ตอนที่แล้วตอนที่ 8 ซูหยางต้องตาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10 ท่านปู่ ข้าอยากเรียนวิธีปรุงยา

ตอนที่ 9 เจ้าจะยังทำมันอยู่ไหม?


ตอนที่ 9 เจ้าจะยังทำมันอยู่ไหม?

[ เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต : ขจัดความชั่วร้าย ]

[ ความยาก : ระดับ 6 ]

[ เสร็จสิ้น : 90% ]

[ รางวัล : เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต 5 ดวง ]

บนแท่นประหาร ขณะที่หลี่หมิงก้มศีรษะลง ซูหยางได้รับการแจ้งเตือนในใจว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว

หมอกสีขาวกลายเป็นตัวอักษรหลายบรรทัดปรากฏขึ้นในใจของเขา

นอกจากนี้ยังมีข้อความหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมกัน

[ เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต : เจตจำนงแห่งสรรพชีวิตถูกใช้เพื่อสร้างวิชาดาบ วิชาดาบนั้นมาจากหัวใจ และพลังของมันนั้นขึ้นอยู่กับเจตจำนงแห่งสรรพชีวิต และเจตจำนงดาบ ]

[ รายละเอียด : ท่านสามารถใช้เจตจำนงแห่งสรรพชีวิตเพื่อสร้างวิชาดาบที่ต้องการ พลังของมันถูกกำหนดโดยจำนวนเจตจำนงแห่งสรรพชีวิตที่ใช้ แต่ขีดจำกัดสูงสุดต้องไม่เกินระดับของเจตจำนงดาบ ]

หลังจากแยกแยะข้อมูลในใจแล้ว ซูหยางก็เข้าใจจุดประสงค์ของเจตจำนงแห่งสรรพชีวิต

มันถูกใช้เพื่อสร้างวิชาดาบ

ยิ่งจ่ายมากเท่าใด วิชาดาบก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น

มันขึ้นอยู่กับเขาที่จะตัดสินใจว่าจะสร้างวิชาดาบแบบใด

หน้าที่ของวิชาดาบคือ ทำให้เขาสามารถแสดงพลังของเจตจำนงดาบได้อย่างเต็มที่

หากเขาเพียงแค่ใช้เจตจำนงดาบในการต่อสู้ เขาอาจดึงพลังของมันออกมาได้ได้เพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น

เมื่อจับคู่วิชาดาบในระดับเดียวกับเจตจำนงดาบเท่านั้นจึงจะสามารถปลดปล่อยความแข็งแกร่งได้อย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม เจตจำนงแห่งสรรพชีวิตทั้งห้ายังไม่ถึงระดับเจตจำนงดาบของเขาในขณะนี้

บนแท่นประหาร

ซูหยางมองดูท้องฟ้า

มีหมอกสีขาวจำนวนมากลอยอยู่บนท้องฟ้า ซูหยางมองเห็นมันได้ แต่มิอาจจับต้อง

การลงโทษหลี่หมิงทำให้หมอกสีขาวส่วนเล็กๆ หายไปเท่านั้น

หากหมอกสีขาวเหล่านี้เป็นตัวแทนของเจตจำนงแห่งสรรพชีวิตทั้งปวง

แล้วเขาควรจะทำอย่างไรถึงจะกำจัดหมอกสีขาวเหล่านี้ทั้งหมดได้?

ซูหยางตกอยู่ในห้วงความคิด

ซูหยางเข้าใจกุญแจสำคัญแล้ว และเขาก็ค่อยๆ ได้รับคำตอบที่เคยไม่แน่นอนในใจ

เงื่อนไขสำหรับการเกิดขึ้นของภารกิจจากเจตจำนงแห่งสรรพชีวิตคือ มีคนจำนวนมากที่ต้องการทำสิ่งเดียวกันให้สำเร็จ และความตั้งใจของพวกเขาก็ต้องแข็งแกร่งเพียงพอ

เป็นไปได้ไหมว่าหมอกสีขาวที่ลอยอยู่บนฟ้านั้นเป็นความปรารถนาที่หลากหลายของผู้คนในเมืองผิงซาน?

