บทที่ 21: พรสวรรค์โดยกำเนิดและรางวัล
บทที่ 21: พรสวรรค์โดยกำเนิดและรางวัล
“การสอบรอบที่สองคือการทดสอบพรสวรรค์โดยกำเนิด” เมื่อลู่หยุนและคนอื่นๆ กลับมาได้สติอีกครั้ง เสียงตะโกนของเหมิงหงเฟยที่ผสมกับปราณแท้ก็ดังก้องไปทั่วจัตุรัส
“การทดสอบพรสวรรค์โดยกำเนิด?” ลู่หยุนเริ่มสนใจขึ้นมาโดยทันที เขาอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งที่สามารถใช้ทดสอบพรสวรรค์โดยกำเนิดได้
ระหว่างทางมาเมือง เมื่อลู่คังเซิงก็พูดคุยเกี่ยวกับพรสวรรค์โดยกำเนิด เขากล่าวว่าพรสวรรค์โดยกำเนิดของบุคคลนั้นสามารถทราบได้โดยผู้ที่มีสมบัติพิเศษหรือมีขอบเขตวรยุทธ์ที่สูงเพียงพอเท่านั้น
และในที่สุด เขาก็จะสามารถเห็นสมบัติที่สามารถทดสอบพรสวรรค์โดยกำเนิดได้สักที
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังต้องการจะทราบว่าพรสวรรค์โดยกำเนิดขั้นห้าของเขานั้นยืนอยู่ตรงไหนในหมู่ผู้เข้าสอบเหล่านี้
“เนื่องจากขอบเขตวรยุทธ์ของข้าไม่สูงพอที่จะตรวจจับพรสวรรค์โดยกำเนิดของพวกเจ้าได้ ดังนั้นการประเมินนี้จะดำเนินการโดยใช้ศิลาพรสวรรค์โดยกำเนิด” เหมิงหงเฟยกล่าว
เมื่อเขาพูดจบ เหมิงหงเฟยก็โบกแขนเสื้อของเขา และทันใดนั้นก้อนหินทรงกลมก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะพร้อมกับประกายแสง
การเรียกมันว่าหินค่อนข้างจะไม่ถูกต้อง มันเหมือนกับหยกชนิดพิเศษซะมากกว่า มันมีขนาดประมาณหัวศีรษะมนุษย์ กึ่งโปร่งใสและมีสีขาว
“พรสวรรค์โดยกำเนิดเป็นตัวกำหนดศักยภาพและความเร็วในการฝึกฝนของผู้ฝึกยุทธ์ ดังนั้นแล้ว ยิ่งพรสวรรค์โดยกำเนิดสูงมากเท่าไหร่ ความน่าจะเป็นที่พวกเจ้าจะสามารถกลายเป็นศิษย์ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ได้นั้นก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ในทางกลับกัน ยิ่งพรสวรรค์โดยกำเนิดต่ำมากเท่าไหร่ ศักยภาพของพวกเจ้าก็จะยิ่งต่ำลงเท่านั้น”
“หากศิลาพรสวรรค์โดยกำเนิดแสดงว่าเจ้ามีดาวน้อยกว่าสองดวงหรือไม่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดเลย พวกเจ้าก็จะถูกกำจัดออกไปโดยตรง!”
“หากพวกเจ้าทดสอบได้ว่ามีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับห้าดาวหรือสูงกว่า ไม่เพียงแต่พวกเจ้าจะสามารถเป็นศิษย์ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ได้เลยโดยตรงเท่านั้น แต่พวกเจ้ายังจะได้รับรางวัลพิเศษหลังจากเข้าร่วมกับเราด้วย” เหมิงหงเฟยยิ้มเบาๆ โดยไม่มีร่องรอยของความเย็นชาจากเมื่อก่อนอีกต่อไป
“ข้าจะบอกเอาไว้ก่อนว่า ยิ่งพรสวรรค์โดยกำเนิดสูงเท่าไร รางวัลก็จะยิ่งมีมากขึ้นตามเท่านั้น”
“พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับห้าดาวจะได้รับรางวัลยาชะล้างกายาสามขวดและยาเส้นลมปราณหนึ่งขวด!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์หลายคนบนจัตุรัสก็เริ่มตื่นเต้นทันที ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา
ยาชะล้างกายาเป็นทรัพยากรหลักที่ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตยุทธ์ต้องการ มันสามารถทำให้ร่างกายของพวกเขาบริสุทธ์ขึ้นและยังสามารถปลดล็อกศักยภาพของพวกเข้าขึ้นได้อย่างมาก
มีเพียงการขัดเกลาร่างกายจนถึงขีดจำกัดเท่านั้น ผู้ฝึกยุทธ์จึงจะสามารถเปิดเส้นลมปราณเพิ่มเติมได้หลังจากไปถึงขอบเขตเส้นลมปราณ
ขณะเดียวกัน ยาเส้นลมปราณก็เป็นทรัพยากรหลักที่ผู้ฝึกยุทธ์ใช้ในช่วงขอบเขตเส้นลมปราณ มันสามารถเร่งกระบวนการเปิดเส้นลมปราณและเพิ่มประสิทธิภาพลมปราณของพวกเขาได้ มันทำให้พวกมันมีค่าเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาส่วนใหญ่มีรากฐานคล้ายๆ กันกับลู่หยุน พกวเขาเดินทางมาจากหมู่บ้านและเมืองอันห่างไกล และการฝึกฝนประจำวันของพวกเขาก็ต้องอาศัยหยาดเหงื่อของตัวเองเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีปัจจัยภายนอกเข้ามาผสม
แต่ตอนนี้ ตราบใดที่พวกเขาทดสอบและได้พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับห้าดาว พวกเขาก็จะได้รับทรัพยากรการฝึกฝนที่พวกเขาใฝ่ฝัน ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาจะตกใจและโหยหาพวกมัน
“ยาชะล้างกายาสามขวดและยาเส้นลมปราณหนึ่งขวด?” ดวงตาของลู่หยุนเป็นประกาย และเขาก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น
แตกต่างจากคนอื่นๆ ลู่หยุนมีหน้าจอค่าคุณสมบัติและรู้อยู่แล้วว่าเขามีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับห้าดาว
ด้วยเหตุนี้เอง รางวัลสำหรับพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับห้าดาวจึงอยู่ในมือของเขาแล้ว
ขณะที่เหล่าเยาวชนกำหมัดด้วยความตื่นเต้น เสียงของเหมิงหงเฟยที่ผสมกับปราณแท้ก็ดังขึ้นอีกครั้ง มันระงับเสียงพึมพำและการเต้นของหัวใจของพวกเขาทั้งหมด
“พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับหกดาวจะสามารถรับยาชะล้างกายาได้ห้าขวดและยาเส้นลมปราณสามขวด!”
“ส่วนพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับเจ็ดดาว..” เมื่อมาถึงจุดนี้ เหมิงหงเฟยก็ส่ายหัวเล็กน้อย: “ข้าไม่คิดว่าจะมีผู้มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับเจ็ดดาวหรือสูงกว่าในหมู่พวกเจ้าหรอกนะ”
“เอาล่ะ เพราะงั้นเข้าแถวแล้วออกมาทดสอบทีละคนได้แล้ว!”
เสี่ยวเฉินอยู่แถวหน้าสุด ดังนั้นเขาจึงเป็นคนแรกที่ก้าวไปข้างหน้าและทำการทดสอบ
เมื่อฝ่ามือของเขาสัมผัสกับศิลา มันก็ปล่อยแสงสีเขียวออกมาโดยทันที จากนั้นมันก็เปลี่ยนไปเมื่อเวลาผ่านไปจนกลายเป็นสีเขียวเข้ม
“เสี่ยวเฉิน พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับห้าดาวขั้นสูง”
“ห้ะ!” หลายคนสูดลมหายใจเข้าลึกและอุทาน
พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าการมีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับห้าดาวหมายความว่าอย่างไร แต่รางวัลที่เหมิงหงเฟยกล่าวถึงก่อนหน้านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างได้
ใบหน้าของเสี่ยวเฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป
“หื้ม? พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับห้าดาว ไม่เลวไม่เลว” เหมิงหงเฟยดูอารมณ์ดีเมื่อเห็นว่ามีผู้มีพรสวรรค์ระดับห้าดาวอยู่ในหมู่ผู้สมัคร”
“ถ้าเสี่ยวเฉินมีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับห้าดาว งั้นพรสวรรค์โดยกำเนิดของข้าเองก็จะต้องไม่อ่อนแอไปกว่ากันแน่”
“ข้าเองก็จะต้องมีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับห้าดาวแน่นอน!”
ชายหนุ่มสิบหกคนที่ออกมาจากโรงเตี๊ยมมังกรทะยานทุกคนเต็มไปด้วยความมั่นใจขณะที่พวกเขาก้าวไปข้างหน้าทีละคน
เนื่องจากพวกเขามาจากโรงเตี๊ยมมังกรทะยานซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวกันของผู้มีพรสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน
“เหอจื่อเจี๋ย พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับสามดาวขั้นสูง”
“ทำไม… เป็นไปได้ยังไงกัน? เหตุใดข้าจึงมีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับสามดาวเท่านั้นเอง? ข้าเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในมณฑลเมฆาวารีนะ…” เหอจื่อเจี๋ยดูเหมือนจะพูดไม่ออก ดวงตาของเขาสูญเสียความแวววาว
“มู่ชิงหยุน พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับสามดาวขั้นกลาง”
ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินจ้องมองแสงสีแดงที่ปล่อยออกมาจากศิลาพรสวรรค์โดยกำเนิดอย่างไม่เชื่อสายตา
ฉากนี้ก็เห็นโดยลู่หยุนและคนอื่นๆ เช่นกัน
ลู่หยุนจำเขาได้ เขาคือมู่ชิงหยุน คนที่เคยมีปากเสียงกับพวกเขาที่หน้าโรงเตี๊ยม
“เป็นเขานี่เอง แต่พรสวรรค์ของเขาก็ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลย!” ลู่เหลียงเผิงเยาะเย้ยอย่างเหยียดหยาม
ในขณะที่ลู่เหลียงเผิงดูถูกอีกฝ่าย ลู่เทียนหูก็ค่อนข้างสงสัยและแอบคิดว่า “แม้แต่มู่ชิงหยุนก็ยังมีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับสามดาวเท่านั้น แบบนี้แล้วพรสวรรค์ของพวกเราจะไม่ต่ำไปกว่านี้อีกหรอ?”
“เฉินเทียนฉี พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับสี่ดาวขั้นสูง”
“ซินเผิงหยุน พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับสี่ดาวขั้นกลาง”
“หลินเจ๋อหยวน พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับสามดาวขั้นสูง”
…
ใช้เวลาไม่นานก่อนที่ผู้เข้าสอบจากโรงเตี๊ยมมังกรทะยานจะทดสอบกันจนเสร็จ พวกเขาทั้งหมดเป็นอัจฉริยะของมณฑลและพรสวรรค์โดยกำเนิดของพวกเขาก็ไม่ต่ำไปกว่าระดับสามดาว
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับห้าดาวในหมู่พวกเขาเลย
ด้วยความแตกต่างในใจนี้ ในที่สุดทุกคนก็ตระหนักได้ว่าพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับห้าดาวของเสี่ยวเฉินมีความพิเศษมากเพียงใด
ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้คนส่วนใหญ่ประเมินตัวเองใหม่ด้วย
นอกเหนือจากการยกย่องเสี่ยวเฉินแล้ว เหมิงหงเฟยก็ไม่เคยกล่าวชมใครอีก ดูเหมือนว่าเขาจะคาดเดาผลลัพธ์ของการทดสอบพรสวรรค์โดยกำเนิดของทุกคนเอาไว้แล้ว
คนหนุ่มสาวเหล่านี้ไม่รู้ว่าพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับห้าดาวนั้นหายากเพียงใด แต่เหมิงหงเฟยในฐานะศิษย์ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ก็ตระหนักได้ดี
พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับสี่ดาวถือว่าดีในสถาบันศึกษาวรยุทธ์ ในขณะที่พรสวรรค์ระดับสูงกว่านั้นสามารถเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะ
และพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับห้าดาวระดับสูงก็เป็นหนึ่งในระดับสูงสุดในบรรดาผู้เข้าสอบจากสถาบันศึกษาวรยุทธ์ทั้งหมด
ที่หายากยิ่งกว่านั้นคือพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับหกดาวซึ่งทั้งสถาบันศึกษาวรยุทธ์มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“ต่อไป!”
หลังจากที่อัจฉริยะกว่า 10 คนเสร็จสิ้นการทดสอบ ผู้เข้าสอบคนอื่นๆ ก็เริ่มออกมาทำการทดสอบ
“หยางไค่ พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 2 ดาวขั้นกลาง”
“จางฟาต้า พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 1 ดาว คัดออก”
“หวังเหลียง พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 2 ดาวขั้นสูง”
“ซูเหวินเฟย พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 2 ดาวขั้นกลาง”
“หลี่เฟิง ไม่มีพรสวรรค์โดยกำเนิด คัดออก”
“โจวซิงซิง พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 1 ดาว คัดออก”
…
ตามที่คาดไว้ คนหนุ่มสาวเหล่านี้ไม่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดที่ดีนัก นอกจากคนจำนวนไม่มากที่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 3 ดาวแล้ว คนส่วนใหญ่ก็มีพรสวรรค์โดยกำเนิดเพียงระดับ 1 ถึง 2 ดาวเท่านั้น
ที่แย่กว่านั้นคือ บางคนไม่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดเลย คนเหล่านี้แม้ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างหนักมาตลอดทั้งชีวิตของพวกเขา แต่พวกเขาก็จะยังแทบจะไม่สามารถกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้อยู่ดี
ขีดจำกัดชีวิตของพวกเขาถูกจำกัดเอาไว้อยู่แค่ในขอบเขตยุทธ์ มันแทบไม่ต่างจากการตัดเส้นทางวรยุทธ์ของพวกเขาลงเลย
หลังจากที่คนข้างหน้าทำการทดสอบเสร็จแล้ว ลู่เหลียงเผิงก็เดินไปข้างหน้าด้วยความหวังและความกังวล
ตามที่คาดไว้ ศิลาพรสวรรค์โดยกำเนิดเปลี่ยนสีและเปล่งแสงสีเหลืองจางๆ ออกมา
“ลู่เหลียงเผิง พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 2 ดาวขั้นกลาง”
แม้ว่าพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 2 ดาวขั้นกลางจะถือว่าแย่มากเมื่อเทียบกับอัจฉริยะ แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว มันก็เป็นสิ่งที่พวกเขาได้แต่หวังเท่านั้น
ลู่เหลียงเผิงรู้ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนธรรมดา และเมื่อเขารู้ว่าเขามีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 2 ดาว ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปิติสุข
“ข้าเข้าใกล้สถาบันศึกษาวรยุทธ์ขึ้นไปอีกก้าวแล้ว!” เขากำหมัดของเขา จากนั้นก็หันไปหาลู่เทียนหูและลู่หยุนที่อยู่ข้างหลังเขาแล้วพูดว่า “สู้ต่อไป ข้ารอพวกเจ้าอยู่สองคนอยู่!”
“ข้าก็ทำได้เช่นกัน” ลู่เทียนหูให้กำลังใจตัวเองในใจและเดินไปข้างหน้า
เช่นเดียวกับลู่เหลียงเผิง ศิลาพรสวรรค์โดยกำเนิดเปล่งแสงสีเหลืองจางๆ ออกมาเมื่อเขาวางมือลงบนมัน ความเข้มข้นนั้นดูดีกว่าลู่เหลียงเผิงเล็กน้อย ซึ่งนี่ก็พิสูจน์ได้ว่าเขายังอยู่ในช่วงของพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 2 ดาว
“ฮ่าฮ่า!”
ลู่เทียนหูดูเหมือนกับเด็กที่มีความสุข เขาชูหมัดไปในทิศทางของลู่หยุนเพื่อให้กำลังใจอีกฝ่าย
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ลู่หยุนก็ดีใจแทนพวกเขาทั้งสองด้วยเช่นกัน
ด้วยพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 2 ดาว แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะไม่สามารถเข้าสู่สถาบันศึกษาวรยุทธ์ได้ แต่อย่างน้อยความสำเร็จในอนาคตของพวกเขาก็จะเหนือกว่าหัวหน้าหมู่บ้านอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นก็จะเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งโดยรวมให้กับหมู่บ้านธารวิญญาณ
ลู่หยุนเกิดและเติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านธารวิญญาณ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว เขาจึงหวังว่าหมู่บ้านจะพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ
ภายใต้สายตาที่จับจ้องมองของทุกคน ลู่หยุนเดินตรงไปที่ศิลาพรสวรรค์โดยกำเนิดอย่างสงบ เขาวางมือขวาลงบนมันเบาๆ และมีแสงสีเขียวจางๆ ปรากฏขึ้น
แสงสีเขียวไม่ได้สดใสเท่ากับของเสี่ยวเฉิน แต่เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แล้ว มันก็ดูสะดุดตามาก
“ลู่หยุน พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาวขั้นกลาง”
ใบหน้าของเหมิงหงเฟยเปล่งประกายด้วยรอยยิ้มอีกครั้งในขณะที่เขามองตรงไปที่ลู่หยุนและพยักหน้าอย่างลับๆ
“เขามีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาว!”
หลังจากที่ลู่หยุนก้าวออกจากศิลาพรสวรรค์โดยกำเนิด ในที่สุดคนอื่นๆ ก็ฟื้นจากอาการตกใจ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ไม่ว่าพวกเขาจะเตรียมใจไว้มากแค่ไหน แต่พวกเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าผู้มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาวคนที่สองจะเป็นเด็กน้อยจากหมู่บ้านบนภูเขาเล็กๆ
มันแทบจะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่จะคิดว่าชายหนุ่มคนหนึ่งจากหมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขานั้นสามารถบดขยี้อัจฉริยะรุ่นเยาว์ทุกคนที่มาจากโรงเตี๊ยมมังกรทะยานได้