บทที่ 20 : ละครสั้นได้จบลงแล้ว
บทที่ 20 : ละครสั้นได้จบลงแล้ว
ในจัตุรัสกลาง
พระอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า
เด็กชายและเด็กหญิงกลุ่มหนึ่งมองหน้ากันอย่างสับสน
ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปและทำให้พวกเขาไม่ทันได้เตรียมตัว
ประการแรก ผู้ที่โกหกเรื่องอายุของตนเพื่อเข้าร่วมการสอบจะถูกลงโทษด้วยการโบยและขับออกจากจัตุรัส
จากนั้น ผู้เข้าสอบทั้งสิบคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับจากพรรคมารก็ถูกสังหารลงอย่างรวดเร็ว
และมาตอนนี้ ศิษย์ของสถาบันศึกษายุทธ์สองคนที่รับผิดชอบการสอบได้ยังได้กลายมาเป็นผู้พิทักษ์ตรวจตรานภาอีก แถมพวกเขายังบังคับให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของมณฑลพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพวกเขา
เหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้ได้ทำลายความเข้าใจก่อนหน้านี้ของพวกเขาลงอย่างไม่ต้องสงสัย
“เราต้องผ่านเรื่องนี้ไปจริงๆ หรอ?”
หานจวงถอนหายใจเบาๆ และยังคงนิ่งอยู่
หากฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่ผู้พิทักษ์ตรวจตรานภา เขาก็คงจะสามารถค้นหาเหตุผลอีกหลายประการเพื่อหลีกเลี่ยงการทดสอบได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อตราผู้ตรวจตรานภาปรากฏขึ้น วิธีการหลบเลี่ยงของเขาก็ได้ถูกปิดกั้นโดยสิ้นเชิง
จนถึงตอนนี้ หานจวงก็ยังไม่รู้ว่าทำไมผลึกถลำลึกถึงมาปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันได้ และยิ่งไปกว่านั้น มันจะตรวจจับได้อย่างไรว่าคนๆ นั้นมาจากพรรคมารจริงหรือไม่?
บรรยากาศรอบๆ หานจวงทำให้ทั้งจัตุรัสตึงเครียดขึ้นในทันที
ยามที่ติดอาวุธหนักพร้อมหน้าไม้หนักดูจริงจังมาก แต่พวกเขาก็ยังไม่มีใครกล้าขยับ
พวกเขาตระหนักดีว่าแม้ว่าผู้บัญชาการมณฑลจะเป็นหัวหน้าระดับสูงสำหรับพวกเขา แต่ด้วยคำสั่งของผู้พิทักษ์ตรวจตรานภา พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องประหารชีวิตหัวหน้าของพวกเขาเองหากจำเป็น
นี่คือการป้องปรามของสำนักงานตรวจตรานภาและพลังของหน่วยตรวจตรานภา
ยิ่งไปกว่านั้น ตามสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว ผู้บัญชาการของพวกเขาก็ยังอาจเป็นสมาชิกของพรรคมารจริงๆ ด้วย
“ผู้บัญชาการหาน นี่ท่าน?” เจียงหงจื่อมองไปที่หานจวง ดูเหมือนเขาจะพยายามยืนยันอะไรบางอย่าง
เขาก้าวไปข้างหน้า
หานจ้วงมองไปที่เจียงหงจื่อซึ่งเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อและพูดอย่างไม่แยแสว่า “คนเช่นเจ้าที่กินเงินประจำตำแหน่งโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ย่อมสามารถอยู่เหนือคนอย่างข้าได้อยู่เสมอ สิ่งนี้มันไม่ยุติธรรม! และในเมื่อมันไม่ยุติธรรม แบบนี้แล้วข้าจะไม่พึ่งที่อื่นได้ยังไง?!”