เพียงแต่มีคนที่มีความคิดเดียวกันไม่มากนัก และยังไม่แข็งแกร่งพอจึงไม่มีทางสร้างภารกิจได้?

ดังนั้นหากเขาแก้ปัญหาของผู้คนได้สำเร็จ เขาจะกำจัดหมอกสีขาวเหล่านี้ได้ และได้รับเจตจำนงแห่งสรรพชีวิต?

ซูหยางคลำหาคำตอบในใจอย่างคลุมเครือ

เขาไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า แต่เขาจะรู้ว่าถ้าได้ลองทำแล้ว

เขาจะไม่ช่วยในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ บางอย่าง แต่จะให้การสนับสนุนผู้คน แก้ไขความคับข้องใจ และช่วยพวกเขาจากการถูกกดขี่ นั้นคือ สิ่งที่เขาต้องการทำอย่างแท้จริง

ความทุกข์ทรมานที่ชาวเมืองได้รับไม่ได้เกิดจากหลี่หมิงเพียงคนเดียว

ยังมีอีกหลายคนที่กระทำผิด แต่ยังไม่ได้รับโทษ

กองเจิ้นหวู่ที่เขาสังกัดอยู่นั้น

มันคล้ายๆ กับตำรวจที่ซูหยางรู้จักในชาติก่อน แต่มีบางส่วนที่แตกต่างออกไป

เมื่อเขาหาหนทางได้แล้ว จากนั้นขั้นแรกต้องแก้ไขคดีต่างๆ ในเมืองผิงชาน ค้นหาผู้ที่ถูกข่มเหงรังแก จับกุมผู้กระทำผิด และจัดการบางคดีที่ยังไม่ได้รับการสอบสวน

ไม่ว่าเขาจะได้รับเจตจำนงของสรรพชีวิตหรือไม่ก็ตาม สิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่เขาต้องการทำ

อาชญากร นักเลง และร่มไม้ที่ค่อยสนับสนุนคนเหล่านี้ ล้วนเป็นเป้าหมายของการปราบปรามของซูหยาง

ประชาชนไม่มีที่ๆ จะร้องทุกข์ได้ ดังนั้นเขาต้องเป็นที่พึ่ง และให้การสนับสนุน

ทำไมคนดีต้องถูกรังแก?

เหตุใดผู้คนที่ทำงานย่างซื่อสัตย์จึงถูกปราบปรามโดยกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ซ่อนเร้นของผู้มีอำนาจ?

ทำไมคนธรรมดาต้องทนทุกข์ทรมาน?

หลังจากมีบางอย่างเกิดขึ้นในชาติที่แล้ว เขาก็มักจะคิดถึงมันอยู่เสมอ โดยปรารถนาว่ามันจะดีแค่ไหนหากมีใครสักคนสามารถยืนหยัดเพื่อสนับสนุนเขา และให้ความยุติธรรมแก่เขาได้

เขาแค่ต้องการความยุติธรรมดา

แต่เขาก็ไม่ได้รับมัน

อาจมีเจ้าหน้าที่ๆ ดี แต่เขาไม่สามารถติดต่อกับพวกเขาได้เนื่องจากสถานะของเขา และคนเหล่านั้นก็ไม่ยอมให้เขาติดต่อไปหา

เนื่องจากเขาสามารถบังแดดบังฝนให้คนอื่นได้ในชีวิตนี้ เขาจึงเต็มใจที่จะยืนหยัด

เมื่อมองดูผู้คนที่อยู่ด้านล่างแท่นประหารที่ตั้งตารอด้วยความคาดหวังอย่างยิ่ง

หัวใจของซูหยางเข้มแข็งขึ้นเล็กน้อย

เขาไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้เพียงเพื่อเห็นแก่ผู้คนในโลกนี้เท่านั้น

แต่เพื่อคล้อยตามเสียงในใจของเขาด้วย

เขาไม่พอใจกับในอาชญากรเหล่านี้ ดังนั้นเขาจะจัดการเรื่องเช่นนี้เมื่อพบเห็น

สำหรับภารกิจนั้น มันตรงกับแนวทางของเขาอย่างพอดิบพอดี

“ที่ดินที่หลี่หมืงบังคับชื้อในราคาต่ำต้องส่งคืนให้กับเกษตรกร”

“สมุนไพรที่บังคับซื้อจากคนเก็บสมุนไพร…”

“ร้านค้าทั้งหมดที่ถูกซื้อในราคาต่ำต้องถูกส่งคืนให้กับผู้เช่ารายเดิม”

"..."

หลังจากการประหาร ซูหยางก็ออกคำสั่งทีละประโยค

ทุกสิ่งที่หลี่หมิงใช้อำนาจของตนเพื่อยึดครองต้องถูกส่งคืน

ซูหยางไม่กลัวความไม่เต็มใจของตระกูลหลี่ นอกจากนี้เขายังต้องการให้ตระกูลหลี่กระโดดออกมา เมื่อนั้นเขาจะได้หาข้ออ้างในการลงมือได้ มันจะได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเสียเวลาในการรวบรวมหลักฐานเหมือนตอนนี้

หลังจากออกคำสั่งทั้งหมดแล้ว การประหารชีวิตก็จะสิ้นสุดลง

ผู้คนหลายพันรอบแท่นประหารส่งเสียงตะโกนโห่ร่อง

รูปลักษณ์ และชื่อเสียงของซูหยางจะกระจายไปทั่วเมืองผิงซานนับจากนี้เป็นต้นไป

แม้กระทั่งครอบคลุมถึงเมืองโดยรอบ

ระหว่างทางกลับไปยังโถงซุนเฟิง

จางหู่ยืดหลังตรง และติดตามซูหยางไป เมื่อสายตาของเขาที่มองซูหยางด้วยไปด้วยความชื่นชมอย่างชัดเจน

“จางหู่ เจ้าคิดว่าทำไมข้าถึงทำเช่นนี้ได้?”

จางหู่หยุดชั่วคราวเนื่องจากคำถามอย่างกะทันหัน

“หัวหน้า ข้าไม่รู้ ข้าแค่ชื่นชมท่านที่กล้าทำสิ่งที่คนอื่นๆ ไม่กล้า”

จางหู่กล่าวตามความจริง

“ถ้าเป็นเจ้า ถ้าเจ้ามีความแข็งแกร่งมากพแ เจ้าจะทำเช่นนี้ไหม?”

"ข้าจะทำ!"

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าตระกูลหลี่มอบเงินให้เจ้าหลายหมื่นตำลึง และให้ทรัพยากรบ่มเพาะมากมายแก่เจ้า?”

“ถ้าผู้บัญชาการสั่งไม่ให้เจ้าทำล่ะ?”

“จะเป็นอย่างไรถ้าเมื่อเจ้าฆ่าหลี่หมิงแล้ว เจ้าต้องพบกับการแก้แค้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”

“เจ้ายังจะยืนกรานทำเช่นนี้อีกเหรอ?”

“เจ้าจะแสวงหาความยุติธรรมให้กับผู้ที่ถูกกดขี่หรือไม่?”

ซูหยางเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และถามช้าๆ ทีละคำ

ทุกถ้อยคำแทงทะลุหัวใจของจางหู่

ยิ่งเขาเดินไปมากเท่าไร เขาก็ยิ่งเงียบลงเท่านั้น

ในตอนแรกเขาสามารถตอบรับได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าอย่างไร ถ้าเขาไม่กลัวความแข็งแกร่งของตระกูลหลี่ ทำไมเขาถึงจะไม่ทำล่ะ?

