บทที่ 15 : ตามหาสมุนไพร เก็บตัวฝึกฝน
บทที่ 15 : ตามหาสมุนไพร เก็บตัวฝึกฝน
“อ้า เจ้าต้องควบคุมอารมณ์ให้ดีนะ ตอนนี้เราอยู่ข้างนอกแล้ว เราต้องระมัดระวังทั้งคำพูดและการกระทำ ไม่เช่นนั้น เราก็อาจจะเผลอไปยั่วยุคนที่เราไม่ควรได้ และจากนั้น เรื่องมันก็อาจจะไม่จบแค่ที่เราฆ่าตัวตายเพื่อรับผิดก็ได้”
ระหว่างทาง ลู่เทียนหูอดไม่ได้ที่จะตักเตือน
“ไอ้เวรนั่นมันหยิ่งผยองเกินไป มันดูถูกเราโดยไม่มีเหตุผล แถมมันยังเรียกพวกเราว่าสุนัขด้วยซ้ำ เจ้าไม่ได้ยินที่มันพูดหรอ?” ลู่เหลียงเผิงโต้เถียง
“เห็นกันอยู่ว่าเขาเป็นคนยังไง เขามันพวกชอบออกคำสั่งและบังคับคนอื่น เราควรจะอดทนกับมันให้ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ด้วยทัศนคติของเขา สักวันหนึ่งเขาก็จะต้องชนกำแพงแน่นอน และมันก็คงจะสายเกินไปสำหรับการเสียใจ”
“เอาล่ะ เจ้าพูดถูก ข้าไม่ควรไปทะเลาะกับมัน” ลู่เหลียงเผิงรู้ว่าเขาผิดและไม่ต้องการจะโต้เถียงกับอีกฝ่ายต่อไป
ลู่หยุนยังคงเงียบขรึมอยู่เสมอ เขาไม่ต้องการจะมีส่วนร่วมหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทะเลาะวิวาทของเด็กทั้งสองคน จิตใจของเขามุ่งเน้นไปที่การสังเกตร้านค้าทั้งสองฝั่งถนน
มณฑลเมฆาวารีมีขนาดใหญ่มาก และพวกเขาก็ใช้เวลาเดินเล่นมาหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่ก็ยังสำรวจไม่ครบทั้งเส้นถนน
ทันใดนั้น จู่ๆ ลู่หยุนก็หยุดเดิน สายตาของเขาจ้องมองไปที่ร้านค้าชื่อโถงพฤกษาล้ำค่า
โถงพฤกษาล้ำค่าได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา ด้านหน้าของอาคารเต็มไปด้วยความหรูหราและงดงาม มันตั้งอยู่บนถนนอย่างองอาจภาคภูมิใจ มีผู้คนเข้าออกร้านอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของลู่หยุนคือขวดต่างๆ ที่วางอยู่ในร้าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องลายคราม หยก หรืออะไรก็แล้วแต่
นอกจากนี้ เขาก็ยังได้กลิ่นหอมอันสดชื่นของยาที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรง
“ลองเข้าไปดูข้างในกันเถอะ” หลังจากมองดูได้ไม่นาน ลู่หยุนก็ตัดสินใจเข้าไป
ในขณะเดียวกัน ทั้งลู่เหลียงเผิงและลู่เทียนหูก็หยุดอยู่ที่หน้าทางเข้า พวกเขาแตะกระเป๋าเล็กๆ ของพวกเขา และพวกเขาก็ไม่ได้ติดตามเขาเข้าไป
“ท่านมีอะไรให้ข้าช่วยไหม?” ทันทีที่ลู่หยุนเดินเข้าไปในโถงพฤกษาล้ำค่า เสมียนก็เข้ามาหาเขาและแนะนำเขาอย่างจริงจัง “เรามียาทุกชนิด ทั้งยารักษา ยาเสริมปราณ ยาเสริมพลัง ยาล้างไขกระดูก ฯลฯ …”
“สวัสดี ข้าอยากจะทราบราคาสินค้าสักหน่อย หากพวกมันสมเหตุสมผล ข้าก็จะซื้อมันแน่นอน!” ลู่หยุนพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน
เสมียนเหลือบมองเครื่องแต่งกายของลู่หยุนแล้วยิ้ม เขาไม่ได้มีความคิดที่จะดูถูกอีกฝ่ายเลย “ฮ่าฮ่าฮ่า ราคาสินค้าของโถงพฤกษาล้ำค่าของเรานั้นยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง และลูกค้าของเราก็สามารถมั่นใจได้เลยว่าจะได้ของดี”
หลังจากนั้น เขาก็หยิบหนังสือเล่มเล็กออกมาแล้วยื่นให้ลู่หยุนด้วยความเคารพ “เนื่องจากเรามีลูกค้าจำนวนมากและไม่สามารถรับรองได้ทั้งหมด ท่านจึงสามารถตรวจสอบรายชื่อสินค้าจากในนี้ได้เลย หากท่านต้องการอะไร ท่านก็เพียงแค่เรียกเราเท่านั้น”
“ตกลง” ลู่หยุนหยิบหนังสือเล่มเล็กมาและเริ่มดู
ยาปราณโลหิต มีฤทธิ์หลักในการเสริมพลังปราณและโลหิต ขายในราคาหนึ่งพันตำลึงเงินต่อขวด โดยมียาสิบสองเม็ดต่อขวด
ยากำลัง มีฤทธิ์หลักในการควบคุมร่างกายและเพิ่มความแข็งแกร่ง ขายราคาหนึ่งพันห้าร้อยตำลึงต่อขวด โดยมียาสิบเม็ดต่อขวด
ยาฟื้นคืนชีพ มีฤทธิ์หลักในการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายในและภายนอก ขายในราคาสองพันตำลึงเงินต่อขวด โดยมียาเก้าเม็ดต่อขวด
…
เมื่อเขาเห็นราคาของยาสามขวดแรก ลู่หยุนก็ไม่สามารถมองไปไกลกว่านี้ได้อีก เขาปิดหนังสือเล่มเล็กลงทันทีและเดินออกจากโถงพฤกษาล้ำค่ามาอย่างเงียบๆ
เมื่อเห็นลู่หยุนที่มีใบหน้าเศร้าหมองเดินออกมา ลู่เหลียงเผิงและลู่เทียนหูก็สบตากัน ทั้งคู่แสดงสีหน้าว่าพวกเขารู้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้น
“แล้วข้าจะกลับมาใหม่วันหลัง” ลู่หยุนพึมพำก่อนจะเดินต่อไปตามท้องถนน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสามคนก็มาถึงหน้าร้านขายยาแห่งหนึ่ง
ร้านขายยาไม่ใหญ่นัก แต่มันก็ไม่เล็กเช่นกัน แผ่นป้ายสีดำแขวนอยู่บนประตูไม้สีเทาโดยมีคำว่า 'ร้านขายยาหลินเฟย' เขียนอยู่
มีลูกค้าที่ดูธรรมดาๆ สองสามคนอยู่ในร้านขายยา และลู่หยุนก็เดินเข้าไปเหมือนลูกค้าทั่วไป
หลังจากมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว เขาก็เห็นสมุนไพรที่คุ้นเคยมากมาย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือร้านขายยาทั่วไปที่ทำให้ลู่หยุนรู้สึกมั่นใจในกระเป๋าเงินของเขาเองมากขึ้น
เมื่อลูกค้าคนอื่นๆ จากไปแล้ว เจ้าของร้านขายยาก็เดินเข้ามา
เขายืนเอามือไพล่หลัง สวมเสื้อคลุมสีเทา เขามีเคราแพะสีขาวเทาเป็นกระจุก และแม้ว่าเขาจะอายุเกินหกสิบแล้ว แต่เขาก็ยังคงแข็งแรงและดูมีสุขภาพดี
หลังจากเข้ามาใกล้ลู่หยุน เจ้าของร้านก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เจ้าหนุ่ม ดูเหมือนเจ้าจะมีร่างกายที่แข็งแรงและกระปรี้กระเปร่าน่าดูเลย และก็ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่จำเป็นต้องใช้สมุนไพรธรรมดาๆ ด้วย”
“เถ้าแก่ เรามาที่นี่เพื่อทำธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องมีคำถามมากมายขนาดนี้ก็ได้” ลู่เหลียงเผิงพูดอย่างฉุนเฉียว
“ฮ่าฮ่า ถูกต้อง ข้าพูดจาไม่ดีเอง” เจ้าของร้านพูดด้วยสีหน้าสดใสเขาหัวเราะแล้วถามลู่หยุนว่า “แล้วเจ้ากำลังมองหาสมุนไพรชนิดใดอยู่ล่ะ? มาดูกันว่าร้านขายยาธรรมดาๆ ของข้าจะมีสิ่งที่เจ้าต้องการหรือเปล่า”
ลู่หยุนประคองแขนขวาขึ้นด้วยมือซ้ายและลูบคางเรียบๆ ของเขาโดยไตร่ตรองว่า “ข้าไม่ได้ต้องการสมุนไพรอะไรมากมาย แต่ถ้าเป็นพวกโสมโลหิตหรือเห็ดหลินจือก็ยังพอน่าสนใจอยู่”
“ โสมโลหิตและเห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรหลักไม่กี่ชนิดในร้านขายยาของข้า แน่นอนว่าเรามีพวกมัน โปรดรอสักครู่เจ้าหนุ่ม แล้วข้าจะไปเอาพวกมันมาให้” เจ้าของร้านพูดก่อนจะเดินเข้าไปในห้องด้านหลัง
เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาก็ถือกล่องสองใบเดินเข้ามา
เขาวางพวกมันลงบนโต๊ะและเปิดอันหนึ่งเพื่อเผยให้เห็นโสมโลหิตที่วางอยู่ข้างใน
“โสมโลหิตนี้มีอายุมากกว่าห้าสิบปีแล้ว มันมีสรรพคุณดีเยี่ยมในการบำรุงพลังหยางและเสริมความแข็งแกร่งให้กับโลหิต หากเจ้าต้องการมัน ข้าก็ยินดีจะขายให้ในราคาร้อยตำลึง” เจ้าของร้านกล่าว
จากนั้นเขาก็เปิดกล่องอีกกล่องแล้วแนะนำว่า “เห็ดหลินจือนี้มีสรรพคุณบำรุงพลังปราณและทำให้จิตใจสงบ โดยทำหน้าที่บำรุงปอดและไตได้เป็นอย่างดี และมันก็มีอายุมากกว่าห้าสิบปีแล้วเช่นกัน ส่วนราคา…”
“ข้าเอาทั้งสอง แต่ข้าจะจ่ายแค่หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเท่านั้น” ลู่หยุนปิดกล่องอย่างรวดเร็วและยื่นข้อเสนออย่างเด็ดขาด
“เจ้าหนุ่ม ราคาของเจ้า… มันลดเยอะเกินไปไหม?!” เจ้าของร้านลังเล ดวงตาของเขาเป็นประกายในขณะลูบเคราแพะ
“หนึ่งร้อยสี่สิบตำลึง!”
“เจ้าหนุ่ม…”
“หนึ่งร้อยสามสิบตำลึง!”
“พ่อหนุ่ม…”
“หนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง!”
“ก็ได้ก็ได้ หนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง!” เจ้าของร้านลูบเคราของเขาและจ้องมองไปที่ลู่หยุนก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “ข้าไม่เคยเห็นใครต่อรองราคาเช่นเจ้ามาก่อน”
“ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่าน เถ้าแก่”ลู่หยุนรีบหยิบเงินออกมา จากนั้นเขาก็เก็บกล่องสองกล่องกลับไปโดยเกรงว่าเจ้าของร้านจะเปลี่ยนใจ
ในตอนแรก ลู่หยุนก็เตรียมที่จะยืมเงินจากลู่เทียนหูและลู่เหลียงเผิง แต่เขาก็ต่อรองราคาได้โดยไม่คาดคิด ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาสามารถจับจ่ายได้ด้วยตนเอง
“เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปได้แล้ว!” หลังจากได้รับเงินแล้ว เจ้าของร้านก็พูดไล่อย่างเฉยเมย
“ฮ่าฮ่า แล้วข้าจะกลับมาอุดหนุนใหม่นะ”
ลู่หยุนหันหลังกลับและจากไปอย่างพึงพอใจ
หลังจากออกมาจากร้านขายยาแล้ว ลู่เหลียงเผิงก็กระซิบด้วยความประหลาดใจว่า “นี่ใช่ลู่หยุนที่ข้ารู้จักรึเปล่าเนี่ย?”
เด็กหนุ่มที่เพิ่งออกมาจากภูเขารู้สึกประหลาดใจอย่างแท้จริงกับการแสดงของลู่หยุน
ลู่เทียนหูส่ายหัวและยิ้มอย่างอดไม่ได้ “บางทีเราอาจจะไม่เคยเข้าใจเขาเลยจริงๆ ก็ได้”
เมื่อกลับมาถึงโรงแรม ลู่คังเซิงก็กล่าวว่า “ช่วงนี้มณฑลเมฆาวารีค่อนข้างไม่สงบ ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่าออกไปเดินเล่นข้างนอกอีก จงใช้เวลาที่เหลือเพื่อฝึกฝนให้ดี”
“ยามก็ลาดตระเวนกันทั่วเมือง มันจะยังมีคนกล้าก่อปัญหาอยู่อีกหรอ?” ลู่เทียนหูกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ทุกวันนี้สิ่งต่างๆ เริ่มโกลาหลวุ่นวาย มันไม่ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิดหรอก เพราะฉะนั้นแล้ว เจ้าแค่อยู่ในห้องของเจ้าเองและฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งก็พอแล้ว”
ดูเหมือนลู่คังเซิงจะไม่ได้อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้ ด้วยเหตุนี้เอง เด็กหนุ่มทั้งสามจึงไม่กล้าถามอะไรต่อ
สำหรับลู่หยุนที่วางแผนจะแยกตัวออกไปเพื่อฝึกฝนอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว เขาก็พยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากที่ลู่คังเซิงพูดจบแล้ว ลู่หยุนก็รีบกลับไปที่ห้องของเขา ปิดประตูลงกลอน และแทบจะรอไม่ไหวที่จะเปลี่ยนโสมโลหิตและเห็ดหลินจือที่เพิ่งได้มาให้กลายเป็นคะแนนพลังงาน...