เมื่อพูดจบ หานจวงก็ระเบิดออร่าอันรุนแรงออกมาโดยทันที เสื้อผ้าของเขาโบกสะบัด เส้นผมของเขากระพือ และหินสีน้ำเงินใต้เท้าของเขาก็สั่นและแตกออกเป็นชั้นๆ
เมื่อเผชิญหน้ากับออร่าอันทรงพลังเช่นนี้ เด็กชายและเด็กหญิงที่เข้าร่วมในการประเมินจึงถอยกลับไปทีละคน มันทำให้ฉากทั้งหมดนั้นวุ่นวาย
ลู่หยุนถอยกลับไปอย่างเงียบๆ โดยเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้กับทหารเกราะดำ
ในมุมมองของเขา การต่อสู้ที่ดุเดือดก็กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า และยิ่งเขาอยู่ใกล้หลินเฉินกับคนอื่นๆ มากเท่าไร มันก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตปราณแท้น่ากลัวเกินไปสำหรับเขา
“อะไรกัน? ขอบเขตเปลี่ยนรากฐาน!” เมื่อเห็นออร่าสีแดงเปล่งออกมาล้อมรอบหานจวง หัวใจของเจียงหงจื่อก็จมดิ่งลง นั่นคือรากฐานแท้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเปลี่ยนรากฐาน
แม้ว่าจะตกใจ แต่เขาก็ยังคงสงบอยู่บนพื้นผิวและโค้งคำนับให้หลิน เฉินแล้วพูดว่า “ท่านทั้งสอง หานจวงได้มาถึงขอบเขตเปลี่ยนรากฐานแล้ว ข้าเกรงว่าเราจะต้องร่วมมือกันเพื่อต่อต้านเขา”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ปากของหลินเฉินก็โค้งงอเป็นรอยยิ้มก่อนจะพูดว่า “เราสามคนไม่จำเป็นต้องร่วมมือกัน ท่านเจียงและศิษย์น้องเหมิงจะปกป้องผู้คนและกันเขาหลบหนี ส่วนข้าจะจัดการเขาเอง”
หลังจากที่พูดจบ
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไป น้ำค้างแข็งปกคลุมทั่วตัวเขา พลังรากฐานแท้สีขาวของเขาหมุนวนไปรอบๆ เขาในขณะที่เขาตะโกนด้วยเสียงดังราวกับฟ้าร้อง “หานจวง เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับพรรคมารและได้ทรยศต่อชาติ! เจ้ายอมรับสารภาพแล้วใช่ไหม!”
เสียงตะโกนดังกึกก้องไม่เพียงแต่ในหมู่เด็กๆ และทหารยามเท่านั้น แต่มันยังดังไปถึงหูของผู้ฝึกยุทธ์ที่เฝ้าดูจากนอกจัตุรัสอีกด้วย
ในหมู่พวกเขา ผู้ฝึกยุทธ์บางคนถอยกลับเข้าไปในฝูงชนอย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น
“เจ้าเองก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเปลี่ยนรากฐานด้วยงั้นหรอ!”
ใบหน้าของหานจวงเปลี่ยนไปเป็นน่าเกลียด “ตามที่คาดไว้! สมแล้วที่เจ้าจะสามารถเป็นผู้พิทักษ์ตรวจตรานภาได้!”
“ตราบใดที่ข้าฆ่าเจ้าและกำจัดกองกำลังของพรรคมารในมณฑลเมฆาวารีลงได้ ข้าก็จะได้เลื่อนขั้นเป็นผู้พิทักษ์ตรวจตรานภาขั้นสอง!”
เมื่อคำพูดของเขาจบลง กระบี่ก็โผล่ออกมา!