แต่หลังจากได้ยินเกี่ยวกับผลประโยชน์ แรงกดดัน และผลที่ตามมา เขาก็เริ่มมีความกังวลในใจและเริ่มชั่งน้ำหนักข้อดี และข้อเสีย

ความคิดของเขาเริ่มไม่มั่นคงอย่างช้าๆ

ใช่ แม้ว่าจะมีความแข็งแกร่งพอที่จะไม่กลัวตระกูลหลี่ แต่ก็ยังมีปัญหาอื่นๆ อีกมาก

ดังนั้น...หัวหข้าของเขายังคงยืนกรานที่จะทำเช่นนี้ แม้จะมีสิ่งล่อใจ แรงกดดัน และผลที่ตามมาก็ตาม...

“ข้าไม่ต้องการให้เจ้าตอบคำถามเหล่านี้ ข้าจะดูจากการกระทำเท่านั้น”

“สิ่งที่ข้าอยากทำคือ การได้ยินเสียงของผู้อ่อนแอในที่ๆ ข้าสามารถมองเห็นพวกเขาได้”

เมื่อได้ยิน จางหู่ที่สับสนเล็กน้อยก็ตื่นขึ้นมา

เมื่อเขาลังเลก็เป็นคำตอบในตัวเอง

ซูหยางหยิบกล่องเล็กๆ ออกมาจากอ้อมแขนของเขา

“นี่คือรางวัลของเจ้าสำหรับผลงานครั้งนี้”

“ยากระดูกเสือระดับ 8!”

“หัวหน้า มันล้ำค่าเกินไป”

“ฝึกฝนให้หนักแล้วจงสร้างประโยชน์ในอนาคต อย่าทำให้ข้าผิดหวัง”

ซูหยางมอบมันให้จางหู่แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

ยากระดูกเสือนี้เป็นเม็ดยาที่ช่วยเร่งการกลั่นพลังปราณ ดังนั้นจึงไม่มีผลกับเขา

เม็ดยาในโลกนี้จะต้องใช้ร่วมกับการขัดเกลาร่างกาย ถ้าแค่ทานยาโดยไม่ฝึกทักษะขัดเกลาร่างกายก็จะไม่ได้ผล

สิ่งนี้ทำให้ซูหยางค่อนข้างลำบากใจ

จางหู่ถือยากระดูกเสือตรงจุดเดิม มองดูซูหยางจากไปด้วยความงุนงง และกล่องเล็กก็ถูกเขาบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ

“ความเข้มข้นของการแกว่งดาบในสองวันที่ผ่านมานั้นสูงเกินไป และกล้ามเนื้อ และข้อต่อของแขนของข้าก็เริ่มปวดอีกครั้ง”

“ข้าได้ยินมาว่ามีโถงฮุ่ยซุนอยู่ที่ถนนชุนเฟิง เม็ดยาของที่นี่ดีที่สุดในเมืองผิงซาน ข้าควรไปดู”

เมื่อเดินไปในตรอก ซูหยางรู้สึกหมดหนทางที่แขนของเขาเจ็บเนื่องจากการแกว่งดาบที่เข้มข้นขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา

“ร่างกายของข้ายังบอบบางเกินไป ไม่เช่นนั้นข้าคงแกว่งดาบได้นับหมื่นครั้งต่อวัน”

เมื่อซูหยางมาที่ถนน ผู้คนที่เห็นเขาก็ถอยออกไปด้วยความเคารพ และตะโกนว่าใต้เท้า

ซูหยางสามารถเห็นความเคารพจากก้นบึ้งของหัวใจในสายตาของผู้คนเหล่านี้ได้

ความรู้สึกนี้ดีจริงๆ

โถงฮุ่ยซุน

เมื่อซูหยางก้าวเข้าไปในโถงฮุ่ยซุน ดวงตาของหลิวหยูโหรวเป็นประกายขณะที่เธอยืนรอรับลูกค้า

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด