1355 - งานชุมนุมในเหมาซาน
1355 - งานชุมนุมในเหมาซาน
“ไม่รู้ว่ายอดฝีมือสมัยก่อนแข็งแกร่งมากเพียงใด ทุกสิ่งที่ตกทอดมาจากมือของพวกเขาล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าทั้งสิ้น”
เย่ฟ่านอยู่ไม่ไกล และมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนมุมปากเมื่อได้ยินผู้คนหลายคนกำลังพูดคุยกัน
“น่าเสียดายที่พี่ใหญ่เกิดมาผิดยุค หากพลังปราณแห่งสวรรค์พิภพยังไม่เหือดแห้ง เขาอาจจะกลายเป็นผู้นำลัทธิเต๋าในยุคปัจจุบันไปแล้วก็ได้”
ท่ามกลางบุรุษและสตรีหลายคน มีชายคนหนึ่งถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างชื่นชมเขาอย่างจริงใจ
เมื่อเย่ฟ่านสังเกตเห็นคนผู้นี้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายมีความแข็งแกร่งไม่ธรรมดาจริงๆ
“ต้องขออภัยทุกท่านด้วยตอนนี้ข้ากำลังรอพี่น้องของข้าอยู่ ต้องขอตัวก่อน”
คนที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ส่ายหน้าและกล่าวกับชายและหญิงหลายคนที่อยู่รอบๆ ก่อนจะปลีกตัวออกไปอย่างไม่แยแส
“ข้าได้ยินมาว่าพี่ใหญ่คืออัจฉริยะผู้ท้าทายสวรรค์ ชื่อของเขาคือหลงเสี่ยวเชวีย เขายังเด็กแต่ได้รับการยกย่องจากบรรพชนอย่างสูง” หญิงสาวคนหนึ่งกล่าว
“ระดับการบ่มเพาะในปัจจุบันของหลงเสี่ยวเชวียนั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้ ว่ากันว่าเขาสามารถแข่งขันกับผู้อาวุโสระดับสูงได้โดยไม่เป็นรอง เขาเป็นเด็กที่น่าทึ่งจริงๆ เขาจะเปล่งประกายในการประชุมครั้งนี้อย่างแน่นอน”
เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจที่คนเหล่านี้มาจากเผ่าวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ย
ทายาทของหลงเชวีย(วิหคมังกร) เป็นทายาทของเทพอสูรโบราณและอยู่ในสี่มหาอำนาจเผ่าอสูที่แข็งแกร่งที่สุดในจีน
“พวกเจ้าคิดว่าผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นจะปรากฏตัวขึ้นหรือไม่? สายหลักไม่พอใจอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคราก่อน และตอนนี้พวกเขาตามหาบุคคลนั้นอยู่”
“เราไม่สามารถกล่าวอะไรมากกว่านี้ได้ มีเพียงหลงเสี่ยวเชวียของเชื้อสายหลักเท่านั้นจึงจะคู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของเขา”
หลังจากที่ชายหนุ่มและหญิงสาวพูดคุยจบ พวกเขาก็เดินจากไป เย่ฟ่านยืนอยู่บนยอดเขาเป่าปู้อยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็เดินต่อ
ระหว่างทางเขาเห็นนักพรตมากมาย แม้ว่าพวกเขาจะสวมเสื้อผ้าสมัยใหม่ แต่นิสัยของพวกเขาก็แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาเหล่านั้นล้วนมีพลังวิญญาณล้อมรอบร่างกายของตนเอง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลงเสี่ยวเชวียคืออัจฉริยะที่สามารถเอาชนะผู้อาวุโสระดับสูงได้”
ในระหว่างการเดินทาง ผู้คนพูดคุยเกี่ยวกับบุคคลที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันเป็นครั้งคราว และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปรมาจารย์จากนิกายต่างๆ แต่ไม่มีใครเลยที่จะโดดเด่นเท่าหลงเสี่ยวเชวีย
“ทายาทของเทพอสูรผู้ยิ่งใหญ่ย่อมมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก พวกเขามีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผู้สูงสุดในอนาคต”
เย่ฟ่านรู้สึกหวาดหวั่นกับคำพูดที่เขาได้ยินระหว่างการเดินทาง ดูเหมือนว่าชื่อที่เขาได้ยินจากการพูดคุยของผู้คนที่อยู่ระหว่างทางนั้นจะมีความพิเศษอย่างมาก แม้แต่ตัวเขาก็ยังอดที่จะยกย่องชายคนนี้ไม่ได้
“อย่ามองข้ามเผ่าอื่น! เทพธิดาเฟิ่งหวงจากเชื้อสายจู้จวงก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน นางได้มาถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรแปลงมังกรแล้วว่ากันว่าแม้แต่ปู่ของนางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางอีกต่อไป”
“เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”
“มีสตรีเช่นนั้นจริงๆ?”
“นางน่ากลัวมากกว่าที่พวกเจ้าจินตนาการด้วยซ้ำ”
“ความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าผู้อื่น และความทะเยอทะยานของนางนั้นสูงกว่าผู้ใดในโลก นางเคยกล่าวไว้ว่านางจะเดินตามรอยเท้าของเทพอสูรโบราณเข้าสู่ทะเลดวงดาวที่ไม่สิ้นสุดและท่องไปทั่วจักรวาลนี้ให้ได้”
“นางชั่งน่าสนใจจริงๆ ไม่ทราบว่านางแต่งงานแล้วหรือไม่?”
“สายตาของนางสูงส่งปานนั้น นางจะชายตามองพวกเราได้อย่างไร? ข้าเกรงว่าแม้แต่หลงเสี่ยวเชวียก็มีความหวังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เว้นแต่ว่าเขาจะกลายเป็นเซียนอาจได้รับความสนใจจากนางบ้าง”
ในระหว่างการเดินทางของเย่ฟ่าน ในนักพรตหลายคนกล่าวถึงเรื่องนี้ หลงเสี่ยวเชวียได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะ และหวงเทียนหนี่ก็เช่นกัน
ภูเขาและโขดหินนั้นงดงาม แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถไปยังภูเขาหลักได้
แน่นอนว่าสถานที่ที่ดีที่สุดในโลกถูกปกคลุมไปด้วยค่ายกลโบราณที่แข็งแกร่งและมีเพียงผู้บ่มเพาะเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้
ยอดเขามีหมอกปกคลุม ยอดเขาสีเขียวหลายแห่งตั้งอยู่คู่กัน แม้ว่าจะไม่สูงมากนักแต่ก็มีหมอกปกคลุมอย่างแน่นหนาทำให้ยากจะมองเห็นทัศนวิสัยที่แท้จริงได้
มีวัดเต๋าโบราณตั้งอยู่ยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหมอก นี่คือนิกายซางชิง และเป็นสถานที่ประชุมในวันนี้ด้วย แน่นอนว่าคนนอกจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในดินแดนบรรพชนของลัทธิเต๋าอย่างเด็ดขาด
เสี่ยวซงเข้าไปอยู่ในกระเป๋าของเย่ฟ่าน ดวงตาสีดำขนาดใหญ่ที่เหมือนอัญมณีของมันก็มองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“นั่นคือจางชิงหยาง จากภูเขาหลงหู่ เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคปัจจุบัน” มีคนกล่าวจากด้านหลังด้วยเสียงต่ำ
ในระยะไกล มีชายหนุ่มคนหนึ่งถูกรุมล้อมด้วยนักพรตชราหลายคนเดินมาถึงหน้าวัดเต๋าแล้ว
“ปรมาจารย์เส้าเทียนจากภูเขาหลงหู่ ดินแดนอันเป็นมงคลของเต๋า เขาต้องมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน”
“แน่นอนว่าในปัจจุบันมีนิกายเต๋ามากมาย ปรมาจารย์แต่ละคนล้วนไม่ต้องการอยู่ในอาณัติของผู้อื่นพวกเขาจึงสร้างสำนักเสาของตัวเองขึ้นมาเพื่อให้ได้รับความเคารพจากผู้คนภายนอก อย่างไรก็ตามปรมาจารย์เศร้าเทียนจากภูเขาหลงหู่ทรงพลังอย่างแท้จริงแน่นอน”
มีเสียงร้องอุทานดังขึ้น พร้อมกับทักษะกระบี่ที่เจาะผ่านความว่างเปล่า จากนั้นร่างของใครบางคนก็ลงสัมผัสพื้นอย่างนิ่มนวล เขาโค้งคำนับอย่างนอบน้อมก่อนจะเข้าไปในวิหารเต๋า คนผู้นี้เป็นนักพรตจากนิกายเซียนกระบี่
“นี่เป็นยอดฝีมือจากนิกายเซียนกระบี่ เขาต้องเป็นจ้านปี้ฟ่านผู้โด่งดังอย่างแน่นอน ผู้คนเล่าลือว่าเขาเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของคนยุคปัจจุบัน ด้วยการกวาดกระบี่ออกไปเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำลายภูเขาขนาดใหญ่ให้พังพินาศได้”
“ยอดฝีมืออันดับหนึ่งไม่แน่ว่าจะเป็นเขา แต่เขาควรจะเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดายอดฝีมือรุ่นเยาว์อย่างไม่ต้องสงสัย นี่คืออัจฉริยะที่ได้รับการยกย่องจากผู้อาวุโสมากมาย”
เย่ฟ่านเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชน และฟังคำพูดของพวกเขาอย่างเงียบๆ และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ไปด้วย
นี่เป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่มีนักพรตทั่วโลกต่างเข้าร่วมการชุมนุมอย่างคับคั่ง อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านยังไม่รู้ว่าเจตนารมณ์ในการชุมนุมครั้งนี้มีขึ้นเพื่ออะไรกันแน่
ในเวลาต่อมาเรือหยกลำหนึ่งแล่นผ่านท้องฟ้าอย่างสง่างาม และลงจอดบนยอดเขาในระยะไกล ชายและหญิงหลายสิบคนบนเรือหยกกำลังทยอยลงจากเรือ เพื่อมุ่งหน้าสู่วิหารเต๋า
“คนเหล่านั้นคือคนจากคุนหลุน พวกเขาก็เข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้ด้วย!”
ทันทีที่คนเหล่านี้ปรากฏตัว พวกเขาทำให้ผู้คนที่อยู่ล้อมรอบรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เพราะคนจากคุนหลุนมีพลังมหาศาล และพวกเขาได้รับพรจากเส้นเลือดมังกรโบราณทำให้คนเหล่านี้แข็งแกร่งมากกว่าผู้บ่มเพาะรุ่นเดียวกัน
ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของคุนหลุน ชื่อของเขาคือเสวี่ยเฉิน ฐานการบ่มเพาะของเขาแข็งแกร่งไม่อาจมองผ่านได้ คราวนี้เขาเป็นผู้นำขบวนมาที่นี่ด้วยตัวเอง โชคดีที่มีใครบางคนจดจำเขาได้
“ปรมาจารย์เสวี่ยเฉินเป็นผู้ทรงพลังอย่างแท้จริง แม้กระทั่งชายหนุ่มและหญิงสาวหลายคนที่ติดตามอยู่ด้านหลังของเขาก็ยังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง…”
“อย่าพยายามยั่วยุโทสะของคนเหล่านี้อย่างเด็ดขาด พวกเขาแตกต่างจากผู้คนของจงหยวน(ภาคกลางของประเทศจีน)?”
เสียงจากกลุ่มผู้บ่มเพาะหลายคนพยายามตักเตือนกัน สถานะของคุนหลุนมีความสำคัญมากตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้น จะเป็นจุดสนใจในทันที
สำนักคุนหลุนได้บ่มเพาะลูกศิษย์สองคนที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งมากที่สุด สองคนนี้มีความโดดเด่นอย่างมากและผู้คนเชื่อว่าพวกเขาจะกลายเป็นผู้สูงสุดอย่างแน่นอน
ดังนั้นใครๆ ก็สามารถจินตนาการถึงพรสวรรค์ของพวกเขาได้ โหย่วเหวยอวี้ เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของสำนัก เขามีจิตวิญญาณที่กล้าหาญและบ่มเพาะจนถึงขอบเขตสูงสุดของอาณาจักรแปลงมังกรแล้ว
เอี๋ยนเสี่ยวอวี้ เป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างเพรียวบาง มีผมเส้นสีดำราวกับน้ำตก และคิ้วสีดำโค้งงอ นางเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์อย่างมากได้รับการขนานนามว่าเทพธิดาแห่งคุนหลุน
“ผู้ที่มีความสามารถมากที่สุดในโลกอยู่ที่นี่กันแล้ว หลงเสี่ยวเชวีย หวงเทียนหนี่ จ้านอี้ฟ่าน ปรมาจารย์คุนหลุน นี่เรียกได้ว่าเป็นงานชุมนุมของอัจฉริยะแห่งยุคเลยก็ว่าได้”
ผู้บ่มเพาะบางคนถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ไม่มีทางที่พวกเขาจะเปรียบเทียบได้เลย
หวงเทียนหนี่และเอี๋ยนเสี่ยวอวี้เป็นคนที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ร่างที่งดงามเสมือนเทพธิดาของทั้งสองดึงดูดความสนใจได้มาก
ไม่ว่าพวกนางจะปรากฏตัวขึ้นที่ไหนในโลก หญิงสาวทั้งสองคนนี้ย่อมเป็นผู้ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดเสมอ
เมื่อเย่ฟ่านเข้าสู่ดินแดนอันบริสุทธิ์ของนิกายซางชิง และเดินไปรอบๆ เพื่อฟังความคิดเห็นของผู้คน พร้อมกับตรวจสอบสิ่งที่เกี่ยวข้องกับหยวนซื่อเทียนจุน
ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นดวงตาคู่หนึ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองกลับไปและเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังจ้องมองเขาด้วยความเกลียดชัง