บทที่ 4: วิชากระบี่ทลายวายุขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อย
บทที่ 4: วิชากระบี่ทลายวายุขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อย
โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ลู่หยุนรีบหันหลังกลับและวิ่งหนีโดยทันที
หากเป็นสัตว์ป่าธรรมดา เขาก็มั่นใจว่าเขาจะสามารถต่อสู้กับมันได้ แต่หมาป่าทมิฬตัวนี้ทำให้เขารู้สึกถึงแรงกดดันอย่างหนัก และนั่นก็ทำให้เขาไม่มีความมั่นใจว่าเขาจะเอาชนะมันได้
นอกจากนี้ หมาป่าก็มักจะอยู่รวมกันเป็นฝูง ดังนั้นหากเขาถูกมันล้อมเอาไว้เมื่อไหร่ สิ่งเดียวที่จะรอเขาอยู่ก็คือความตาย
“การเข้ามาหาสมุนไพรในภูเขาแบบนี้แม่งโคตรอันตรายเลย!!!”
ขณะที่ลู่หยุนกำลังวิ่ง เขาก็มองย้อนกลับไปด้วยความหวังว่าหมาป่าจะไม่ติดตามเขามา
แต่ด้วยความผิดหวัง หมาป่าทมิฬยังคงมองลู่หยุนเป็นเหยื่อของมัน และมันก็ไม่มีความตั้งใจที่จะยอมแพ้ มันกำลังวิ่งตามเขาเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
โชคดีที่จำนวนหมาป่าไม่ได้เพิ่มขึ้นไปจากตอนแรก มันมีหมาป่าเพียงตัวเดียวเท่านั้น อาจเป็นเพราะมันเห็นว่าลู่หยุนมีตัวคนเดียว ดังนั้นมันจึงไม่ได้จริงจังกับเขามากนัก
หมาป่าทมิฬมักออกจะล่าอยู่บนภูเขา ดังนั้นมันจึงมีแขนขาที่แข็งแรง มันวิ่งผ่านป่าได้อย่างง่ายดาย และด้วยการกระโดดแต่ละครั้ง มันก็สามารถครอบคลุมระยะทางหลายสิบฟุตได้ มันปิดระยะห่างระหว่างตัวมันเองกับลู่หยุนลงได้อย่างรวดเร็ว
“ด้วยอัตรานี้ อีกไม่นานมันก็จะตามฉันทันแน่ ฉันต้องหาทางแก้ไข!”
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงหอบหายใจดังใกล้เข้ามา ใบหน้าของลู่หยุนก็เคร่งขรึมมากขึ้น ขณะเดียวกัน จิตใจของเขาก็ทำงานอย่างหนักและพยายามหาทางแก้ไขวิกฤติในครั้งนี้
“ถ้าวิชากระบี่ของฉันบรรลุไปถึงขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อย บางทีฉันก็คงจะยังมีโอกาสต่อสู้อยู่บ้าง…” ลู่หยุนครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
เมื่อหมาป่าเข้ามาใกล้มากขึ้น วิกฤติก็ใกล้เข้ามามากขึ้นด้วย และในที่สุด ลู่หยุนก็หยุดลังเล
“เพิ่มคะแนนให้กับวิชากระบี่ทลายวายุ!” ลู่หยุนพึมพำกับตัวเองเงียบๆ
ทันทีที่คำพูดของเขาดังขึ้น หน้าจอก็ปรากฏขึ้นในขอบเขตการมองเห็นของเขาโดยทันที
[ วิชากระบี่ทลายวายุ: ขั้นต้น (50%) ]
[ คะแนนพลังงาน: 1.3 ]
ความคืบหน้าของวิชากระบี่ทลายวายุได้เพิ่มขึ้นเป็น 50% สิ่งนี้แสดงถึงความคืบหน้าที่เพิ่มขึ้นมา 30% ด้วยคะแนนหนึ่งคะแนน ความเร็วนี้ไม่ได้ช้า แต่มันก็ยังห่างไกลจากขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อยไปอยู่
“เพิ่มคะแนนต่อไป!”
ทันทีที่เขาพูดจบ หน้าจอก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
[ วิชากระบี่ทลายวายุ: ขั้นต้น (80%) ]
[ คะแนนพลังงาน: 0.3 ]
“ยังไม่พอ! มันยังห่างไกลจากขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อย!” ลู่หยุนกัดริมฝีปากของเขา จากนั้นเขาก็ยัดโสมโลหิตที่เขาเพิ่งได้รับมาเข้าไปในปากแล้วกลืนมันลงไป
ในไม่ช้า เขาก็เห็นคะแนนพลังงานของเขาค่อยๆ พุ่งสูงขึ้น
คะแนนพลังงาน +0.5
คะแนนพลังงาน +0.3
คะแนนพลังงาน +0.2
คะแนนพลังงาน +0.1
ประมาณครึ่งนาทีต่อมา โสมโลหิตก็ถูกย่อยจนหมด
เมื่อมาถึงจุดนี้ คะแนนพลังงานของเขาก็สูงขึ้นจนแตะ 5.1 คะแนนแล้ว
ทันทีที่เขารู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่คืบคลานเข้ามาจากทางด้านหลัง ผมของเขาก็ลุกตั้งขึ้นด้วยความตกใจ เขาม้วนตัวไปทางซ้ายทันทีและซ่อนตัวอยู่ในหญ้าสูง
หมาป่าทมิฬโจมตีพลาดและไม่ได้แสดงอาการหงุดหงิด มันยืนขึ้นและยังคงไล่ตามลู่หยุนไปอย่างใกล้ชิด
ในสายตาของมัน ลู่หยุนก็เป็นเหมือนลูกแกะที่กำลังจะถูกมันกินในไม่ช้าก็เร็ว
ในช่วงเวลาที่ลู่หยุนกำลังวิ่งหนี เขาก็กัดฟันและตะโกนลั่นในใจ
“เพิ่มคะแนน…”
ทันใดนั้น ลู่หยุนก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกเสียวแปลบทั่วร่างกายของเขา ราวกับมดกำลังคลานไปทั่วตัวเขา มันทั้งจั๊กจี้และเสียวแปลบ
หลังจากนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงกระแสน้ำอุ่นที่พลุ่งพล่านออกมาจากหัวใจ มันปะทะเข้ากับความรู้สึกเสียวซ่าครั้งก่อน และจากนั้นความรู้สึกสบายก็พลุ่งพล่านไปทั่วร่างกายของเขา
ขณะเดียวกัน ลู่หยุนยังพบว่าความเหนื่อยล้าจากการวิ่งมาเป็นเวลานานได้ลดลง และความเร็วของเขาก็ยังเพิ่มเร็วขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งด้วย
[ วิชากระบี่ทลายวายุ: ขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อย (2%) ]
[ คะแนนพลังงาน: 4.1 ]
ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่หน้าจอโปร่งใสที่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าวิชากระบี่ทลายวายุได้พัฒนามาจนถึงขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อยแล้ว รอยยิ้มก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขาโดยทันที
“ถึงเวลาที่ฉันต้องลงมือแล้ว!”
ลู่หยุนหยุดกะทันหันและหันกลับมา เขาทำให้หมาป่าทมิฬที่ไล่ตามมาประหลาดใจ มันสะดุดและแทบจะหยุดวิ่งโดยทันที
แต่ในไม่ช้า ร่องรอยประกายแสงก็แวบขึ้นมาในดวงตาที่หดแคบของมัน
แม้ว่ามันจะยังไม่ได้ปลุกวิญญาณขึ้นมา แต่สติปัญญาของมันก็เทียบได้กับของผู้ใหญ่แล้ว ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว
เหยื่อไม่ได้ตั้งใจที่จะหลบหนีอีกต่อไป แต่เขาเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับมันอย่างสิ้นหวังแทน อย่างไรก็ตาม มันก็จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้มารบกวนมันแน่
มนุษย์วิ่งมาเป็นเวลานานแล้ว และใกล้จะหมดแรงแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่หยุนส่งสายตาที่ลึกล้ำและครุ่นคิดให้หมาป่าทมิฬ เขาสัมผัสได้ถึงการจ้องมองที่ชาญฉลาดของอีกฝ่าย เขาหายใจเข้าลึกๆ และกำด้ามกระบี่ของเขาเอาไว้แน่น
เมื่อถึงจุดนี้ หมาป่าทมิฬได้เสร็จสิ้นการประเมินขั้นสุดท้ายแล้ว แขนขาและกล้ามเนื้อหน้าท้องของมันเริ่มหดตัว
จากนั้นมันก็เปลี่ยนไปเป็นเงาดำและพุ่งไปข้างหน้า
ลู่หยุนยังคงยืนนิ่งอย่างเคร่งขรึม เขาคลายมือที่จับกระบี่ลงเล็กน้อย จากนั้นฉากการเคลื่อนกระบี่ก็ไหลแล่นผ่านจิตใจของเขา
กระบวนท่าที่หนึ่งของวิชากระบี่ทลายวายุ: กวาดล้างกองทัพนับพัน!
ฉับ!
เลือดสาดกระเซ็น
หมาป่าทมิฬส่งเสียงกรีดร้องออกมาในขณะที่มันล้มลง มันพยายามตะเกียดตะกายดิ้นรน อย่างไรก็ตาม แขนขาข้างซ้ายของมันก็ได้ถูกตัดออกไปแล้ว และมีเลือดสดกำลังไหลออกมาจากช่องท้อง มันทำได้เพียงดิ้นไปมาอยู่ตรงที่มันตกลงมาเท่านั้น
ดวงตาของมันมองดูร่างมนุษย์ราวกับกำลังร้องขอความเมตตา
ใบหน้าของลู่หยุนแสดงออกถึงความเย็นชาและไร้อารมณ์ในขณะที่เขาออกแรงเหวี่ยงกระบี่อีกครั้ง ครั้งนี้หัวหมาป่าทมิฬได้กลิ้งสูงขึ้นไปในอากาศ
“ตายซะ…”
ในที่สุดความเครียดที่ลู่หยุนเผชิญก็ผ่อนคลายลง
เมื่อมองดูศพที่เท้าของเขา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าหมาป่าทมิฬไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งถึงสองลมหายใจเท่านั้นในการจัดการกับมัน
อย่างไรก็ตาม เขาก็ส่ายหัวในทันที
“เมื่อเทียบกับกฎธรรมชาติอันโหดร้ายแล้ว ฉันก็ยังนับว่าอยู่ในจุดต่ำสุดของห่วงโซ่อาหารเท่านั้น ฉันยังไม่สามารถประมาทได้”
“นอกจากนี้ ตอนนี้ฉันก็ยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ไร้ซึ่งพลัง ฉันไม่สามารถนับว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้ด้วยซ้ำ”
ลู่หยุนเหวี่ยงกระบี่ของเขาลงมาอีกครั้ง โดยแยกซากหมาป่าออกเป็นสองส่วน
“นี่เป็นเหยื่อตัวแรกของฉัน ดังนั้นฉันจะเสียมันไปไม่ได้”
ทันใดนั้น ลู่หยุนก็เก็บกระบี่ของเขาเข้าฝัก เขายกซากครึ่งหนึ่งขึ้นไว้บนไหล่ของเขาแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเขาจะฆ่าหมาป่าทมิฬได้สำเร็จ แต่ลู่หยุนก็ยังไม่ลืมว่าขณะนี้เขายังอยู่ในภูเขาเมฆานิมิต ซึ่งล้อมรอบไปด้วยสัตว์อสูรอีกมากมาย ด้วยเหตุนี้เอง การอยู่ที่นี่ต่อจึงไม่ปลอดภัย
นอกจากนี้ พื้นที่ที่เขาอยู่ก็ยังเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ซึ่งมันก็อาจจะดึงดูดสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวให้เข้ามาได้
โดยไม่ชักช้า ลู่หยุนก็หายตัวไปจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าเขาเพิ่งจากไปได้ไม่นาน แต่แล้วเสียงหอนที่ดังก้องกังวาลก็ดังขึ้นตามมา
มันคือเสียงหอนของหมาป่า เมื่อพิจารณาจากเสียงแล้ว มันก็มีหมาป่าอย่างน้อยสิบตัว
ลู่หยุนรู้สึกขอบคุณที่เขาตัดสินใจวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้น หากเขาตกอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่า เขาก็คงจะไม่สามารถหลุดพ้นออกมาได้
ลู่หยุนซึ่งมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกครั้งกำลังแบกซากหมาป่าครึ่งหนึ่งไว้บนไหล่ แต่ถึงอย่างนั้นความเร็วของเขาก็ไม่ได้ช้าลงไปกว่าตอนที่เขาเข้ามาในภูเขาครั้งแรกมากนัก
ริมลำธาร ทันใดนั้นผู้หญิงและเด็กสาวที่กำลังซักเสื้อผ้าอยู่ก็เห็นร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากป่าทึบและค่อยๆ ปรากฎขึ้นมาในสายตาของพวกเธอ
“เฮ้ ลู่น้อย นั่นลู่หยุนน้องชายของเจ้าไม่ใช่หรอ?”
“ใช่จริงๆ ด้วย แต่ทำไมเขาถึงออกมาจากภูเขาเมฆานิมิตกันล่ะ? แถมเขายังแบกซากของหมาป่ากลับมาด้วย”
“ร่างกายของเสี่ยวหยุนอ่อนแอมาตั้งแต่เด็กแล้ว เขาไม่มีทาง…” ลู่หยูหยุดการกระทำของเธอลงชั่วขณะและเงยหน้าขึ้นมอง เสียงของเธอหยุดค้างกะทันหันเมื่อเห็นชายที่ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าเธอ