ตอนที่แล้วตอนที่ 6 เจตจำนงดาบระดับ 11
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8 ซูหยางต้องตาย

ตอนที่ 7 ปล้นคุก…ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง


ตอนที่ 7 ปล้นคุก…ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง

และหนึ่งวันผ่านไปในพริบตา

ซูหยางไม่หยุดแกว่งดาบจนกระทั่งถึงค่ำ

หลังจากที่เขาพักผ่อนแล้ว แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็หวนกลับมาอีกครั้ง

จางจื้อหวู่ ผู้บัญชาการกองเจิ้นหวู่แห่งเมืองผิงซาน

ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน คราวนี้จางจื้อหวู่ไม่ได้นั่งที่นั่งหลักอีก เขาหาที่นั่งอื่นเพื่อนั่งลง

“ซูหยาง ยังมีที่ว่างให้ผ่อนปรนในเรื่องนี้ได้”

“แม้ว่าเจ้าจะมีความแข็งแกร่งระดับ 7 แต่ตระกูลหลี่ก็มีผู้สนับสนุนที่อยู่ในระดับ 6 สองคน”

ซูหยางนั่งบนที่นั่งหลัก และพูดอย่างใจเย็น “ระดับ 6 นั้นเรียกว่าแข็งแกร่งแล้วเหรอ เบื้องหลังข้าคือ ต้าเซี่ย”

ซูหยางได้ตัดสินใจแล้ว เมื่อเขาเห็นความอยุติธรรมแบบนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะเข้าไปยุ่งเท่านั้น แต่ยังจะทำให้ถึงที่สุดอีกด้วย มันไร้ประโยชน์ไม่ว่าจะใครจะเข้ามาขัดขวางก็ตาม

เว้นแต่อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าเขา เพื่อรักษาชีวิตตัวเอง เขาอาจจะปล่อยมันไปชั่วคราวได้

แต่ถ้าจะใช้อำนาจ และเงินเพื่อชักจูกเขาให้ปล่อยผู้กระทำความผิด

บอกได้คำเดียวว่า เป็นไปไม่ได้!

เขาได้ประสบกับความอยุติธรรมในชีวิตก่อนหน้านี้ และไม่มีใครสามารถยืนหยัดเพื่อเขาได้

ในชีวิตนี้เขาเต็มใจยืนหยัดเพื่อผู้อื่น

เขาจะฆ่าคนชั่วเหล่านั้นให้หมด!

เขาจะเป็นดั่งต้นไม้สูงตระหง่านที่ให้ร่มเงา และสังหารศัตรูทั้งหมดด้วยดาบเล่มเดียว!

นี่คือความเชื่อของเขาในชีวิตนี้

เพื่อขจัดความอยุติธรรมที่พบเจอ และแสวงหาเส้นทางที่เขาควรจะเดิน

จางจื้อหวู่เงยหน้าขึ้น: "ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าใจล่ะ?"

"ใช่ มีต้าเซี่ยอยู่ข้างหลังเรา แต่ต้าเซี่ยสามารถปกป้องเราได้หรือไม่ แล้วถ้านักสู้หรือผู้ฝึกฝนระดับ 6 มาฆ่าเรา"

"แม้ว่าต้าเซี่ยจะตามฆ่าอีกฝ่ายหลังจากที่เราตายไป และไปสอบสวนตระกูลหลี่ แต่ถ้าพวกเราตายกันหมด แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรอีกล่ะ?”

“ในความคิดของข้า เจ้าเพียงต้องการให้ความยุติธรรมกับพลเรือนเหล่านั้นเท่านั้น ตอนนี้ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ตอนนี้เจ้าบรรลุเป้าหมายแล้ว และหลี่หมิงจะไม่ทำแบบนั้นอีกในอนาคตอย่างแน่นอน”

“ถ้าเราสู้ต่อไปมีแต่จะแพ้กันทั้งสองฝ่าย”

“คนหนุ่มสาวไม่เข้าใจหรือไงว่าการมีชีวิตอยู่นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด” ”

หลังจากการโน้มน้าวใจ จางจือหวู่ก็ล้วงเข้าไปแขนเสื้อแล้วหยิบกล่องไม้สีม่วงออกมา

“นี่คือโสมป่าอายุนับร้อยปีที่ตระกูลหลี่ส่งมาให้ข้า มันจะเป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ฝึกฝนระดับ 7”

“เอ่อ”

ซูหยางยิ้มเมื่อเห็นสิ่งนี้ “ตระกูลหลี่สมเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จริงๆ ด้านหนึ่งส่งมือสังหารมา อีกด้านหนึ่งส่งท่านมาโน้มน้าวข้า”

ถ้าเขาเห็นด้วยกับการโน้มน้าวใจของจางจื้อหวู่จริงๆ อะไรคือความแตกต่างระหว่างตัวเขากับเจ้าหน้าที่ๆ ทุจริตที่ปกป้องผู้กระทำผิดในชาติที่แล้ว?

