บทที่ 18 : เดินผ่านผลึกถลำลึก
บทที่ 18 : เดินผ่านผลึกถลำลึก
เมื่อหลินเฉินพูดจบ เหมิงหงเฟยซึ่งอยู่ข้างๆ เขาก็เดินลงจากเวทีและก้าวไปต่อหน้าผู้สมัคร
“ข้ามีนามว่าเหมิงหงเฟย และเป็นศิษย์ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ ข้าจะรับผิดชอบในการคุมสอบร่วมกันกับท่านหลิน”
“การสอบส่วนแรกนั้นง่ายมาก ตราบใดที่พวกเจ้าไม่มีปัญหาใดๆ พวกเจ้าก็จะผ่านมันไปได้” การจ้องมองของเหมิงหงเฟยกวาดไปที่ทุกคน และรอยยิ้มเย็นชาก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเจ้าไม่ผ่านการทดสอบ ผลที่ตามมาก็อาจจะร้ายแรงสักหน่อย”
เมื่อสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มอันเย็นชาของเหมิงหงเฟย ความรู้สึกเย็นยะเยือกก็ผุดขึ้นในใจของเหล่าเยาวชน
“ทำไมข้าถึงรู้สึกไม่ดีกันนะ”
“เขาคงจะแค่ล้อเราเล่นเท่านั้น”
“แน่นอน หากเราไม่ผ่านการทดสอบ อย่างมากเราก็จะไม่สามารถเข้าร่วมสถาบันศึกษาวรยุทธ์ได้ก็เท่านั้น”
เหล่าเยาวชนเริ่มพูดคุยกันโดยขจัดความกลัวออกไปโดยไม่รู้ตัว
“เอาล่ะ มาเริ่มการทดสอบกันดีกว่า” เหมิงหงเฟยหยุดพูดและโบกมือเล็กน้อย ทหารเกราะดำสองคนยกโต๊ะขึ้นมา จากนั้นเขาก็หยิบลูกบอลคริสตัลสีดำที่เปล่งแสงอันลึกลับและลึกซึ้งออกมา แสงนี้ทำให้มันดูทรงเสน่ห์อย่างไม่อาจอธิบายได้
“นี่คือผลึกถลำลึกที่สร้างขึ้นมาโดยใช้ทรัพยากรจำนวนมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้นำมันมาใช้งาน สำหรับพลังของมัน... ข้าจะไม่บอกพวกเจ้าเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ พวกเจ้าเพียงเข้าแถวตามลำดับ ลงทะเบียนตามลำดับ และเดินผ่านผลึกถลำลึก”
“รูปลักษณ์ของผลึกจะเปลี่ยนไปตามแต่ละบุคคล และในที่สุดมันก็จะแสดงสีที่แตกต่างกันสามสี เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น พวกเจ้าจะต้องยืนเป็นสามแถวเพื่อแยกกันตามสีที่ได้”
“นอกจากนี้ การลงทะเบียนตัวตนไม่ผ่านก็ยังจะส่งผลให้เกิดผลที่ตามมาที่พวกเจ้าจะต้องแบกรับด้วย”
เหมิงหงเฟยยืนนิ่งโดยเอามือประสานไว้ที่ด้านหลังและพูดอย่างจริงจัง
เหล่าเยาวชนพยักหน้าเห็นด้วย
เนื่องจากมีผลึกถลำลึกเพียงอันเดียว ผู้สมัครจำนวนมากกว่าหนึ่งพันคนจึงต้องเข้าทดสอบทีละคน
ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการลงทะเบียนได้แก่ ชื่อ อายุและสังกัด ซึ่งเป็นกระบวนการง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้เวลามากนัก
ผู้สมัครคนแรกที่เข้ามาลงทะเบียนคือชายหนุ่มที่มีคิ้วคมดุจกระบี่และมีดวงตาเป็นประกาย เมื่อเห็นเขา คิ้วของลู่หยุนก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “ชายคนนี้คือเสี่ยวเฉิน อัจฉริยะกระบี่ที่สามารถต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่มีขอบเขตสูงกว่าได้อย่างงั้นหรอ?”
ลู่หยุนได้รับรู้เกี่ยวกับตัวตนของชายหนุ่มคนนี้เมื่อเขาได้ยินเสียงกระซิบรอบตัวเขาและเห็นผู้คนจำนวนมากจ้องมองไปที่เสี่ยวเฉิน
เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด บุคคลนี้ก็ดูไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เขาดูอ่อนเยาว์แต่มีออร่าที่ประณีตและคมดุจกระบี่ไร้ฝัก
เขาก้าวไปข้างหน้า ลงทะเบียนอย่างรวดเร็ว และเดินผ่านผลึกถลำลึกซึ่งห่อหุ้มเขาไว้ด้วยแสงอันล้ำลึก
จากนั้น ดวงดาวสิบสามดวงก็ปรากฏขึ้นบนคริสตัล และดวงดาวทั้งหมดก็เปล่งแสงสีเหลืองพราวออกมา
ในระหว่างกระบวนการ ทหารเกราะดำและผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตปราณแท้ทั้งสี่คนก็ยังคงนิ่งเงียบ เสี่ยวเฉินเดินผ่านไปอย่างสบายๆ เขาหาจุดว่างและยืนอยู่ตรงนั้นโดยเอามือไพล่หลัง
ถัดมาคือผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์พอๆ กัน พวกเขาลงทะเบียนทีละคน
เมื่อพวกเขาเดินผ่านคริสตัล จำนวนดวงดาวที่ปรากฏนั้นก็ไม่เกินสิบห้า และจำนวนที่น้อยที่สุดก็คือสิบสอง
นอกจากนี้ พวกมันทั้งหมดยังเปล่งแสงสีเหลืองพราวออกมา และตามคำแนะนำก่อนหน้านี้ พวกเขาเดินไปรวมตัวกันที่แถวทีมแสงสีเหลือง
เมื่อเห็นว่าคนเหล่านี้ผ่านการทดสอบได้ง่ายเพียงใด คนอื่นๆ ก็ลดความระมัดระวังลงและดำเนินการลงทะเบียนสอบอย่างมั่นใจและกล้าหาญ
คนส่วนใหญ่มีดาวสีเหลืองอยู่ที่ประมาณสิบสองถึงสิบห้าดวง
สำหรับส่วนที่เหลือ มันก็แบ่งออกเป็นสองส่วน
ส่วนแรก ผลึกถลำลึกได้ปล่อยแสงสีแดงพราวออกมา โดยมีดวงดาวสิบถึงสิบห้าดวงต่างกันออกไป
ส่วนที่สอง จู่ๆ ผลึกถลำลึกก็ปล่อยแสงสีขาวอันเข้มข้นออกมา แต่สุดท้ายมันก็กลับไม่มีดวงดาวใดๆ ปรากฏขึ้น
ผู้สมัครที่ทำให้ผลึกคริสตัลแสดงการตอบสนองที่แตกต่างกันทั้งสองส่วนนี้ถูกแยกออกเป็นสองแถว
ทั้งสองแถวมีคนน้อยมาก
หนึ่งชั่วโมงต่อมา มันก็ถึงตาของลู่หยุน
“ลู่หยุน อายุสิบปี หมู่บ้านธารวิญญาณ”
หลังจากลงทะเบียนข้อมูลเสร็จแล้ว ลู่หยุนก็เดินผ่านลูกบอลคริสตัล
เมื่อถูกห่อหุ้มด้วยแสงลึกลับที่ปล่อยออกมาจากผลึกถลำลึก ลู่หยุนก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ราวกับว่าเขาถูกอาบไปด้วยแสงตะวันอันอบอุ่น
ก่อนที่ลู่หยุนจะทันได้ตอบสนอง ดวงดาวสิบดวงก็ปรากฏขึ้นบนผลึกถลำลึก จากนั้นก็lตามมาด้วยแสงสีเหลืองพราว
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ลู่หยุนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกอย่างอธิบายไม่ได้
เขาเดินช้าๆ ไปรวมกับแถวที่มีผู้คนต่อกันมากที่สุด จู่ๆ ลู่หยุนก็นึกถึงคำพูดของศิษย์รุ่นเยาว์ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ในตอนต้นและสงสัยว่าการไม่ผ่านการทดสอบจะส่งผลร้ายแรงยังไง
“จำนวนดวงดาวน่าจะแสดงถึงอายุ แต่แสงสีแดง เหลืองและขาวที่เปล่งออกมาจากผลึกคริสตัลนี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”
ด้วยความสงสัย ลู่หยุนจึงเหลือบมองไปยังทิศทางของอีกสองแถว
“ฮ่าฮ่า ข้าผ่านการทดสอบครั้งแรกแล้ว!”
ทันใดนั้น ลู่เหลียงเผิงก็ตบไหล่ลู่หยุนและดึงเขากลับสู่ความเป็นจริง
“เราทั้งคู่ผ่านการทดสอบแรกแล้ว ดังนั้นเราควรจะมีความสุขกันให้มากนะ ทำไมเจ้าถึงดูงงๆ แบบนั้นล่ะ?” ลู่เหลียงเผิงสังเกตเห็นความแปลกใจในตัวลู่หยุนแล้วจึงถาม
แน่นอนว่าลู่หยุนจะไม่เปิดเผยการคาดเดาภายในของเขา เขาตอบกลับไปอย่างเฉยเมยว่า “คนส่วนใหญ่สามารถผ่านการทดสอบรอบแรกได้ ซึ่งหมายความว่าการสอบในรอบที่สองและสามนั้นจะต้องเข้มข้นอย่างไม่น่าเชื่อแน่ ดังนั้นมันจึงไม่มีอะไรน่ายินดีมากนัก”
“อ๋อ.. อย่างนั้นหรอ?” ลู่เหลียงเผิงพบว่ามันยากที่จะเข้าใจและตอบอย่างเขินๆ ว่า “อย่างไรก็ตาม เราก็ผ่านการทดสอบรอบแรกแล้ว และแม้ว่าในที่สุดเราจะตกรอบ แต่อย่างน้อยเราก็ไม่เสียหน้านะ”
ไม่นานนัก การทดสอบรอบแรกก็เสร็จสิ้นลง
มีแถวสามแถวปรากฎขึ้นกลางจัตุรัส โดยแถวที่ลู่หยุนอยู่นั้นเป็นแถวที่ยาวที่สุดโดยมีผู้คนมากกว่าหนึ่งพันคน
อีกสองแถวประกอบด้วยผู้สมัครที่ผลึกถลำลึกเปล่งแสงสีแดงและขาวออกมา
พวกเขามีทั้งหมด 10 คนในแถวสีแดงและอีก 23 คนในแถวสีขาว
ลู่หยุนคาดเดาอะไรได้บางอย่างจากการแสดงออกของคนในแถวทั้งสอง
ความวิตกกังวล ความกังวลใจและความกลัวล้วนปรากฎอยู่บนใบหน้าของพวกเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของเหล่าทหารยามและทหารเกราะดำ พวกเขาก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ อย่างกะทันหัน
“ท่านเจียงและผู้บัญชาการหาน บอกข้าหน่อยว่าเราควรจัดการกับคนที่เพิกเฉยต่อคำเตือนและปลอมแปลงอายุเพื่อเข้าร่วมการทดสอบอย่างไรดี?”
ในขณะนี้ หลินเฉินที่อยู่บนเวทีก็พูดออกมาเสียงดัง
“ง่ายมาก แค่ฆ่าพวกมันทิ้งซะ!” ผู้ว่าการมณฑลเจียงกล่าวอย่างเย็นชา
ผู้บัญชาการหานจวงแต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีเขียวที่แสดงออกถึงความสง่างามยิ้มและพูดว่า “นั่นไม่ถูกต้อง เยาวชนเหล่านี้เพียงแค่ต้องการจะเข้าเรียนที่สถาบันศึกษาวรยุทธ์ก็เท่านั้น พวกเขาถึงได้ยอมที่จะเสี่ยงทุกอย่างและทำทุกวิถีทาง อย่างไรก็ตาม ในเมื่อพวกเขาทำเราเสียเวลาและไม่ยอมฟังคำเตือนของเราเช่นนี้ ข้าจึงเห็นว่าเราควรจะจัดการลงโทษพวกเขาด้วยการลงกระบองยี่สิบครั้งเพื่อเป็นการลงโทษ!”
“เนื่องจากผู้บัญชาการหานแสดงความเห็นอกเห็นใจออกมาเช่นนี้ ข้าจึงไม่สามารถขัดต่อความปรารถนาของท่านได้ ข้าเองก็ขอเปลี่ยนการลงโทษด้วย!”
เมื่อพูดจบ เจียงหงจื่อก็หันไปหาหลินเฉินและถามว่า “แล้วพวกท่านล่ะคิดว่ายังไง?”
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องรีบคิดก็ได้” หลินเฉินตอบด้วยรอยยิ้มขบขัน “พวกท่านลองเดากันดูสิว่าผู้สมัครคนไหนที่เป็นคนโกหกเรื่องอายุ”
“ผู้สมัครที่โกหกเรื่องอายุ?” คิ้วของเจียงหงจื่อขมวดเล็กน้อย “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นผลึกถลำลึก ดังนั้นข้าจึงยังไม่เข้าใจวิธีการทำงานของมัน”
หานจวงยังคงเงียบ มีประกายแวววาวเล็กน้อยในดวงตาของเขา
ผู้สมัครหลายคนที่รอฟังผลการสอบอยู่นั้นไม่รู้ว่าในช่วงเวลาแห่งการโต้ตอบสั้นๆ นี้ ชะตากรรมของพวกเขาบางคนก็จะได้รับการตัดสินแล้ว
เมื่อมองไปที่เหมิงหงเฟยผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตปราณแท้บนแท่นซึ่งดูเย็นชาและห่างเหิน ลู่หยุนก็รู้สึกว่าลางสังหรณ์ของเขาขัดเจนขึ้น
“นำ 23 คนนั้นมา ลงโทษพวกเขาด้วยการลงกระบองคนละยี่สิบครั้ง และขับไล่พวกเขาออกไปจากสถานสอบซะ!” ในขณะนั้น เสียงของหลินเฉินซึ่งผสมด้วยปราณแท้ก็ดังก้องไปทั่วจัตุรัสกลาง มันดังเข้าถึงหูของทุกคนได้อย่างชัดเจนและทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น
ลู่หยุนเงยหน้าขึ้นมอง เขาเห็นทหารเกราะดำกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา พวกเขาจับเด็กหนุ่มทั้ง 23 คนเข้าห้องขังและพาพวกเขาออกไป
ทันทีหลังจากนั้น เสียงกระบองฟาดและเสียงร้องครวญครางอันน่าสังเวชก็ดังก้องไปทั่วจัตุรัส
ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาเดียว แต่ในปัจจุบัน ผู้คนส่วนใหญ่ที่ฉลาดพอก็เริ่มคาดเดาได้แล้วว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อ
“ว้าว มันโหดร้ายมาก!” ลู่เหลียงเผิงอดไม่ได้ที่จะลูบบั้นท้ายของเขาและส่ายหัว
“ข้าเกรงว่านี่จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น!” การจ้องมองของลู่หยุนเปลี่ยนไปที่อีกแถวหนึ่ง
แถวนั้นมีเพียงสิบคนเท่านั้น และในระหว่างการทดสอบของพวกเขา ผลึกถลำลึกก็ได้ปล่อยแสงสีแดงพราวออกมา...