ตอนที่ 606 ต้นกระดิ่งลมสีม่วง
ตอนที่ 606 ต้นกระดิ่งลมสีม่วง
ที่ศูนย์กลางของพระราชวังแห่งใหม่บนยอดเขาเสียดฟ้า มีห้องโถงแห่งใหม่ที่เรียกว่า “ห้องโถงเสียดฟ้า” ซึ่งภายในนั้นยังมีลานสำหรับการฝึกศิลปะการต่อสู้อีกด้วย ซึ่งมันเป็นภาพที่งดงามมาก
แต่เนื่องจากมีคนน้อยมากบนยอดเขาเสียดฟ้า ลานนั้นจึงไม่ได้ใหญ่มากนัก
ทางฝั่งซายของพระราชวังเสียดฟ้า มีสวนแห่งใหม่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้นานาชนิด ซุ่งมีแม้กระทั่งหินตกแต่งและลําธารที่ไหลอยู่ด้วย ซึ่งมันเหมือนกับพื้นที่สู่แดนสวรรค์
ในส่วนด้านในสุดของสวนนั้นมีศาลาไม้อยู่สองสามแห่ง ซึ่งมีไว้เพื่อพักผ่อนจากการฝึกตนและเอาไว้นั่งดื่มชา ซึ่งมันสวยมากๆ
ยื่อซวนรู้สึกพอใจมากหลังจากที่เดินชมไปทั่วพื้นที่ เขาหันหน้ากลับมาและพูดกับเหล่าลูกศิษย์ของเขาว่า“เอาล่ะ ถ้าพวกเจ้าชอบบ้านหลังไหน พวกเจ้าก็สามารถย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังที่พวกเจ้าชอบได้เลย”
หลังจากที่ได้ยินแบบนี้ ชู่เก๋อเย่หยูและอีกสองคนจึงเริ่มเลือกบ้านทันที
เซียงหยุนตกใจมาก เพราะเธอรู้สึกเหมือนเธอจะชอบบ้านทุกหลังที่เธอไดเห็น
“ฮ่ะๆ บ้านหลังนี้น่ะสวยๆมาก ข้าเอาหลังนี้แหละ!”
“ไม่สิ หลังนั้นก็ดีเหมือนกัน ข้าก็จะเอาหลังนั้นด้วย...”
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นบ้านไม้ที่สวยงามเหล่านี้
เนื่องจากเธอเคยอาศัยอยู่ในกระท่อมที่มุงรอบบ้านกับพ่อแม่ของเธอ และหลังจากการโจมตีของสัตว์ร้าย เธอจึงอาศัยอยู่กับชายชราที่เธอเรียกว่าปู่ในวัดที่ทรุดโทรมแทน
ดังนั้นการได้เห็นบ้านไม้ที่สวยงามเหล่านี้ ทําให้เธอตื่นเต้นอย่างมาก
เธอเดินเล่นรอบๆสวนไปอย่างมีความสุข ส่วนเฟิงซี่หยุนก็เดินไปหลังจากที่เซียงหยุนเลือกบ้านไม้ของเธอ
“ศิษย์น้อง เจ้ากลัวหรือไม่ถ้าหากว่าต้องนอนคนเดียวตอนกลางคืนน่ะ? ถ้าเจ้ากลัวล่ะก็เจ้าอยากนอนด้วยกันกับข้าไหม?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ดวงตาของเซียงหยุนจึงเบิกกว้าง เธอเงยหน้าขึ้นและพูดว่า "ไม่เอา!!"
“ตอนนี้ข้าโตแล้ว ไม่ว่าข้าจะกลัวแค่ไหน แต่ตอนกลางคืนข้าก็ต้องนอนคนเดียว”
“ฮ่ะๆ ไม่เป็นไร ยังไงซะบ้านของข้าก็อยู่ติดกับบ้านของเจ้า ถ้าหากเจ้ามีปัญหาอะไร เจ้าก็ออกมาเรียกข้าได้ตลอดเลยนะ”
เฟิงซี่หยุนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
แม้ว่าเซียงหยุนนั้นจะอายุเพียงหกขวบ แต่เธอก็เป็นใช้ชีวิตอย่างอิสระและเป็นคนเอาแต่ใจมาก
แต่หลังจากที่คิดอย่างรอบคอบแล้วมันก็ไม่แปลกอะไร เพราะท้ายที่สุด เซียงหยุนนั้นก็ใช้ชีวิตด้วยลำแข้งและสองมือเพื่อเอาตัวรอดด้วยตัวเองหลังจากที่เธอสูญเสียครอบครัวไป
“เอาล่ะ ไปเก็บของของพวกเจ้าซะ และพวกเจ้าค่อยย้ายเข้ามาในบ้านใหม่ของเจ้าในภายหลัง”
หลังจากที่เขาเลือกบ้านแล้ว ยื่อซวนจึงยิ้มและพูดกับพวกเธอ
บ้านของชู่เก๋อเย่หยูนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เงียบสงบที่สุด
บ้านของเฟิงซี่หยุนอยู่ติดกับเซียงหยุน เนื่องจากเธอต้องการดูแลเซียงหยุนใกล้ๆ
แล้วยื่อซวนล่ะ?
เขาไม่ได้เลือกบ้านไม้ แต่เขาเลือกที่จะอยู่ในพระราชวังเสียดฟ้าเอง
ระหว่างทางกลับไปที่บ้านเดิม จู่ๆยื่อซวนก็สังเกตเห็นเสียงต้นกระดิ่งลมสีม่วง เขาหันกลับมาและถามเหล่าลูกศิษย์กว่า "เจ้ารู้ไหมว่าใครปลูกต้นไม้ต้นนี้และมันหมายถึงอะไร?"
ชู่เก๋อเย่หยูและเฟิงซี่หยุนมองหน้ากัน พวกเธอทั้งคู่เองก็เริ่มสนใจเรื่องนี้เช่นกัน
ต้นกระดิ่งลมสีม่วงดูไม่เข้ากับต้นไม้ต้นอื่นๆบนยอดเขาเสียดฟ้า และมีเพียงต้นเดียวเท่านั้นที่ปลูกไว้ตรงกลาง
ตั้งแต่วินาทีที่พวกเขากลับไปที่ยอดเขาเสียดฟ้า พวกเขาเองก็อยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าทําไมต้นกระดิ่งลมสีม่วงถึงได้ถูกปลูกที่นี่?
เมื่อเห็นว่าลลูกศิษย์ทั้งสองคนของเขาไม่รู้ ยื่อซวนจึงหันไปมองเซียงหยุนและถามว่า "เซียงหยุน เจ้าล่ะรู้หรือไม่?"
เซียงหยุนส่ายหัวอย่างแรงและพูดว่า "ข้าไม่รู้"
ยื่อซวนยิ้มและพูดว่า "ต้นกระดิ่งลมสีม่วงนี้ถูกปลูกขึ้นโดยอาจารย์ของข้า"
หลังจากที่ได้ยินแบบนี้ ชู่เก๋อเย่หยูและเฟิงซี่หยุนจึงก็ตกใจ พวกเธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าต้นกระดิ่งลมสีม่วงธรรมดาๆนี้จะถูกปลูกโดยอาจารย์ของอาจารย์ของพวกเธอ
จากนั้นยื่อซวนก็พูดต่อ "ในตอนนั้น เมื่อหิมะในฤดูหนาวเริ่มละลาย ข้าก็ได้รับการยอมรับให้เข้าสู่ยอดเขาเสียดฟ้า"
“อันที่จริง อาจารย์ของข้านั้นเป็นห่วงเป็นใยข้ามาก แต่ไม่เคยบอกข้าออกมาตรงๆ แต่เขาปลูกต้นไม้นี้ให้กับข้าแทนและหวังว่าข้าจะเติบโตได้เหมือนกับต้นกระดิ่งลมสีม่วงนี้”
“ตอนนี้เวลาได้ผ่านไปหลายปี ซึ่งข้าเองก็เติบโตและแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ อย่างที่ท่านอาจารย์ได้พูดไว้...”
ในขณะนี้ ยื่อซวนรู้สึกเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย
ใครบอกกันว่าเที่ยนซวนนั้นไม่เคยสนใจยื่อซวนเลย?
จริงๆแล้วเขาแอบกังวลและเป็นห่วงยื่อซวนอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอด และความกังวลของเขาที่มีต่อยื่อซวนถูกห่อหุ้มเอาไว้ในต้นกระดิ่งลมสีม่วงต้นนี้
เที่ยนซวนเป็นคนประเภทที่ไม่สามารถแสดงออกมาเป็นคําพูดได้ดีนัก นอกจากนี้เขายังจดจ่ออยู่กับการฝึกตน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรกับยื่อซวนมากนัก
ด้วยเหตุผลนี้ เขาจึงปลูกต้นกระดิ่งลมสีม่วงนี้ไว้ในบ้านบนยอดเขาเสียดฟ้า
“อาจารย์ของข้าเคยบอกข้าว่าเมื่อดอกไม้จากต้นนี้บาน เขาจะกลับมาพบกับข้า”
“ซึ่งตอนนี้มันก็ออกดอกนานมากแล้ว จนข้าเติบโตจากชายหนุ่มและได้เป็นเสาหลักของนิกาย แต่เขาก็ยังไม่กลับมา...”
ในขณะนี้ ยื่อซวนถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อเห็นต้นกระดิ่งลมสีม่วง
ชู่เก๋อเย่หยูและเฟิงซี่หยุนเองก็รู้สึกเศร้าเช่นกัน แม้ว่าพวกเธอจะไม่เคยเห็นหน้าผู้อาวุโสเที่ยนซวนมาก่อน แต่พวกเธอก็พอจะจินตนาการถึงฉากนั้นได้หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ยื่อซวนเพิ่งพูดไป
"ท่านอาจารย์..."
ชู่เก๋อเย่หยูกำลังจะร้องไห้ออกมา เธอเดินไปที่ด้านข้างของยื่อซวนอย่างเงียบๆและคว้าแขนของเขาเอาไว้นิ่งๆ
ยื่อซวนเองก็หันกลับมามองลูกศิษย์ของเขา ซึ่งทำให้มุมปากของเขายกโค้งขึ้นเล็กน้อย
เมื่อมองไปที่ต้นกระดิ่งลมสีม่วง ยื่อซวนจึงพูดต่อ “ในตอนนั้น อาจารย์ของข้าได้ช่วยข้าปลูกต้นไม้ต้นนี้ ซึ่งเขาหวังว่าข้าจะสามารถเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรงได้”
“ความปรารถนาของเขาในตอนนั้นสําเร็จแล้ว และตอนนี้ก็ถึงตาของข้าแล้ว ที่ข้าจะช่วยพวกเจ้าปลูกต้นไม้ และข้าหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถเติบโตขึ้นมาอย่างปลอดภัยและแข็งแกร่งในอนาคต”
หลังจากที่ได้ยินแบบนี้ ชู่เก๋อเย่หยูและเฟิงซี่หยุนจึงรู้สึกประทับใจอย่างมาก