บทที่ 8 : อาบน้ำยา พัฒนาพรสวรรค์โดยกำเนิด
บทที่ 8 : อาบน้ำยา พัฒนาพรสวรรค์โดยกำเนิด
“ลู่หยุนอยู่บ้านหรือเปล่า?”
วันหนึ่ง หลังจากที่ลู่หยุนเสร็จสิ้นการฝึกฝนช่วงเช้าและกำลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จู่ๆ ก็มีเสียงหยาบดังมาจากด้านนอกประตู
“ใครกันนะ?” ลู่หยุนขมวดคิ้วและเดินออกจากห้อง จากนั้นเขาก็พบชายวัยกลางคนร่างกำยำกำลังรออยู่ข้างนอก
“ลุงโหยวเซียง?”
ชายคนนี้เป็นรองหัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านธารวิญญาณ ลู่โหยวเซียง ซึ่งเขาก็มีความแข็งแกร่งมากกว่าลู่เหมิงและหัวหน้าทีมล่าสัตว์มาก เขาเป็นรองเพียงหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้น
“ลุงโหยวเซียง ท่านมาพบข้าด้วยเรื่องอะไร?” ลู่หยุนถามอย่างสงสัย
“ฮ่าฮ่า เจ้าเด็กโชคดี รีบตามข้ามาเร็ว” ลู่โหยวเซียงพูดพร้อมกับคว้าแขนของลู่หยุน จากนั้นเขาก็ลากลู่หยุนออกไปราวกับหยิบไก่ตัวน้อยขึ้นมา
กองไฟกำลังลุกเป็นไฟ และหมู่บ้านธารวิญญาณก็ดูมีชีวิตชีวามาก คนแก่ เด็ก ผู้ชายและผู้หญิงต่างมีรอยยิ้มบนใบหน้า และหมู่บ้านก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
“เจ้าเด็กน้อย อย่าวิ่งไปไหนล่ะ หลังจากอาบน้ำยานี้แล้ว วรยุทธ์ของเจ้าก็จะพัฒนาขึ้นอย่างมาก” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่นะ ข้าไม่อยากโดนต้ม!” เด็กกลุ่มหนึ่งได้ยินว่าพวกเขากำลังจะถูกโยนลงในหม้อทองสัมฤทธิ์ และใบหน้าของพวกเขาก็ซีดเผือดขณะร้องไห้และพยายามจะหลบหนี อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถวิ่งหนีไปจากเงื้อมมือของผู้ใหญ่ได้ และถูกจับและนำกลับมาได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าเด็กสารเลวเนรคุณ! การอาบน้ำยานี้เป็นโอกาสหายากที่หมู่บ้านเราจ่ายไปแพงมาก คนธรรมดาคงไม่มีโอกาสเช่นนี้ด้วยซ้ำ” พวกผู้ใหญ่พูดพร้อมกับหัวเราะ พวกเขาดุด่าหลังจากจับเด็กๆ กลับมาได้
“ข้ากลัว.. ฮือออ.. ข้าไม่ต้องการจะอาบน้ำยา ข้าเอาโอกาสนี้ให้คนอื่นแทนได้ไหม?”
“ไม่มีทาง มีเพียงผู้ที่บรรลุวิชากระบี่ทลายวายุหรือวิชาหมัดพยัคฆ์เดือดจนถึงขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อยแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถเพลิดเพลินไปกับการอาบน้ำยาได้ คนอื่นๆ จะไม่ได้รับการดูแลนี้” ชายชราคนหนึ่งดุ
ลู่หยุนเดินตามลู่โหยวเซียงมาอย่างเชื่อฟังโดยไม่มีการขัดขืนและเฝ้าดูฉากนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ในขณะนี้ เขาก็เห็นสถานการณ์อีกด้าน
อีกด้านหนึ่งของพื้นที่โล่ง มีหม้อน้ำทองสัมฤทธิ์เก้าใบตั้งอยู่ มันมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ข้างใต้ น้ำในหม้อต้มกำลังเดือดและเป็นฟอง โดยมีสมุนไพรลอยอยู่บนผิวน้ำ
มีชายวัยกลางคนยืนอยู่ข้างหม้อน้ำแต่ละใบ แต่ละคนถือถังเลือดสัตว์อสูรอยู่ในมือและจ้องมองไปที่ร่างเฒ่าที่อยู่ตรงกลาง
ร่างเฒ่านี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านธารวิญญาณ และยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ชั้นนำของหมู่บ้าน ลู่คังเซิง
“เตรียมพร้อมเทเลือดสัตว์อสูรลงในหม้อต้มได้!”
ตามคำสั่งของลู่คังเซิง ชายร่างกำยำทั้งเก้าคนก็เทเลือดสัตว์อสูรจากถังไม้ลงในหม้อต้มพร้อมๆ กัน
ทันทีที่เลือดสีแดงเข้มถูกเติมลงในหม้อต้ม น้ำยาใสแต่เดิมก็กลายเป็นสีขุ่นทันที มันทำให้กระบวนการเดือดช้าลง
“เพิ่มความร้อน!” ลู่คังเซิงตะโกนอีกครั้ง และชายร่างกำยำก็รีบใส่ฟืนที่เตรียมไว้ มันทำให้เกิดเปลวเพลิงลุกโชนและของเหลวในหม้อต้มก็เริ่มเดือดอีกครั้ง
เมื่อมองดูน้ำยาที่กำลังเดือดพล่านในหม้อต้ม เหล่าเด็กหนุ่มก็หน้าซีดและพยายามจะดิ้นรนเพื่อหลบหนี แต่กระนั้นพวกเขาก็ถูกมือใหญ่คู่หนึ่งจับไว้แน่น
“เจ้าขี้ขลาด ดูอย่างลู่หยุนและลู่เทียนหูซะบ้าง!”
ลู่เหมิงดุเด็กที่พยายามจะวิ่งหนี สมุนไพรอันล้ำค่าเหล่านี้สามารถเสริมสร้างร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์ได้ และเมื่อเด็กๆ ใช้พวกมัน พวกเขาก็จะสามารถเสริมสร้างรากฐานของพวกเขาได้ ซึ่งมันก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเส้นทางการฝึกวรยุทธ์ในอนาคตของพวกเขา
ต่อมา หัวหน้าหมู่บ้านก็ได้รับเลือดสัตว์อสูรเพิ่มเข้ามา นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาได้มาจากการฆ่างูวารีขอบเขตเส้นลมปราณ
หมู่บ้านธารวิญญาณได้ดึงทรัพยากรทั้งหมดออกมาเพื่อสร้างน้ำยานี้ ไม่เพียงแต่เพื่อวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับสอบเข้าสถาบันศึกษาวรยุทธ์ที่กำลังจะมาถึงอีกด้วย
หากหมู่บ้านธารวิญญาณมีคนหนุ่มสาวสักหนึ่งถึงสองคนสามารถเข้าไปในสถาบันศึกษาวรยุทธ์ได้ มันก็จะเป็นเกียรติอย่างไม่มีใครเทียบได้
อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่สถาบันศึกษาวรยุทธ์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกเหนือจากการมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว เรายังต้องผ่านการประเมินของสถาบันด้วย
จนถึงขณะนี้ มันก็ไม่เคยมีคนหนุ่มสาวคนใดในหมู่บ้านธารวิญญาณเลยที่จะสามารถเข้าไปเรียนในนั้นได้ ด้วยเหตุนี้เอง ครั้งนี้หัวหน้าหมู่บ้านและคนอื่นๆ จึงทุ่มทุนกันหนักมาก
เนื่องจากมีหลายสิ่งหลายอย่างที่จำเป็นสำหรับการอาบน้ำยา ดังนั้นแม้ว่าจะใช้ทรัพยากรของทั้งหมู่บ้านธารวิญญาณ แต่มันก็ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะสร้างน้ำยาขนาดเล็กได้
แน่นอนว่าเป้าหมายของการอาบน้ำยาคือเด็กที่มีศักยภาพเต็มเปี่ยม
บรรดาผู้ที่ฝึกฝนวรยุทธ์ของตนจนถึงขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อยแล้วถือว่ามีศักยภาพที่ดี
ครั้นเมื่อไฟดับลงแล้ว น้ำในหม้อต้มก็ยังมีควันลอยขึ้นมาเพราะความเดือดอยู่ เสียงครวญครางและเสียงน้ำสาดกระเซ็นดังขึ้นอย่างไม่ลดละ
“อ้าก! ข้าจะถูกกินแล้ว!”
“ข้าสุกแล้ว ไข่ข้าเองก็สุกไปหมดแล้ว ช่วยข้าด้วย!”
ในหม้อต้มทองแดง เด็กชายหลายคนกำลังกัดฟันและทำหน้าบูดบึ้งด้วยความเจ็บปวดและร้องไห้ออกมาตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม พวกผู้ใหญ่ก็ทำเพียงเฝ้าดูพวกเขาอย่างเย็นชาโดยไม่แสดงความเห็นอกเห็นใจใดๆ
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะผิดหวัง ลู่เทียนหูและลู่เหลียงเผิงแม้จะแสดงความเจ็บปวดบนใบหน้า แต่พวกเขาก็ยังกัดฟันและอดทน เหงื่อไหลรินออกมามาก แต่พวกเขาก็ไม่เคยส่งเสียงตั้งแต่ต้นจนจบ
สำหรับลู่หยุน เขาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเพราะเขาได้ก้าวไปสู่การเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ด้วยการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของเขา ความอดทนของเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่บีบหัวใจเหมือนอย่างที่คนอื่นๆ ประสบ
นอกจากนี้ ลู่หยุนยังสังเกตเห็นว่าเมื่อเวลาผ่านไป ความหนืดของน้ำยาในหม้อต้มของเขาก็เบาบางลงและความขุ่นเองก็ดูเหมือนกำลังจะหายไป
หัวหน้าหมู่บ้านซึ่งคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงในหม้อต้มทองแดงอยู่ตลอดเวลาได้เห็นฉากนี้ และเขาก็ได้สั่งชายบ้านอีกคนให้เพิ่มไฟก่อนที่จะหยิบไหอีกสองใบออกมาเทลงในหม้อต้มที่ลู่หยุนอยู่
เมื่อเห็นไฟขนาดใหญ่ลุกโชนขึ้นอีกครั้งภายใต้หม้อต้มของลู่หยุน เด็กคนอื่นๆ ก็แสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจ ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกขอบคุณที่พวกเขาต้องอดทนต่อความเจ็บปวดและทรมานเพียงแค่ครั้งเดียว
สำหรับผู้ใหญ่บางคน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองดูการแสดงของลู่หยุนอย่างชื่นชม
เด็กหนุ่มที่สามารถอาบน้ำยาได้นั้นถือว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์โดยกำเนิดที่น่าประทับใจ และจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ลู่หยุนก็ไม่เพียงแต่ทนความเจ็บปวดจากการอาบน้ำยาได้เท่านั้น แต่เขายังดูดซับของเหลวในหม้อต้มของเขาได้ในเวลาอันสั้นอีกด้วย สิ่งนี้ทำให้หัวหน้าหมู่บ้านต้องเพิ่มการอาบน้ำยาขึ้นเป็นสองครั้ง นี่เป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
การอาบน้ำยาครั้งที่ 2 ควบคู่ไปกับเลือดสัตว์อสูรสองไหที่เพิ่มเข้ามาโดยหัวหน้าหมู่บ้านนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถต้านทานได้ และไม่ต้องพูดถึงเด็กผู้ชายอย่างลู่หยุนที่ยังอายุยังไม่ถึงสิบเอ็ดปีเลย
“พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ลู่หยุนน้อยผู้นี้มีร่างกายที่แข็งแกร่งมากและสามารถทนมันได้ ยิ่งไปกว่านั้น การอาบน้ำยานี้ยังจะช่วยเขาได้มากอีกด้วย” หัวหน้าหมู่บ้านลู่คังเซิงกล่าวพร้อมกับลูบเคราของเขา
“ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน เด็กหนุ่มคนนี้ก็ได้ฝึกฝนวิชากระบี่ทลายวายุจนไปสู่ขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อยแล้ว ดังนั้นหลังจากการอาบน้ำยานี้ เขาก็จะก้าวเข้าสู่ขั้นเชี่ยวชาญได้อย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้น เขาก็จะมีโอกาสสูงขึ้นในการเข้าศึกษาที่สถาบันศึกษาวรยุทธ์” ลู่เหมิงกล่าวด้วยความชื่นชมในขณะที่เขาเฝ้าดูความพากเพียรของลู่หยุนในหม้อต้มทองแดง
“อ้า… ในที่สุด หมู่บ้านธารวิญญาณของเราก็จะมีอัจฉริยะกับเขาสักที” ชายร่างกำยำถอนหายใจออกมาเช่นกัน
การอาบน้ำยาดำเนินไปเป็นเวลานาน และเด็กๆ ก็ตัวเปียกร้อนจนดูเหมือนกับลิงแดง พวกเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป และในที่สุดพวกเขาก็ถูกผู้ใหญ่ดึงออกมา
หลังจากดึงออกมาแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ดูเศร้าหมอง มีน้ำตาไหลรินออกมาจากหางตา ราวกับว่าพวกเขาถูกทรมานด้วยความเจ็บปวดจนทนไม่ไหว
สำหรับลู่เทียนหูและลู่เหลียงเผิง พวกเขาก็แสดงสีหน้าสนุกสนานบนใบหน้าของพวกเขา นอกจากนี้ พวกเขายังแอบสัมผัสได้ถึงพลังที่หลั่งไหลเข้ามาภายในตัวพวกเขา
“ผลลัพธ์ออกมาดีมาก หลังจากดูดซับคุณสมบัติทางยาอย่างทั่วถึงแล้ว ทั้งคู่ก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นเชี่ยวชาญได้อย่างแน่นอน” ลู่คังเซิงกระซิบกับผู้เฒ่าอีกหลายคน พวกเขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
จากด้านข้าง ลู่หยุนเรียกหน้าจอค่าคุณสมบัติของเขาออกมาอย่างเงียบๆ
[ชื่อ]: ลู่หยุน
[ที่อยู่]: หมู่บ้านธารวิญญาณ
[วรยุทธ์]: วิชากระบี่ทลายวายุ (ขั้นสมบูรณ์ ไม่สามารถพัฒนาได้อีกต่อไป)
[พรสวรรค์โดยกำเนิด]: ขั้น 5
[ขอบเขตวรยุทธ์]: ขอบเขตยุทธ์ขั้นต้น
[คะนนพลังงาน]:0.9