ออร่าของมันเย็นเฉียบราวกับดอกไม้น้ำแข็ง และจัตุรัสภายใต้แสงแดดที่ร้อนแผดเผาก็เย็นยะเยือกลง
เมื่อเห็นกระบี่อันทรงพลังนี้ หานจวงก็ตกตะลึง
หลังจากเข้าร่วมกับพรรคบัวขาว เขาก็ได้รับทรัพยากรมามากมาย เขาเปลี่ยนปราณแท้ของเขาให้เป็นรากฐานแท้และก้าวเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนรากฐาน เขาเกือบจะนับได้ว่าอยู่ยงคงกระพันในมณฑลเมฆาวารีอยู่แล้ว
และสำหรับศิษย์อัจฉริยะทั้งสองคนจากสถาบันศึกษาวรยุทธ์ ในตอนแรก เขาก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก
ซึ่งหลังจากที่ตัวตนของเขาถูกเปิดเผย เขาก็ยังคงสบายใจอยู่ได้
อย่างไรก็ตาม โดยไม่คาดคิด การเปิดเผยตัวตนของหลินเฉินก็ทำให้สถานการณ์ทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไป
ฉวิ้ง–
เสียงกระบี่ตัดลมดังขึ้นพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็น แขนที่ขาดไปตกลงบนพื้นหินอย่างแรง
หานจวงถอยกลับทันที
ในขณะนี้ การโจมตีอย่างกะทันหันของหลินเฉินก็ได้ทำให้แขนของเขาขาดไปหนึ่งข้าง และปราณแท้อันเย็นยะเยือกที่เหลือทิ้งไว้ก็บุกรุกเข้ามาผ่านทางบาดแผล มันทำให้เขาเจ็บปวดมากจนใบหน้าของเขาซีดเผือด
“ทำไมความแข็งแกร่งของเจ้าถึงทรงพลังได้มากถึงขนาดนี้?”
ขณะที่หานจวงพูด เขาก็กัดฟัน
ทั้งสองอยู่ในขอบเขตเดียวกัน แต่ช่องว่างระหว่างทั้งสองนั้นก็ไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถต้านทานอีกฝ่ายได้เลย!
หลินเฉินสะบัดกระบี่เบาๆ เลือดสดจับตัวเป็นก้อนบนใบกระบี่ มันกลายเป็นกระจุกเลือดและตกลงไปที่พื้นพร้อมกับการสะบัด
“เจ้าอาศัยแรงภายนอกเพื่อทะลวงขอบเขต ดังนั้นเจ้าจึงคงจะไม่รู้ความแตกต่างระหว่างรากฐานที่พัฒนาไปจนสุดแล้วก็รากฐานครึ่งๆ กลางๆ ของเจ้า อย่างไรก็ตาม คำอธิบายก็ไม่สำคัญอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้ ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสมันเดี๋ยวนี้แหละ!”
ทันทีที่คำพูดจบลง กระบี่ยาวก็ฟันออกมาอีกครั้ง
เมื่อเปรียบเทียบกับการฟันครั้งก่อนแล้ว การฟันครั้งนี้ก็มีออร่าที่เยือกเย็นยิ่งกว่า อากาศร้อนรอบๆ แทบจะเยือกแข็ง กระบี่ยาวตกลงมาพร้อมกับแสงสีขาวเจิดจ้า
ใบหน้าของหานจวงมีรอยยิ้มแปลกๆ
“แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งมาก แต่หากข้าต้องการจะจากไป เจ้าก็หยุดข้าไว้ไม่ได้หรอก!”
ทันทีที่เขาพูดจบ ร่างของเขาก็กระโดนขึ้นและหายไปจากจุดนั้น สิ่งนี้ทำให้หลินเฉินโจมตีพลาดเป้าไป
ทว่าในเวลาเดียวกัน ร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้นราวกับสายรุ้งที่พุ่งผ่านท้องฟ้า มันเหมือนกับมังกรเขียวที่โผล่ออกมาจากทะเลและทำให้เกิดพายุ
พัฟ!
เสียงกระบี่ตัดทะลุเนื้อหนังดังขึ้น จากนั้นก็ตามด้วยเสียงกรีดร้องและร่างของหานจวงก็ล้มลงกับพื้น
“ข้ารอเจ้ามานานแล้ว!”
ขณะที่ปราณแท้แกว่งกวัดไปมา เลือดบนกระบี่ก็หลั่งไหลลงมาบนพื้น และเหมิงหงเฟยก็มองลงไปที่ศพที่อยู่บนพื้นอย่างความเฉยเมย
เมื่อมาถึงจุดนี้ ใบหน้าของเจียงหงจื่อก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“เป็นไปได้ยังไงกัน?”
แม้ว่าหานจวงจะทะลวงขอบเขตด้วยกำลังภายนอกและแขนขาดไปข้างหนึ่งแล้ว แต่เขาก็ยังคงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเปลี่ยนรากฐาน ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังถูกสังหารลงโดยเหมิงหงเฟยซึ่งอยู่ในขอบเขตปราณแท้เท่านั้น?
ความแข็งแกร่งของเหมิงหงเฟยนั้นเกินความคาดหมายของเจียงหงจื่อไปไกลมาก
แม้ว่าเขาจะไม่อยากเชื่อ แต่เหตุการณ์เมื่อกี้ก็ได้บอกเขาอย่างชัดเจนแล้วว่าเหมิงหงเฟยได้สังหารหานจวงลงไปแล้วจริงๆ
เหมิงหงเฟยผู้นี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่สวรรค์ประทานลงมาจริงๆ!
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ ความไม่พอใจก่อนหน้านี้ในใจของเจียงหงจื่อก็มลายหายไปโดยทันที
“ข้าจะสอบปากคำเขาว่าเขายังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่อีกหรือไม่ แต่มันก็คงจะไม่ได้แล้ว…” หลินเฉินเดินเข้ามาและมองเหมิงหงเฟยอย่างช่วยไม่ได้
หากเขาต้องการจะฆ่าหานจวง เขาก็คงจะไม่เลือกที่จะตัดแขนหานจวงในการโจมตีครั้งแรก
แผนของเขาคือการโจมตีหานจวงเพื่อตัดทางหนีทีไล่ของเขาลง จากนั้น เขาก็จะสอบปากคำหานจวงเกี่ยวกับผู้สมรู้ร่วมคิดและสถานะของพรรคมารที่เขาสังกัดอยู่
แต่โดยไม่คาดคิด หานจวงก็ยังคงมีพลังเหลือพอจะหลบเลี่ยง และในที่สุด เขาก็ถูกเหมิงหงเฟยสังหารลงในคราวเดียว
สิ่งต่างๆ แตกต่างไปจากที่คาดไว้ แต่นั่นก็ไม่สำคัญแล้ว
ภารกิจของพวกเขาในครั้งนี้คือการตรวจสอบว่ารัฐบาลของมณฑลเมฆาวารีได้ถูกแทรกซึมโดยพรรคมารหรือไม่
และตอนนี้ หลังจากตรวจสอบและประหารชีวิตผู้บงการแล้ว พวกเขาก็สามารถเดินตามรอยและค่อยๆ ไล่สืบสายลับจากพรรคมารคนอื่นๆ ต่อได้
ณ จุดนี้ ภารกิจที่พวกเขาได้รับมาจากกรมตรวจตรานภาก็ใกล้จะเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว และขั้นตอนสุดท้ายก็เหลือแค่ให้คนในมณฑลจัดการกันต่อเอง
ต่อไป พวกเขาจำเป็นต้องทำภารกิจของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ให้สำเร็จต่อไป
ด้วยเหตุนี้ หลินเฉินจึงพูดกับท่านเจียงว่า “ท่านเจียง มานั่งคุยกันเถอะ”
“ตกลง”
หลินเฉินและเจียงหงจื่อนั่งลงเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในทางกลับกัน เหมิงหงเฟยก็เก็บกระบี่ของเขาเข้าฝักและมองไปที่เด็กชายและเด็กหญิงที่ยังตกตะลึง เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “ละครสั้นได้จบลงแล้ว อีกไม่นานเราจะดำเนินการสอบรอบต่อไปแล้ว”
“ครับ/ค่ะ!”
ลู่หยุนและคนอื่นๆ ฟื้นคืนสติอย่างรวดเร็ว
ในขณะนี้ ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความชื่นชมและความอิจฉาขณะที่พวกเขามองไปที่เหมิงหงเฟย
ชายคนนี้ได้ทิ้งความประทับใจและภาพจำอันแรงกล้าเอาไว้ภายในจิตใจของพวกเขาทุกคน!