ตอนที่แล้วบทที่ 21: พรสวรรค์โดยกำเนิดและรางวัล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 23: เรือเหาะยักษ์ ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง

บทที่ 22: จุดจบ เส้นทางที่แยกจากกัน


บทที่ 22: จุดจบ เส้นทางที่แยกจากกัน

“ว้าว ลู่หยุน เจ้าสุดยอดมากเลย!”

ลู่เหลียงเผิงและลู่เทียนหูรวมตัวกันรอบตัวเขาในเวลาเดียวกัน ใบหน้าของพวกเขาดูตื่นเต้นมาก “ถ้าหัวหน้าหมู่บ้านรู้ว่าเจ้ามีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาว เขาก็จะต้องพึงพอใจมากแน่ๆ”

เด็กๆ ในหมู่บ้านบนภูเขาเป็นคนเรียบง่ายและซื่อสัตย์ พวกเขาไม่ได้มีความอิจฉาใดๆ ต่อลู่หยุนเลยแม้แต่น้อย กลับกัน พวกเขารู้สึกมีความสุขอย่างแท้จริงกับเขา

“พวกเจ้าเองก็ไม่ได้แย่เหมือนกัน พวกเจ้าทั้งคู่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 2 ดาว มันยังมีโอกาสที่พวกเจ้าทั้งคู่จะได้กลายเป็นศิษย์ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์”

“ใช่แล้ว พวกเราทั้งสามคนจะเข้าสู่สถาบันศึกษาวรยุทธ์ด้วยกันและนำความรุ่งโรจน์มาสู่หมู่บ้านธารวิญญาณ!”

ด้วยรอยยิ้มจางๆ ลู่หยุนก็เดินจากไป แต่จิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความคิด

ก่อนอาบน้ำยา พรสวรรค์โดยกำเนิดของเขาคือระดับ 4 ดาว

หลังจากการอาบยาทั้งสองครั้ง พรสวรรค์โดยกำเนิดของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นระดับ 5 ดาว

แบบนั้นแล้วลู่เทียนหูและลู่เหลียงเผิงก็มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 1 ดาวก่อนอาบน้ำยาใช่หรือไม่?

หรือพรสวรรค์โดยกำเนิดเพิ่มขึ้นเนื่องจากหน้าจอค่าคุณสมบัติของเขา?

เมื่อมองดูร่างที่เดินจากไปของลู่หยุนจากระยะไกล ใบหน้าของมู่ชิงหยุนก็ดูน่าเกลียดมาก

ประการแรก เรื่องพรสวรรค์โดยกำเนิดทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด จากนั้นเขาก็พบว่าเด็กบ้านนอกที่เขาดูถูกจริงๆ แล้วกลับมีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาวซึ่งเหนือกว่าพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 3 ดาวของเขามาก

ความแตกต่างอย่างมากนี้เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะยอมรับ เขาค่อยๆ รู้สึกถึงความอิจฉาและไม่เต็มใจที่เพิ่มมากขึ้นในใจ

บางคนอิจฉาและไม่เต็มใจที่จะยอมรับ และบางคนก็ปฏิบัติต่อมันอย่างสงบ มันแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

ลู่หยุนไม่ได้สนใจสายตาของคนรอบข้างในขณะที่เขาและกลุ่มของเขาไปที่มุมที่เงียบสงบเพื่อรอการสอบรอบต่อไป

จริงๆ แล้ว ด้วยพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาวของเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมในการสอบรอบต่อไปแล้ว เขาสามารถเป็นศิษย์ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ได้เลยโดยตรง

แต่เขาก็อยากจะเห็นว่ามันเป็นอย่างไร

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวจากศูนย์กลางท้องฟ้า

การทดสอบพรสวรรค์โดยกำเนิดสำหรับคนกว่าพันคนได้สิ้นสุดลงแล้ว

โดยไม่มีข้อยกเว้น มีเพียงสองคนเท่านั้นที่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาว

นอกจากนี้ ยังมีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 4 จำนวน 13 คน พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 3 จำนวน 53 คน และพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 2 ดาวอีกจำนวน 327 คน

นั่นหมายความว่าหลังจากการทดสอบพรสวรรค์โดยกำเนิดแล้ว มันก็มีคนเหลืออยู่ไม่ถึงสี่ร้อยคน

ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็ยังเป็นเพียงการสอบรอบที่สองเท่านั้น

จะมีผู้เหลือรอดกี่คนในรอบที่สาม?

เมื่อการทดสอบพรสวรรค์โดยกำเนิดสิ้นสุดลง ผู้เข้าสอบที่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดเพียงดาวเดียวหรือไม่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดเลยก็ได้ถูกไล่ออกจากสนาม และจัตุรัสกลางที่มีชีวิตชีวาก็เงียบลงอย่างมาก

“เอาล่ะ พวกเจ้าเข้าใกล้การเป็นน้องชายของข้าขึ้นมาอีกก้าวหนึ่งแล้ว”

ดวงตาของเหมิงหงเฟยกวาดสายตาไปที่ผู้คนตรงหน้าเขาและพูดเบาๆ ว่า “การสอบครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เข้าแถวอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบ”

ในไม่ช้า ทุกคนก็เงียบลงและยืนอยู่ในจัตุรัสอย่างเรียบร้อย

“นำเสาวัดความแข็งแกร่งขึ้นมา!” ด้วยคำพูดของเหมิงหงเฟย ทหารเกราะดำ 16 นายก็เดินถือเสาหินขนาดใหญ่เข้ามาและเอามันตั้งลงบนพื้น และพื้นหินสีเขียวก็พังทลายลงโดยทันที

เสาทั้งต้นเป็นสีดำ มันสูงประมาณห้าเมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณหนึ่งเมตร ด้านหน้าที่ความสูงระดับเอว มีร่องรอยจางๆ คล้ายกับรอยหมัดและรอยกระบี่

มีเส้นโปร่งใสความกว้างประมาณนิ้วกลางทางด้านขวาของเสา มันทอดยาวจากฐานขึ้นไปสู่ยอดโดยมีเครื่องหมายกำกับไว้ข้างๆ

มันมีระดับตั้งแต่หนึ่งถึงหนึ่งร้อย

“นี่คือเสาวัดความแข็งแกร่ง มันออกแบบมาเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของคนๆ หนึ่งโดยเฉพาะ”

เหมิงหงเฟยชี้ไปที่เสาหินสีดำที่ดูแปลกตาแล้วพูดว่า “พวกเจ้าส่วนใหญ่อยู่ในขอบเขตยุทธ์แล้ว ซึ่งเป็นขอบเขตที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงร่างกาย ปรับปรุงเลือดและความแข็งแกร่งของเจ้า ด้วยเหตุนี้เอง การสอบรอบสุดท้ายจึงจะขึ้นอยู่กับมาตรฐานพลังของพวกเจ้า”

“เสาวัดความแข็งแกร่งมี 100 คะแนน ซึ่งแต่ละคะแนนจะแสดงถึงระดับพลังที่เพิ่มสูงขึ้น พวกเจ้าจะต้องรับผิดชอบในการใช้กำลังเต็มที่เพื่อโจมตีเสาวัดความแข็งแกร่ง แต่ละคนจะโจมตีได้สามครั้ง หากพวกเจ้าไม่สามารถทำคะแนนเกิน 50 คะแนนได้หลังจากพยายามมาแล้วสามครั้ง พวกเจ้าก็จะถูกคัดออก!”

“เอาล่ะ เริ่มการทดสอบได้!”

ด้วยคำพูดของเหมิงหงเฟย ผู้เข้าสอบก็เริ่มถูมือด้วยความคาดหวัง โดยเฉพาะผู้ที่เข้าพักที่โรงเตี๊ยมมังกรทะยานอย่างมู่ชิงหยุน

คนเหล่านี้ล้วนอยู่ในช่วงปลายและจุดสูงสุดของขอบเขตยุทธ์

สำหรับพวกเขาแล้ว การทดสอบรอบนี้ก็เป็นเพียงการยืนยันการสอบผ่านเท่านั้น

“ขอประทานโทษด้วย แต่เราสามารถใช้วิชากระบี่ได้หรือไม่?” มู่ชิงหยุนที่ต้องการจะฟื้นศักดิ์ศรีและไม่เต็มใจจะยอมแพ้ถามอย่างไม่แน่ใจ

“เจ้าสามารถใช้วรยุทธ์อะไรก็ได้เลย นั่นรวมถึงวิชากระบี่และวิชาหมัด” เหมิงหงเฟยตอบกลับ

หลังจากได้รับการคำตอบแล้ว ทุกคนก็เปิดเผยอาวุธที่พวกเขาถือติดตัวมาด้วย

มันมีอาวุธทุกประเภท เช่น มีด หอก ง้าว ค้อนและขวาน ทุกประเภทเท่าที่จะจินตนาการได้..

เสี่ยวเฉินเพียงแค่มองไปที่เสาวัดความแข็งแกร่งและก้าวออกจากคิวโดยไม่สนใจที่จะเข้าร่วมในการทดสอบ

เขามีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาวแล้วและเป็นคนเดียวในขอบเขตเส้นลมปราณ ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่สำคัญว่าเขาจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่

เหมิงหงเฟยเพียงพยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร

แสงกระบี่กะพริบ จู่ๆ มู่ชิงหยุนก็ชักกระบี่ออกมา เขาใช้กำลังเต็มที่เพื่อโจมตีเสาวัดความแข็งแกร่ง พร้อมกับเสียง 'ปัง' ลู่หยุนและคนอื่นๆ ก็เห็นแสงสีแดงพุ่งขึ้นมาจากฐานของเสาได้อย่างชัดเจน มันทอดยาวไปตามเส้นโปร่งใสขนาดความกว้างประมาณหนึ่งนิ้ว และในที่สุดมันก็หยุดที่ตัวเลข “81”

“81 คะแนน!”

“แข็งแกร่งมาก!”

มีคนอุทานออกมาดังๆ

เมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองที่ตกตะลึงของฝูงชน มู่ชิงหยุนก็ดูสนุกกับมันเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเขานึกถึงบางสิ่งบางอย่างได้ในทันใด เขามองไปในทิศทางของลู่หยุน

น่าเสียดายที่ผลลัพธ์ทำให้เขาผิดหวัง เขาไม่พบสัญญาณของความตกตะลึงหรือสีหน้าผิดปกติใดๆ บนใบหน้าของลู่หยุน

“ฮึ่ม แสร้งทำเป็นสงบ!” มู่ชิงหยุนตะคอกในใจของเขา

ในมุมมองของเขา ลู่หยุนก็เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตยุทธ์ขั้นกลางและมาจากหมู่บ้านบนภูเขาที่แสนจะห่างไกล เขาอาจมีพื้นฐานวรยุทธ์ที่แย่มาก แบบนี้แล้วคนแบบนี้จะเพิกเฉยต่อเขาได้อย่างไร?

ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร ความอิจฉาของเขาที่มีต่อลู่หยุนก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น มันทำให้เขามองข้ามจุดสำคัญจุดหนึ่งไป

ลู่หยุนมีเวลาฝึกฝนน้อยกว่าหนึ่งในสิบของเขาและเขาก็ยังเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาว

เดิมที ลู่หยุนกำลังเฝ้าดูการทดสอบของคนอื่นๆ อยู่ แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ ราวกับว่าถูกอสรพิษร้ายจ้องมอง มันทำให้เขาค่อนข้างอึดอัด

หลังจากสังเกตเห็นสิ่งนี้ เขาก็รีบมองไปรอบๆ และเมื่อจ้องมองไปที่ร่างทางด้านขวาของเขา เขาก็หยุดทันทีเมื่อเขาเห็นร่างที่คุ้นเคยมาก

เสื้อคลุมสีขาวเงิน ท่าทางสงบ และดวงตาที่เฉียบคม

เสี่ยวเฉิน!

เขามีพรสวรรค์โดยกำเนิดดีที่สุดและขอบเขตวรยุทธ์ของเขาก็สูงที่สุดในบรรดาผู้สมัครทั้งหมด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าตื่นตาที่สุด

แต่ในขณะนี้ เขาก็พยักหน้าไปทางลู่หยุนเล็กน้อย

ลู่หยุนสับสนเล็กน้อย เขาพยักหน้ากลับเพื่อตอบรับท่าทาง จากนั้นจึงมองออกไป

“ห้ะ?” ลู่หยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ความรู้สึกไม่สบายใจนั้นยังคงอยู่ มันไม่ได้มาจากเสี่ยวเฉินหรอกหรอ?”

ทันทีหลังจากนั้น เขาก็ตรวจดูบริเวณโดยรอบอีกครั้งและสบตาคู่หนึ่ง

“เขาเองหรอ?” เมื่อลู่หยุนเห็นการจ้องมองที่เย็นชาของมู่ชิงหยุน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าความรู้สึกไม่สบายใจนั้นมาจากไหน

ชายคนนี้ดูจะสติไม่ค่อยดีนัก

ผ่านสายตาของมู่ชิงหยุน ลู่หยุนสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายมีความประสงค์ร้ายต่อเขา

“เราเพิ่งพบกันเพียงครั้งเดียว เขาคงไม่คิดร้ายอะไรต่อฉันหรอกมั้ง?” ลู่หยุนคิดอย่างเหน็บแนม “หรือบางทีอาจจะใช่?”

หลังจากเยาะเย้ยกับตัวเองแล้ว เขาก็ถอนสายตาและจดบันทึกความคิดของมู่ชิงหยุนลงไปในจิตใจ

“เหลือเชื่อ! 73 คะแนน”

“ไม่เลวเหมือนกัน ข้าได้ 69 คะแนน”

ผู้เข้าร่วมประมาณครึ่งหนึ่งได้ทำการทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว

ในหมู่พวกเขา มู่ชิงหยุนทำผลงานได้ดีที่สุดจนถึงตอนนี้ด้วยคะแนนรวม 81 คะแนน

“91 คะแนนหรอ!”

ขณะที่การทดสอบดำเนินไป ในที่สุดก็มีใครบางคนทำลายเป้า 90 คะแนนได้ในที่สุด ลู่หยุนเหลือบมองอีกฝ่ายและรู้ว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่มาจากโรงเตี๊ยมมังกรทะยาน

ต่อไป ลู่เทียนหูและลู่เหลียงเผิงก็ได้ทดสอบทีละคน พวกเขาแต่ละคนใช้โอกาสไปแล้วทั้งสามครั้ง แต่พวกเขาก็ยังไม่ถึง 50 คะแนน พวกเขากลับมาอย่างท้อแท้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ลู่หยุนก็ไม่รู้ว่าจะปลอบพวกเขาอย่างไร ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเงียบไว้

บางครั้งการปลอบใจที่ดีที่สุดก็คือการไม่ทำอะไรเลย

การหลุดพ้นจากความผิดหวังด้วยตัวเองมักจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการปลอบใจใดๆ

“ข้าตัดสินใจแล้ว เนื่องจากข้าไม่สามารถเป็นศิษย์ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ได้ ดังนั้นข้าจึงจะเข้าร่วมกับกองทัพและเริ่มต้นจากด้านล่างในฐานะทหาร!”

ในจัตุรัส ลู่เหลียงเผิงเงยหน้าขึ้นมองดูดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าอย่างช้าๆ

เมื่อเห็นลู่เหลียงเผิงกลับมามีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอีกครั้ง ลู่เทียนหูก็ยิ้มเล็กน้อยและยังตอกย้ำความมุ่งมั่นในใจ

เด็กหนุ่มทั้งสามคนจากหมู่บ้านธารวิญญาณยืนรับแสงแดดอันอบอุ่น แต่ละคนมีความคิดและแนวทางเป็นของตัวเอง

ขณะเดียวกัน เงาของพวกเขาก็ทอดเป็นเส้นยาวบนลานกว้าง..

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด