธในระดับเซียนที่แท้จริงเขายังไม่เกรงกลัว นับประสาอะไรกับอาวุธของราชาผู้ยิ่งใหญ่
สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาเรียกศิษย์ทุกคนให้ถอยกลับไปทางด้านหลัง ในขณะที่นิ้วของเขาประกบเข้าหากันพร้อมกับฟาดฟันปราณกระบี่ตอบโต้กลับไปทันที
หลงเสี่ยวเชวีย โหย่วเหวยอวี้และคนอื่นๆ ต่างตกใจเป็นอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นเย่ฟ่านโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของเขา
เลือดสีทองในร่างกายของเย่ฟ่านเดือดพล่านราวกับหินหนืดที่ร้อนระอุ พลังของเย่ฟ่านเกือบจะทำให้ศิษย์ที่ขอติดตามเขามาล้มลงกับพื้น
ไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่าการโจมตีครั้งนี้เย่ฟ่านมุ่งมั่นที่จะสังหารผู้ลอบโจมตีในกระบวนท่าเดียวด้วย
“นี่คือพลังการต่อสู้ที่แท้จริงของปรมาจารย์แห่งเป่ยโต่วหรือไม่?”
แม้แต่หลงเสี่ยวเชวียที่ไม่เต็มใจในการเป็นศิษย์เย่ฟ่านก็ต้องตกตะลึงกับพลังอันมหาศาลของเย่ฟ่านในขณะนี้ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านจนแทบจะคุกเข่าลงบนพื้น
พลังอันยิ่งใหญ่เช่นนี้แม้จะเคยได้ยินว่ามันเคยปรากฏมาในยุคโบราณอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะทรงพลังถึงขนาดนี้ได้
เย่ฟ่านนั้นแข็งแกร่งมาก การโจมตีของเขาสามารถสังหารราชาผู้ยิ่งใหญ่นับสิบคนได้ไหมครั้งเดียว นับประสาอะไรกับอาวุธราชาเพียงหนึ่งชิ้น
“อาวุธของราชาเต๋า!” จ้านปี้ฟ่านก็อุทานด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
โครม!!!
เสียงคำรามของมังกรเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและสั่นสะเทือนทั้งสวรรค์พิภพ
ในขณะนี้ กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านไปทั่วโลก แม่น้ำและภูเขายาวหลายพันกิโลเมตรเกิดเสียงคำราม ภูเขาอันยิ่งใหญ่หลายสิบลูกในบริเวณใกล้เคียงพังทลายลงทันที
“นี่คือ... ผนึกทองแดงเก้ามังกร มันเป็นอาวุธโบราณที่มีชื่อเสียง สามารถใช้ปราบปรามราชาผู้สังหารเต๋าได้!” หลงเสี่ยวเชวียกล่าว
………