“ที่เจ้าพูดหมายถึงอะไร”

จางจือหวู่ขมวดคิ้ว ราวกับว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นโดยที่เขายังไม่รู้

“เจ้าถึงพูดอะไรกันแน่น”

“ผู้บัญชาการจาง ดูเหมือนท่านจะยังไม่รู้”

ซูหยางมองไปที่จางจื้อหวู่อย่างสนุกสนาน จากนั้นจึงเปิดเผยว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้

“ส่งของกลับไปให้เขาเถิด มีหลายสิ่งที่เงินเปลื่ยนแปลงไม่ได้ต่อให้มีมากเท่าใดก็ตาม”

“รู้ไหม ท่านหยุดข้าไม่ได้หรอก”

ใบหน้าของจางจื้อหวู่มืดลง และเขาก็เก็บกล่องไม้ไปอย่างช่วยไม่ได้

แม้ว่าซูหยางจะดูถูกตัวเขา แต่จางจื้อหวู่ไม่สนใจ เขาสูญเสียศักดิ์ศรีไปนานแล้ว ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงอยู่ภายใต้ความเมตตาของตระกูลหลี่?

หลังจากเดินออกจากห้อง จางจื้อหวู่ก็มองดูท้องฟ้าราวกับนึกถึงตัวเองเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว

ในเวลานั้นเขาอาจเป็นชายหนุ่มที่มีความมุ่งมั่น และทะเยอทะยาน

แต่ประสบการณ์ที่ได้พบ สอนเขาในหลายๆ สิ่ง

เขาต้องยอมรับว่าตนแก่แล้ว

จวนตระกูลหลี่ หน้าอกของหลี่อี้เซียงพองขึ้น และยุบลง

เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธเล็กน้อยแล้ว

เขาไม่เคยเสียหน้าขนาดนี้มาก่อน

แต่อะไรทำให้ซูหยางเป็นผู้ฝึกฝนระดับ 7?

เขาได้ขอให้ลูกน้องรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับซูหยางแล้ว

พ่อของอีกฝ่ายชื่อ ซูหยู่ เขามาที่เมืองผิงซานเมื่อห้าปีก่อน และได้รับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยตรวจตราถนนชุนเฟิงด้วยความแข็งแกร่งระดับ 8

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา อีกฝ่ายเก็บตัวต่ำมาก เพียงแค่ทำหน้าที่ และไม่ก้าวก่ายกิจการของผู้อื่น

สำหรับต้นกำเนิดที่เฉพาะเจาะจงนั้นไม่สามารถตรวจสอบได้

อีกฝ่ายเสียชีวิตด้วยอาการป่วยที่บ้านเมื่อเดือนที่แล้ว และลูกชายของเขา ซูหยางสืบทอดตำแหน่งต่อ

ซูหยางคนนี้ก็มาที่นี่เมื่อห้าปีที่แล้ว แต่ในช่วงห้าปีนี้ เขาไม่ค่อยออกไปข้างนอก และอยู่บ้านตลอดเวลา

ทำไมเขาถึงอยู่ที่ระดับ 7 ล่ะ?

มีข้อมูลน้อยมากแม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ที่นี่มาห้าปีแล้ว แต่ก็ไม่มีร่องรอยใดๆ

หลี่อี้เซียงรู้สึกแปลกเป็นอย่างมาก

สถานการณ์ในตอนนี้คือ เขาไม่สามารถทำอะไรกับซูหยางได้จริงๆ

ทั้งแบบแข็ง และแบบอ่อนก็ไม่สามารถทำได้

จะทำอย่างไรดี?

