บทที่ 536: โลหะว่างเปล่า เทคโนโลยีช่วยได้!
ภายใต้แสงแดดอันสดใส เด็ก ๆ หลายคนในชุดขาด ๆ กำลังเล่นกันอยู่บนพื้นหญ้า
เด็ก ๆ เหล่านั้นยังเล็กเกินไป ดูไร้เดียงสาประมาณสี่ซ้าห้าขวบกันเท่านั้น และใบหน้าแต่ละคนก็ดูสมกับเป็นเด็กดีเหมือนกัน
เนื่องจากยังไม่โตพอจึงยังไม่อาจติดตามพ่อแม่เข้าไปสำรวจซากปรักหักพังที่มีอันตรายอะไรซ่อนอยู่บ้างก็ไม่รู้ได้ ดังนั้นพวกพ่อแม่เด็กก็เลยทิ้งลูก ๆ ให้วิ่งเล่นกันข้างนอกไปก่อนและสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดว่าอย่าตามเข้าไปในซากปรักหักพัง
ส่วนพวกพี่ ๆ ที่โตหน่อยก็ให้ติดอาวุธง่าย ๆ ตามพ่อแม่ไปหาของในซากปรักหักพังที่พอจะสามารถเอามาแลกเปลี่ยนเป็นอาหารได้
ถังเจิ้นค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเด็ก ๆ และคุกเข้าข้างหนึ่งจ้องมองหนึ่งในเด็ก ๆ เหล่านั้น
“น้อง ๆ ขอพี่ดูที่น้องห้อยคอหน่อยได้มั้ย”
เด็กคนนี้ดูเหมือนจะเป็นลูกผสมระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์กับเผ่าพันธุ์อื่น มีดวงตากลมมนดูซื่อ ๆ และเข้มแข็งน่ารักไม่หยอกเลยทีเดียว
เจ้าเด็กน้อยเมื่อได้ยินถังเจิ้นพูดแบบนั้นก็เชิดหน้ายืดอกอย่างกล้าหาญโชว์ของทีตนเองห้อยคออยู่ให้ถังเจิ้นดู
เป็นจี้ห้อยคอหยาบ ๆ ซึ่งดูเหมือนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแล้วเอามาห้อยเป็นจี้มากกว่า พื้นผิวของมันปกคลุมไปด้วยลายเส้นแปลก ๆ ที่เหมือนกับเปลวไฟอีกทั้งยังดูงดงามด้วย
เมื่อมองดูใกล้ ๆ จะเห็นรอยไหม้ รอยหลอมเหลว ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเศษอุกาบาต
ยิ่งถังเจิ้นดูก็ยิ่งแน่ใจเลยว่านี่แหละสิ่งที่ตนเองตามหาอยู่ สิ่งที่หลินซูจื่อเรียกว่าโลหะว่างเปล่า!
ชิ้นส่วนของเด็กน้อยนี่ก็พอให้ใช้สร้างแหวนเก็บของได้แล้วซึ่งแน่นอนว่ามีค่ากับถังเจิ้นอย่างยิ่ง
“พี่ชอบอันนี้มาก เรามาแลกของกันดีมั้ย”
ครั้นจะให้นักรบระดับราชามาปล้นเด็กน้อยคนหนึ่งนี่ก็บาปหนาอยู่ ดังนั้นก็ต้องใช้วิธีแลกของกันนี่แหละ
เจ้าหนูที่หน้าซื่อตาใสแต่กล้าหาญชาญชัยกลับมีสีหน้าลำบากใจและทำคิ้วขมวดเป็นปมราวกับกำลังคิดว่าถ้าแลกกันแล้วตัวเองจะขาดทุนมั้ย
ถังเจิ้นเห็นแบบนั้นก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้และหยิบของสิ่งหนึ่งออกมายื่นให้อีกฝ่าย
เป็นแผ่นหยกขนาดเท่าไข่ไก่ มันทั้งอบอุ่นและสุกใส แกะสลักไว้ด้วยอักขระอันงดงาม มีการประดับโดยฝังลูกปัดสมองไว้ตรงกลาง และด้านหลังมีตราแผ่นดินของเมืองเชิ่งหลงแกะสลักเอาไว้อีก
หากผู้พเนจรที่มีประสบการณ์หน่อยเห็นออร่าที่กระจายออกมาจากลูกปัดสมองล่ะก็จะรู้ได้ในทันทีเลยว่ามันคือลูกปัดสมองระดับลอร์ดของแท้ ซึ่งมีค่าเทียบเท่ากับลูกปัดสมอง 1 แสนเม็ด!
ทว่านั่นมันก็แค่คุณค่าของลูกปัดสมองอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อเอามาประกอบเข้ากับหยกวิญญาณแล้วมูลค่านี่ยิ่งประเมินค่ามิได้
สิ่งนี้เรียกได้ว่าคุ้มเกินคุ้มตั้งแต่แรกเห็น แม้เจ้าตัวเล็กจะยังเด็กอยู่ก็ตามแต่ก็ยังตัดสินได้ว่านี่เป็นของดีเพราะมันเท่กว่า!
ในเมื่อคิดว่าสิ่งที่อีกฝ่ายให้ดูเท่กว่าของที่ตัวเองมี เจ้าหนูน้อยจึงตกลงยอมแลกอย่างไม่ลังเลใจ
ถังเจิ้นยิ้มแล้วรับจี้นั้นมานั่งดูข้าง ๆ และเริ่มศึกษาลักษณะของโลหะว่างเปล่านี้
เหตุผลที่เขามอบสิ่งของล้ำค่าขนาดนั้นให้กับเด็กน้อยก็มีสาเหตุอยู่ หนึ่งเลยคือเด็กน้อยนั่นมีสายเลือดของมนุษย์ไหลเวียนอยู่ในร่าง สองคือเด็กคนนี้มีคุณสมบัติดี หากมีหยกวิญญาณที่เขาให้ไปเข้าช่วยก็น่าจะประสบความสำเร็จได้บ้างในอนาคต
เรื่องนี้ล้วนเป็นเพราะความเอาแต่ใจของตัวถังเจิ้นเองล้วน ๆ ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรอื่น
ถังเจิ้นรู้ดีอยู่แล้วว่าทำไมคนไม่ผิดแต่ผิดที่ครอบครองหยก ดังนั้นจึงยังรออยู่ที่นี่ไม่ไปไหนเพื่อบอกให้พ่อแม่ของเด็กน้อยรู้ว่าจะต้องจัดการกับปัญหาที่จะตามมายังไง
และแน่นอนเหตุผลหลักก็คืออยากจะถามพ่อแม่เด็กด้วยว่าไปได้โลหะว่างเปล่านี้มาจากไหน
ไม่นานหลังจากนั้นพ่อแม่ของเด็กน้อยก็กลับมาและเห็นมีคนแปลกหน้านั่งอยู่ข้าง ๆ ลูกชายตัวเองเลยรีบเข้ามาหาถังเจิ้นอย่างระแวดระวัง
เจ้าตัวน้อยที่ได้ของดีก็อยากจะอวดให้พ่อแม่ดูจึงได้ยื่นแผ่นหยกให้พ่อตัวเองเชยชมอย่างหน้าชื่นตาบาน
พ่อของเจ้าหนูเห็นแบบนั้นก็สีตกกันเลยทีเดียวและรีบเข้ามาหาถังเจิ้นพร้อมกับแผ่นหยกนั้น
แม้จะมองระดับการฝึกฝนของถังเจิ้นไม่ออกจนดูเหมือนเขาเป็นแค่คนธรรมดา แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ไร้สมองขนาดไม่รู้ว่าถังเจิ้นไม่ใช่ง่าย ๆ เพราะคนที่สามารถเอาแผ่นหยกล้ำค่าขนาดนี้ออกมาให้คนอื่นได้นั้นมีคนไหนบ้างที่ธรรมดาล่ะเนอะ
ของนี่มันก็ดี แต่การให้มันมาตกอยู่ในมือลูกหลายตัวเองกลับถือเป็นการนำหายนะมาสู่ตัวซะมากกว่า เพราะของบางอย่างมันก็ไม่ใช่ของที่คนอย่างพวกตนสามารถถือครองได้
พ่อของเด็กน้อยชัดเจนในเรื่องนี้มาก
“ท่านครับ เราซาบซึ้งในความมีน้ำใจของท่านจริง ๆ แต่ได้โปรดรับคืนไปถะ…”
พ่อเด็กพูดไม่ทันจบถังเจิ้นก็ยกมือห้ามก่อน
เขาเหลือบมองมนุษย์ด้วยกันที่มีแต่ริ้วรอยของความผันผวนในชีวิตและพูดกลั้วหัวเราะเบา ๆ ว่า “เด็กคนนี้มีคุณสมบัติดี ถ้ามีโอกาสล่ะก็ฝังแผ่นหยกนี่ไว้ในร่างกายเจ้าตัวไปเลย แบบนั้นบาดแผลจะหายเองโดยอัตโนมัติ
แล้วด้วยความช่วยเหลือของแผ่นหยกนี้หากเด็กคนนี้ฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งล่ะก็เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะต้องมีระดับการฝึกฝนสูงอย่างแน่นอน!
ฉันได้บอกวิธีแก้ปัญหาไปแล้ว นายจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่นะ แต่ฉันจะไม่รับของที่ให้ไปแล้วคืนแน่ เพราะงั้นจะเก็บไว้หรือว่าขายไปก็เรื่องของนายเลย!”
เป็นเรื่องยากที่ถังเจิ้นจะอธิบายอะไรยืดยาวขนาดนี้ หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งก็ได้ชูจี้ให้อีกฝ่ายดู “ของนี่ได้มาจากไหน”
พ่อของเด็กเก็บแผ่นหยกกลับไปและตอบด้วยด้วยความเคารพ “ผมเก็บได้จากทุ่งหญ้าน่ะครับ เห็นมันสวยก็เลยเอามาทำของเล่นให้ลูก”
เป็นคำตอบที่ทำให้นักรบระดับราชาอย่างถังเจิ้นต้องใจเต้นแรง แต่ก็ฮึบไว้และตามต่ออย่างใจเย็น “ทุ่งหญ้าไหน อย่าบอกนะว่าแถว ๆ นี้น่ะ”
พ่อของเด็กพยักหน้าและชี้ไปที่บริเวณข้างหน้า “ทุ่งหญ้านั่นอยู่ไม่ไกลหรอกครับ ผมเก็บได้แถว ๆ ตรงกลางน่ะ!”
ถังเจิ้นพยักหน้า ไดอารี่บันทึกแค่ว่าอุกกาบาตตกลงมาแต่ดันไม่บอกตำแหน่งที่แน่ชัดซึ่งทำเอาเขาเองก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน
แต่ไม่นึกเลยว่าที่นั่นจะอยู่ตรงหน้าตนเองซึ่งช่วยแก้ปัญหาไปได้เยอะเลยทีเดียว
แต่ก็ติดปัญหาอย่างหนึ่งคือโลหะว่างเปล่านี่ดันป้องกันการใช้พลังจิตตรวจจับอีกแหนะ ดังนั้นต่อให้เป็นตัวเขาเองใช้พลังจิตสแกนหาก็ไม่มีประโยชน์
เขาเคยโหลดแอปพลิเคชันชื่อ [เครื่องตรวจจับสมบัติขั้นสูง] มาก่อนและคิดว่ามันจะใช้ได้ แต่เมื่อลองดูแล้วกลับพบว่าไร้ประโยชน์เช่นกัน
ไม่รู้ว่าไม่มีโลหะว่างเปล่าในบริเวณนั้นหรือวิธีการตรวจจับของแอปฯมันเหมือนกับการใช้พลังจิตสแกนถึงหาไม่เจอเหมือนกัน
เมื่อมาถึงทุ่งหญ้าแล้วถังเจิ้นก็เริ่มค้นหาพลางคิดไปด้วย เพราะการหาเองแบบนี้เป็นอะไรที่โคตรเสียเวลาเลย แถมต่อให้โลหะว่างเปล่ามันวางแหมะอยู่ตรงหน้าเขาก็อาจมองไม่ออกก็เป็นได้ ยิ่งถูกฝังอยู่ใต้ดินนี่ยิ่งแล้วใหญ่
ทุ่งหญ้าใต้ฝ่าเท้านี่ก็กว้างใหญ่เกินไป หากต้องหาเองทีละตารางนิ้วนี่กว่าจะหาครบทั้งผืนคือไม่ต้องทำห่าอะไรกันเลยสิ
แม้ว่าโลหะว่างเปล่าจะสำคัญโคตร ๆ ก็เถอะ แต่เวลาที่ต้องเสียไปเองก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นเขาเลยกำลังคิดหาวิธีแก้ปัญหานี้อยู่
หลังจากคิด ๆ อยู่พักหนึ่งเขาก็เทเลพอร์ตกลับโลกเดิมซึ่งไปโผล่ที่ฐานของสันนิบาติอเมริกัน
ทหารที่เห็นเขาโผล่มาและได้ทราบจุดประสงค์ก็ได้นำเครื่องตรวจจับโลหะมาให้ในอีก 10 นาทีต่อมา
และเมื่อลองใช้แล้วปรากฏว่าเครื่องมันร้องเตือนถังเจิ้นก็ยิ้มหน้าบานเป็นจานเรดาร์
ต่อให้อยู่ใต้ดินเครื่องตรวจจับโลหะก็สามารถหาเจอ แถมยังเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทางการทหารอีกซึ่งมีความน่าเชื่อถือสูงมาก
เมื่อมีไอ้นี่อยู่ด้วยล่ะก็ถังเจิ้นก็ไม่จำเป็นต้องปวดหัวเรื่องหาโลหะว่างเปล่าอีกต่อไป แค่เพียงเอาเครื่องนี้ไปเยอะ ๆ แล้วเรียกพวกผู้พเนจรแถว ๆ นั้นมาสอนวิธีใช้ให้แล้วนั่งรอผลประกอบการก็พอ
“ช่วยฉันเตรียมไอ้นี่ให้หน่อยสิ เอาซักห้าสิบอัน ยิ่งเร็วยิ่งดี!”
จากนั้นก็นั่งรอของประมาณ 2 ชั่วโมงอุปกรณ์ใหม่เอี่ยมอ่องแกะกล่องประกอบเสร็จเมื่อกี๊ก็ถูกวางไว้ตรงหน้า แล้วเขาก็เอามันทั้งหมดกลับไปยังโลกโหลวเฉิง
เมื่อกลับมายังซากปรักหักพังแล้วก็ได้เรียกให้พ่อของเด็กน้อยมาหาและโชว์เครื่องตรวจจับโลหะในมือให้อีกฝ่ายดู
“ช่วยฉันหาคนมาทำงานซักร้อยคนซิ เด๋วจะเพิ่มค่าจ้างให้เป็นสองเท่า!”