Chapter 122 : ฟังคำแนะนำของลุง - โพชั่นมันวุ่นวาย นายไม่มีทางเข้าใจได้หรอก!
ภายในถ้ำใต้ดินลึกกว่า700เมตร
ภายในที่แห่งนี้มีนักสู้ชาวอินเดียรวมตัวกันอยู่กว่า40คน หัวหน้าของพวกเขาเป็นนักสู้เลเวล9ขอบเขตที่8ซึ่งมีโค้ดเนมส์ว่าครุฑ
สปายวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกและบอกเขาทุกอย่างที่พบเจอมา
ครุฑเข้าใจถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้และทำการมุ่งหน้าไปยังที่เกิดเหตุกับสปายผู้นั้นในทันที
เมื่อเห็นซากศพเหี่ยวแห้งกระจัดกระจาย ครุฑก็ขมวดคิ้วมุ่น
สัญชาตญาณของเขาบอกว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ง่ายดายแบบนั้น
ทำไมจู่ๆวิญญาณถึงเข้าโจมตีที่ซ่อนตัวของนักสู้ชาวอินเดียล่ะ?
ความคิดแรกของเขาคือเรื่องนี้ต้องมีใครบางคนอยู่เบื้องหลัง!
อย่างไรก็ตามหลังจากตรวจสอบดูให้ดีแล้วกลับพบว่าไอเทมของผู้ตายนั้นดูเหมือนจะไม่ถูกแตะต้องเลย ที่สำคัญที่สุดก็คือกะโหลกคริสตัลเองก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม
ถ้ามีนักสู้ใช้วิธีการบางอย่างล่อวิญญาณเข้ามาโจมตีที่ซ่อนของนักสู้ชาวอินเดียจริงๆ ถ้างั้นคนผู้นั้นยังไงก็ย่อมไม่มีทางเมินไอเทมเกรดสีทองที่ตกอยู่บนพื้นอย่างแน่นอน!
หนังสือสกิลเกรดสีทอง อุปกรณ์และรูนทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะสำหรับผู้ใดก็นับเป็นสมบัติทั้งสิ้น
นักสู้อ่อนแอบางคนบางทีอาจจะมีสกิลและอุปกรณ์เกรดสีทองแค่ชิ้นเดียวด้วยซ้ำ
ในความเป็นจริงแล้วคนที่แย่ยิ่งกว่านั้นและไม่มีเลยซักชิ้นเองก็มีอยู่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตามบนพื้นตอนนี้กลับมีหนังสือสกิลและอุปกรณ์สวมใส่ตกเกลื่อนพื้นอยู่กว่า30ชนิด!
นอกจากนี้ยังมีไอเทมเกรดสีม่วงอีกกว่า60ชิ้น
ใครบ้างจะไม่ตาลุกวาว?
ใครบ้างจะไม่คว้าพวกมันไปหลังจากที่เห็น?
สปายข้างกายครุฑอดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้ พวกเขาแสร้งทำเป็นทรุดตัวลงเพื่อผูกเชือกรองเท้าหากแต่ความจริงแล้วกลับรีบเก็บไอเทมเกรดสีทองและยัดพวกมันเอาไว้ในอุปกรณ์เก็บของ
ครุฑเห็นทุกอย่างแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
คนนั้นยิ่งโลภก็ยิ่งมีประโยชน์
ถ้าคนผู้นั้นไม่ปรารถนาในอำนาจ เงินตราและสตรีถ้าเช่นนั้นในความคิดของเขาคนผู้นั้นก็คือคนที่น่าสะพรึงอย่างแท้จริง
ครุฑอุทานออกมา “ในที่ซ่อนนี้มีคนทั้งหมด28คนแต่กลับมีเพียง26ศพ หายไปไหนอีก2คน?”
ถ้าถูกสังหารโดยวิญญาณจริงร่างกายย่อมไม่ถูกทำลาย พวกมันจะจากไปหลังจากดูดกลินพลังชีวิตจากร่างของนักสู้จนสิ้นแล้ว
สปายเร่งเอ่ยออกมา “บางทีพวกนั้นอาจจะหลบหนีไปรึเปล่าครับ? พวกนั้นอาจจะไปตายระหว่างทางก็ได้”
ครุฑใช้สกิล ‘ตรวจสอบ’ ในทันที
นี่คือสกิลเสริมที่ดรอปจากแดนลับขอบเขตที่6ในอินเดีย มันมีความสามารถคล้ายคลึงกับ ‘ตรวจจับ’ หากแต่เป็นสกิลเรียกใช้งานที่มีระยะตรวจจับกว้างกว่ามาก
หลังงจากตรวจสอบดูอย่างดีกว่าสามรอบ ครุฑก็พลันพบว่ารอบๆตัวเขานั้นมีหลุมลึกอยู่ ภายในหลุมลึกนั้นเต็มไปด้วยฝูงของอสูรปิศาจขอบเขตที่7
เขาหยิบไฟฉายออกมาและส่องลงไปด้านล่างก่อนจะพบกับปากอันน่าสะพรึงจำนวนมาก
สปายเดินเข้ามา “ท่านครุฑขอรับเจ้าพวกนี้คือแมลงกินเนื้อ พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตประจำถิ่นของบรรพตเสี้ยววิญญาณและขึ้นชื่อว่ากินได้ทุกอย่าง”
“นักสู้ชาวอินเดียในที่ซ่อนนี้จึงใช้พวกมันเป็นถังขยะและโยนทุกอย่างที่เป็นขยะลงไป”
“แม้ว่าพวกมันจะดูดุร้ายแต่ถ้าจัดการกับพวกมันแบบนี้ก็จะปลอดภัยมาก ตราบใดที่พวกเราไม่ลงไปในหลุมพวกมันก็จะไม่เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตี”
ครุฑชี้ไปที่เศษเสื้อผ้าที่ตกอยู่ข้างๆแมลงกินเนื้อ
“ตรงนั้นมีชิ้นส่วนเสื้อผ้าอยู่ นายคิดว่าเป็นของใคร?”
สปายผู้นี้มักจะมาส่งอาหารให้กับนักสู้ชาวอินเดียในที่ซ่อนแห่งนี้ในทุกๆหลายวัน เขาจึงคุ้นหน้าคุ้นตากับนักสู้ชาวอินเดียเหล่านี้มากกว่าครุฑเสียอีก
สปายมองตามและก็ดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ผมจำได้แล้ว เป็นเขา เขาคนนี้นี่แหละที่บอกให้ผมนำแกงกระหรี่มาเพิ่มเป็นพิเศษ”
ครุฑเอ่ย “ถ้าที่ซ่อนถูกพวกวิญญาณโจมตีถ้างั้นทำไมถึงมีเศษเสื้อผ้าไปตกอยู่ในปากของแมลงกินเนื้อได้? เรื่องนี้มันมีอะไรบางอย่างน่าสงสัย ฉันยังคาดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นฝีมือมนุษย์มากกว่า”
สปายยกมือขึ้นเกาหัว “ถ้างั้นพวกเราจะทำยังไงกันดีครับ?”
ครุฑลุกขึ้นยืนและเอ่ยเสียงเรียบ “รอ”
สปายเอ่ยถามด้วยความสับสน “รอ?”
ครุฑอธิบาย “ถ้าเป็นฝีมือมนุษย์จริงอีกฝ่ายก็ต้องโจมตีอีกครั้งแน่ ฉันจะให้นักสู้ในที่ซ่อนอื่นเตรียมตัวเอาไว้ พวกเราจะต้อง...จับมันให้ได้คาหนังคาเขา!”
สปายพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง “ท่านครุฑฉลาดมากเลยขอรับ!”
ทันใดนั้นเองสปายผู้นี้ก็พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงรีบเอ่ยออกมา “ยังไงก็ตามครับท่าน เมื่อไม่นานมานี้มีนักสู้ขอบเขตที่8มายังโคโลนี่หมายเลข3 คุณเองก็น่าจะรู้จักเขา ตาแก่หัวดื้อนั่นน่ะ”
ครุฑเผยสีหน้าเยาะหยัน “หลี่เหว่ยกั๋ว? ฉันรู้เรื่องนี้ก่อนจะมาที่นี่อีก เจ้าหมอนั่นเสียขาไปข้างหนึ่งในเมืองบาดาลเนื่องจากแผนการของทุ่งราบมหาสวรรค์ หมอนั่นมาที่นี่ก็เพื่อพักฟื้นและคุ้มกันโคโลนี่หมายเลข3ไงล่ะ ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก นักสู้ขอบเขตที่8เมื่อไม่มีขาแล้วฉันขอแค่สามกระบวนท่าก็ฆ่าได้แล้ว”
สปายพยักหน้ารับและโค้งคำนับให้อีกฝ่าย “หน่วยข่าวกรองของอินเดียเราทรงพลังมากจริงๆ!”
ครุฑมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกประหลาด “กองพลก่อสร้างเองก็ไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้ ถ้าเรื่องนี้พวกเรายังไม่รู้ยังจะกล้าเรียกตัวเองว่าองค์กรขนาดใหญ่อีกรึ?”
สปาย “...”
หนนี้เหมือนว่าเขาจะเลียไม่สำเร็จ
“ยังมีอีกอย่างหนึ่งขอรับ ไม่นานมานี้มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นกับบรรพตเสี้ยววิญญาณ ผู้นำของโคโลนี่หมายเลข3ต้องการซื้อโพชั่นเป็นจำนวนมาก ผมวางแผนว่าจะชักชวนนักทำโพชั่นหลายๆคนให้เข้าร่วมกับเราและทำให้ราคาของโพชั่นดีดสูงขึ้นไปอีก! ด้วยวิธีการนี้พวกเราก็จะสามารถชิงแก่นแท้มาจากกองพลก่อสร้างได้เป็นจำนวนมาก! สิ่งนี้จะช่วยให้อินเดียของพวกเราได้เปรียบ!”
“ติดอยู่ที่ว่า...” สปายยิ้มกระอักกระอ่วน “แก่นแท้ที่กระผมมีมันไม่พอที่จะชักชวนนักทำโพชั่นเหล่านั้น”
ครุฑพยักหน้าเล็กน้อยและแลกเปลี่ยนแก่นแท้ให้กับอีกฝ่าย500000แก่นแท้ “ความคิดนี้ไม่เลว ฉันจำเป็นคนจ่ายแก่นแท้ให้เองไปจัดการได้เลย”
สปายพยักหน้ารับซ้ำๆ
...
โคโลนี่หมายเลข3 พื้นที่โซนตลาด
พื้นที่โซนตลาดนั้นเต็มไปด้วยแผงลอยเล็กๆจำนวนมากที่เหล่านักสู้มาตั้งแผงขายของกัน
บ้างก็ขายอุปกรณ์สวมใส่ของตน บ้างก็ขายแร่ บ้างก็ขายโพชั่นและบ้างก็พูดคุยเรื่องการแลกเปลี่ยนแก่นแท้และแต้มค่าประสบการณ์
เสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นให้เห็นทุกหนทุกแห่ง
ทุกครั้งที่เขามาที่นี่หลินเซวียนจะรู้สึกราวกับว่ามาเดินตลาด เขาจะได้ยินเสียงของชายชราและสตรีต่อราคาอย่างสนุกสนาน
เขามายังจุดซื้อขายโพชั่น
จุดสำหรับซื้อขายโพชั่นและอุปกรณ์นั้นโดยรวมแล้วคล้ายๆกัน
พวกเขาจะตั้งแผงเอาไว้ด้านหน้าและด้านหลังแผงจะเป็นที่สำหรับทำโพชั่นและหลอมอุปกรณ์
ตามปกติแล้วเจ้าของแผงจะออกมาหลังจากมีคนตะโกนเรียกเท่านั้น
หลินเซวียนเดินไปรอบๆและพบว่ามีเจ้าของแผงขายโพชั่นอยู่ไม่มากันก ราวๆยี่สิบหรือมากกว่านิดหน่อยเห็นจะได้
โพชั่นที่ขายโดยนักทำโพชั่นทั้งยี่สิบกว่าๆคนเองก็ไม่ค่อยมีซ้ำกันเท่าไหร่ ทุกคนดูเหมือนจะขายโพชั่นที่แตกต่างกันออกไป
ในบรรดาร้านเหล่านี้มีเพียงร้านเดียวเท่านั้นที่ขายโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิต นักทำโพชั่นคนอื่นไม่สามารถสร้างโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตได้
หลินเซวียนลองถามดูว่าทำไมถึงไม่ทำโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตแต่นักทำโพชั่นเหล่านี้กลับส่ายหัว “ระดับของโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตที่มู่หยางทำนั้นดีมากและความสามารถเองก็ดีเช่นกัน พวกเราเทียบกับเขาไม่ได้ดังนั้นอย่าขายจะดีกว่า”
ทุกคนตอบแบบเดียวกัน
หลินเซวียนรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย
ใครคือมู่หยาง? เขาสามารถทำให้นักทำโพชั่นทุกคนส่ายหัวและยอมแพ้ได้เลยงั้นหรอ?
อย่าบอกนะว่าเป็นคนที่ได้รับอาชีพปรมาจารย์ยอดนักปรุงโพชั่น?
นักทำโพชั่นนั้นเป็นอาชีพเกรดสีฟ้า
ปรมาจารย์ยอดนักปรุงโพชั่นในทางกลับกันกลับเป็นถึงเกรดสีม่วง!
สกิลอาชีพของปรมาจารย์สุดยอดนักปรุงโพชั่นก็คือ : มีโอกาส25%ที่เกรดของโพชั่นทุกชนิดที่สร้างขึ้นมานั้นจะเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือถ้าใช้วัตถุดิบเกรดสีขาวเพื่อทำโพชั่น โพชั่นที่ทำได้อย่างมากก็จะเป็นเพียงโพชั่นเกรดสีขาว
หากแต่ปรมาจารย์สุดยอดนักปรุงโพชั่นนั้นมีโอกาส25%ที่จะได้โพชั่นเกรดสีเขียวจากวัตถุดิบเกรดสีขาว
อาชีพนี้ค่อนข้างน่าประทับใจ
ยังไงซะอีกฝ่ายก็สามารถใช้วัตถุดิบเกรดสีขาวสร้างโพชั่นเกรดสีเขียวได้เชียวนะ
ยิ่งไปกว่านั้นความสามารถของสกิลนี้ยังส่งผลต่อวัตถุดิบเกรดสูงกว่านี้ได้อีกด้วย
กล่าวอีกอย่างก็คือ มีโอกาสถึง25%ที่จะสร้างโพชั่นเกรดสีทองได้จากการใช้วัตถุดิบเกรดสีม่วง!
ในเวลานี้เองจู่ๆหลินเซวียนก็สังเกตเห็นชายวัยกลางคนลักษณะน่าสังเวชยืนอยู่ข้างๆแผงลอยแห่งหนึ่ง อีกฝ่ายนั้นก็กำลังเลือกโพชั่นอยู่เช่นกัน
หากแต่เขาเพียงถามเกี่ยวกับพวกมันเท่านั้นไม่ได้ซื้อแต่อย่างใด
นักทำโพชั่นจึงโมโหยิ่งนักและเกือบจะไล่เขาไปให้พ้นๆ
คนผู้นี้คือหมาป่าเงิน
“ทำอะไรอยู่?” เขาเดินเข้ามายิ้มให้
หมาป่าเงินชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะออกมา “นายเองก็มาด้วยหรอเนี่ย? มาที่นี่เพื่อซื้อโพชั่นรึไง? นายดูไม่เหมือนคนที่ขาดแคลนโพชั่นเลยนะ”
หลินเซวียนตอบ “ไม่หรอกผมมาที่นี่เพื่อตรวจสอบตลาดเฉยๆ”
หมาป่าเงินยกมือขึ้นเกาหัว “นายคิดจะยื่นมือเข้ามาแบ่งชิ้นเนื้อด้วยงั้นหรอ?”
“พวกเรามีสัมพันธ์ที่ดีดังนั้นฉันขอพูดตรงๆ เมื่อวานฉันพบว่าโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตนั้นทำกำไรได้ดีมากแต่มาวันนี้ฉันได้รู้แล้วว่าแม้ราคาของโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตจะสูงแต่...มันกลับถูกผูกขาดโดยคนเพียงคนเดียว”
หลินเซวียนเอ่ยอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “มู่หยาง?”
หมาป่าเงินพยักหน้ารับอย่างอับจน “ถูกต้อง ฉันได้ยินมาว่าเจ้าหมอนี่เป็นปรมาจารย์สุดยอดนักปรุงโพชั่น! เขาเชี่ยวชาญด้านการทำโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตและโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตขวดใหญ่ ดังนั้นนักทำโพชั่นทุกคนในโคโลนี่หมายเลข3จึงยอมแพ้ในการปรุงโพชั่นชนิดนี้และเลิกแข่งกับมู่หยางไปโดยปริยาย”
“นอกจากนี้นักทำโพชั่นหลายคนยังมีความสัมพันธ์อันดีกับมู่หยางอีกด้วย พวกเขารวมหัวกันเพื่อขึ้นราคาโพชั่นชนิดอื่นด้วยเช่นกัน! พวกนั้นกระทั่งเนรเทศนักปรุงโพชั่นที่ไม่เข้าร่วมกับพวกตนเลยด้วยซ้ำ!”
ลู่หยวนยิ้มและถามขึ้น “คุณไม่อยากแข่งกับพวกเขาหรอ?”
หมาป่าเงินยกมือขึ้นเกาหัว “ไม่ต้องพูดถึงแข่งกับมู่หยางหรอก ต่อให้แข่งกับนักทำโพชั่นทั่วๆไปฉันก็สู้ไม่ได้”
สีหน้าของเขาดูหมดอาลัยตายอยากยิ่งนัก “คนพวกนี้เลือกเปลี่ยนอาชีพเป็นนักทำโพชั่นและไม่ได้สนใจจะอัพเกรดสกิลการต่อสู้เลยซักนิด ในทางกลับกันฉันเป็นจอมเวทย์ธาตุและมีเพียงทักษะปรุงยาขั้นพื้นฐานเอง จะไปสู้ได้ยังไง?”
หลินเซวียนหัวเราะและเอ่ยออกมา “แต่ผมอยากจะแข่งนะ”
หมาป่าเงินไม่รู้แล้วว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ฉันยอมรับนะว่านายปรุงโพชั่นแผลไฟไหม้กับโพชั่นต้านทานน้ำแข็งได้ดีมากแต่ในบรรพตเสี้ยววิญญาณมันไม่ได้มีวัตถุดิบสำหรับทำโพชั่นพวกนั้น ยิ่งไปกว่านั้นนายเองก็น่าจะรู้แล้วว่าอสูรที่นี่มีความสามารถในการต้านทานสายฟ้าต่ำไม่ใช่ไฟและหาได้ยากมากที่จะใช้เวทย์น้ำแข็ง”
“โพชั่นแผลไฟไหม้กับโพชั่นต้านทานน้ำแข็งนั้นไร้ประโยชน์ในบรรพตเสี้ยววิญญาณ ของที่ขายดีที่สุดคือโพชั่นแผลสายฟ้ากับโพชั่นต้านทานเวทย์มนตร์”
หมาป่าเงินวิเคราะห์สถานการณ์ของหลินเซวียนตรงๆ พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมา “โล่เอ๋ยฟังคำแนะนำของลุงเถอะ โพชั่นนั้นวุ่นวายนายไม่มีทางเข้าใจหรอก!”
สีหน้าของหลินเซวียนไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
หมาป่าเงินไม่รู้แล้วว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เมื่อเห็นสีหน้าของโล่วิญญาณเขาก็รู้แล้วว่าเขาเปลืองน้ำลายไปฟรีๆ
หมาป่าเงินกล่าวออกมาด้วยสีหน้าสิ้นหวัง “คนหนุ่มสาวทุกวันนี้หัวดื้อกันจริงๆ ฉันอยากจะเห็นเหมือนกันว่ามือใหม่อย่างนายจะแข่งกับพวกผู้เชี่ยวชาญได้ยังไง”
หลินเซวียนยิ้มอย่างลึกลับ “เดี๋ยวก็รู้”
หลังจากบอกลาหมาป่าเงินเขาก็กลับมายังที่พักของตน จากนั้นเขาก็เข้าไปในมิติส่วนตัวและเดินตรงมายังโต๊ะปรุงยาทั้งสามโต๊ะ
โต๊ะทำงานทั้งหมดในมิติส่วนตัวของเขานั้นถูกอัพเกรดจนเป็นเลเวล4เรียบร้อยแล้ว
หลังจากอัพเกรดโต๊ะทำงานขึ้นเป็นเลเวล4 ประสิทธิภาพการทำงานก็เพิ่มขึ้นถึง100% นอกจากนี้ยังมีโอกาสถึง10%ที่จะสร้างไอเทมเกรดสูงออกมาได้
เกรดสูงที่ว่านี้ก็คือเกรดสีฟ้าหรือสูงกว่า
ตอนนี้หลินเซวียนแค่ต้องเพิ่มโอกาส10%นี้ก็พอ
[การอัพเกรดโต๊ะทำงานจากเลเวล4ไปเลเวล5ใช้แก่นแท้10000แก่นแท้]
[เลเวล5ไปเลเวล6ใช้100000แก่นแท้]
[เลเวล6ไปเลเวล7ใช้1000000แก่นแท้]
หลินเซวียนมองดูข้อจำกัดและเดาะลิ้น
ตอนนี้เขามีแก่นแท้เก็บอยู่ไม่มากนัก ไม่คิดเลยว่าโต๊ะทำงานพวกนี้จะสวาปามแก่นแท้ของเขามากมายถึงขั้นนี้
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นความสามารถของโต๊ะปรุงยาเลเวล5 เขาก็พลันเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา
[โต๊ะทำงานเลเวล5 : ความเป็นไปได้ที่จะสร้างไอเทมเกรดสูงออกมาเพิ่มขึ้นเป็น20% และจำนวนของวัตถุดิบที่ใช้ลดลง20%]
“ถ้างั้นอัพเกรดโต๊ะปรุงยาเป็นเลเวล5ก่อนเลย ค่อยมาวุ่นวายกับโต๊ะหลอมอุปกรณ์ทีหลัง”
หลินเซวียนใช้30000แก่นแท้ไปกับมัน โต๊ะปรุงยาทั้งสามโต๊ะในมิติส่วนตัวของเขาพลันถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น มีกระทั่งกลิ่นหอมของพืชพรรณลอยออกมาจากตัวโต๊ะเลยด้วยซ้ำ