ปล้นคุก

ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้นในใจของหลี่อี้เซียง

เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้น มันก็เหมือนวัชพืชที่หยั่งราก และเติบโตอย่างรวดเร็ว

หลี่อี้เซียงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

ภายนอก จางจือหวู่ไม่สามารถปราบปรามซูหยางได้

ลับหลัง คนที่เขาส่งออกไปก็ไม่การเคลื่อนไหวเช่นกัน

จากนั้นเมื่อเขานึกถึงแนวทางที่พอจะทำได้ เขาก็ตัดสิน

หลี่อี้เซียงก็เริ่มเตรียมการในทันที

ถ้าจะปล้นคุกต้องเตรียมตัวให้ดี

สถานการณ์ในคุกซุนเฟิง เวลาใดคือ เวลาที่ดีที่สุดในการลงมือ และควรลงมืออย่างเงียบๆ

สองวันผ่านไปในพริบตา

นี่เป็นค่ำคืนของวันที่สาม และเป็นคืนก่อนการประหารชีวิตของหลี่หมิงด้วย

ในวันนี้ ซูหยางใช้เวลาในการแกว่งดาบนานกว่าปกติหลายชั่วโมง

เขาไม่หยุดจนกระทั่งมีเสียงเตือนเข้ามาในใจ

[ แต้มความชำนาญ +1 เจตจำนงดาบ +1 ]

[ ดาบเทียนฉิน ]

[ เจตจำนงดาบ : ระดับ 12 ( 0 / 12000 ) ]

[ วิชาดาบ : ไม่มี ]

[ เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต : 0 ]

เมื่อเจตจำนงดาบยกระดับ เจตจำนงดาบในตันเถียนของซูหยาง เพิ่มขึ้นหลายส่วนในทันที

เมื่อรู้สึกถึงพลังของมัน ซูหยางก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ

นี่คือความมั่นใจของเขาที่จะขจัดความอยุติธรรมในโลก

การเพิ่มระดับเจตจำนงดาบไม่ใช่เรื่องยาก แต่ละระดับจะเพิ่มจำนวนการแกว่งดาบเพียงพันครั้งเท่านั้น

ถ้าเขาไม่ได้ใช้เวลามากในทำความเข้าใจความสามารถนี้ เมื่อเขามายังโลกนี้ครั้งแรก ระดับของมันคงจะสูงกว่านี้

นอกจากนี้ยังมีบางสิ่งที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการแกว่งดาบ ไม่สามารถแกว่งดาบแบบลวกๆ ได้ ไม่เช่นนั้น มันจะไม่ได้รับแต้มความชำนาญ

เมื่อเขามายังโลกนี้ครั้งแรก เขาต้องใช้เวลาสักพักในการฝึกท่วงท่า และแกว่งดาบอย่างถูกวิธีเพื่อให้แต้มความชำนาญเพิ่มขึ้น และยกระดับเจตจำนงดาบ

เจ้าของเดิมของร่างนี้ไม่ได้ฝึกฝน อีกฝ่ายอ่านคัมภีร์ของปราชญ์ และต้องการเดินบนเส้นทางแห่งวรรณกรรม

ร่างกายนี้จึงอ่อนแอ

เมื่อเขาเริ่มแกว่งดาบเป็นครั้งแรก สามารถแกว่งดาบได้พันครั้งต่อวันก็ถือว่าดีแล้ว

ต่อมาเมื่อแกว่งดาบบ่อยขึ้น และร่างกายของเขาค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น เขาจึงแกว่งดาบได้มากขึ้นกว่าเดิมในแต่ละวัน

ตอนนี้เขาจะไม่เดินบนเส้นทางแห่งวรรณกรรมอีกต่อไป การแกว่งดาบสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาได้ เขาจะเลือกเส้นทางที่ยากลำบากเช่นนี้ไปทำไม?

หากเขาต้องเลือก เขาจะเลือกการขัดเกลาร่างกายอย่างแน่นอน

น่าเสียดายที่การขัดเกลาร่างกายช้าเกินไปในความคิดของเขา

แม้ว่าคนๆ นั้นจะมีทรัพยากรเพียงพอที่จะขัดเกลาร่างกายของตน แต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีในการก้าวไปสู่ระดับ 9

และต้องขัดเกลาทุกวัน ห้ามขาด

แต่นั่นจะไม่ขัดแย้งกับการแกว่งดาบของเขาหรอกเหรอ?

ถ้ามีเวลาถึงหนึ่งปี เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจตจำนงดาบจะไปถึงระดับใด จึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาขัดเกลาร่างกาย

อย่างไรก็ตาม นอกจากการฝึกขัดเกลาร่างกายแล้ว คงจะดีถ้าเขาสามารถหาสิ่งที่ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกายได้โดยตรง

ทันใดนั้น เจตจำนงดาบของเขาที่ทิ้งไว้ในคุกก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง

ซูหยางขจัดความคิดนับพันในใจออกไป

เขาสอดดาบกลับเข้าไปในฝักที่เอวอย่างรวดเร็ว และรีบวิ่งไปที่คุก

“ปล้นคุก ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด