บทที่22 หนองน้ำอันเย่อหยิ่งจะไร้เงาพระจันทร์
“ลงมือเลย!” คิซาเมะตะโกนพร้อมกับหยิบคุไนออกมาแล้ววิ่งตรงไปหาริวอุนอย่างรวดเร็ว
ทว่าริวอุนกลับไม่รอให้คิซาเมะบุกเข้าไปหา เขากระโดดลงมาจากเสา เพียงพริบตาเดียว เขาก็พุ่งสวนคิซาเมะ คุไนในมือริวอุนจ่อเอาไว้ที่คอของฉลามน้อย
ลำคอเย็นเยียบเพราะคุไน เหงื่อเย็นไหลลงมาจากหน้าผากของเด็กชาย
เขารู้ดีว่าหากริวอุนหยุดไม่ทันเวลา ตัวเขาอาจจะกลายเป็นศพไปแล้วก็ได้
“ถ้าอยู่ในสนามรบล่ะก็ เธอตายไปแล้วนะคิซาเมะ” ริวอุนมองคิซาเมะด้วยสีหน้านิ่ง น้ำเสียงของเขาก็ฟังดูเรียบ ๆแต่กลับสร้างแรงกดดันให้ทั้งคิซาเมะและเมย์
เมย์ที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลนักก็มีการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของเธอ เธอจึงรีบถอยกลับไปทันที แต่ก่อนที่เธอจะถอยกลับ ริวอุนที่อยู่ห่างออกไปก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังเธอ
ตุบ!
เมย์รู้สึกเหมือนกับว่าหลังของเธอชนเข้ากับบางอย่าง ทันใดนั้นคอของเธอก็เย็น ขนเธอลุกซู่ จากหางตา เธอเห็นเข็มนินจาบนคอของเธอ
“ค ครู” เมย์กลืนน้ำลาย สีหน้าเธอซีด ร่างกายอ่อนแรงจนไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป
“โอเค เธอแพ้แล้วล่ะ” หลังจากเห็นสีหน้าและความหวาดกลัวของสองอัจฉริยะ ริวอุนก็พยักหน้าด้วยความพึมพอใจ
มันไม่ง่ายเหมือนกับการขอให้ทั้งสองคนแตะกระดิ่งเพื่อทดสอบความแข็งแกร่ง มันต้องใช้วิธีสร้างอำนาจเด็ดขาด เพราะไม่ว่ายังไง อัจฉริยะก็มีความหยิ่งยโสเป็นของตัวเอง
วิธีที่ดีที่สุดในการสยบอัจฉริยะก็คือการแสดงความแข็แงกร่งอันเหนือชั้นกว่าพวกเขา พวกเขาจะเชื่อฟังหลังจากนั้น
หากไม่สำเร็จก็แค่ทำอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้ง ทำไปเรื่อย ๆจนยอมสยบทั้งกายและใจนั่นเอง
“ครูครับ แล้วการประเมินของพวกเรา” คิซาเมะดูหดหู่เล็ก ๆ เขาเกิดมาเป็นเด็กกำพร้าเพราะตระกูลโฮชิงาคิถูกกวาดล้างไปแล้ว หากเขาได้เป็นลูกศิษย์ของริวอุนได้ เขาคงมีสถานะเพิ่มอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวัง แถมยังล้มเหลวในการประเมินผลด้วย
‘ฉันคงหมดโอกาสแล้วสินะ ในเมื่อทำการทสอบอะไรก็ไม่สำเร็จเลย’ คิซาเมะรู้สึกเสียศูนย์มาก
ทว่าความเป็นจริงกลับตรงข้าม ริวอุนหัวเราะเบา ๆพร้อมกับยิ้มให้ทั้งสองคน
“ตั้งแต่นี้ต่อไปจะเรียกฉันว่าครูเหมือนเดิมหรือจะเรียกฉันว่าอาจารย์ริวอุนก็ไม่มีปัญหา” ริวอุนยิ้มอบอุ่นให้คิซาเมะและเมย์
เขาชื่นชมคิซาเมะมาก เขารู้ว่าคิซาเมะตอนนี้เป็นเพียงนินจาพลเรือนธรรมดา
ตั้งแต่วัยเด็ก เขาก็ถูกปฏิบัติเหมือนสัตว์ประหลาดเพราะรูปร่างหน้าตาของเขา ในใจจึงโหยหาที่พึ่งพิงและต้องการแข็งแกร่งยิ่งกว่าใคร ๆ
ดังนั้นตราบใดที่ทำให้คิซาเมะยอมรับได้มากพอ คนคนนั้นก็จะสามารถปราบเขาได้อยู่หมัด ไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะคิดทรยศ
“เอ่อ อ อาจารย์ริวอุน ผม...” คิซาเมะผงะหลังจากได้ยิน
เขาไม่คาดคิดว่าริวอุนจะไม่ได้ปฏิเสธตนเอง แต่กลับยอมรับให้เป็นนักเรียนของเขาแทน ใบหน้าที่เคยหดหู่ฉายแววตื่นเต้นมากขึ้น
“ทำไม? สีหน้าแบบนั้น อย่าบอกนะว่าไม่อยากเป็นนักเรียนของฉัน?” ชายหนุ่มอ่านสีหน้าคิซาเมะออก เขาเลยแกล้งถามไปเล่น ๆ
“ม ไม่ใช่ครับ” ท้ายที่สุดแล้ว คิซาเมะก็เป็นเพียงเด็กเจ็ดขวบ สีหน้าของเขาไม่สามารถปกปิดอารมณ์เอาไว้ได้อีกต่อไป เขารีบโบกมือปฏิเสธ หลังจากตั้งสติได้ เขาก็ตะโกนเรียนอาจารย์เสียงดัง “อาจารย์ริวอุน!!”
“เอ่อ... ก็ นับจากวันนี้ไป เธอก็คือลูกศิษย์ของฉันอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากนี้ฉันจะปกป้องเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม” ริวอุนพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ
“ครับ!” คิซาเมะตื่นเต้นสุด ๆ ความรู้สึกถูกยอมรับจากนินจาระดับท็อปนั้นเป็นอะไรที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
‘... คิซาเมะเก่งแต่เขาหลอกง่ายเกินไปไหม?’ เมย์ที่ยังยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆกลอกตาของเธอ
เธอถูกริวอุนหลอกมาหลายครั้ง ครั้งนี้เธอฉลาดขึ้นมานิดหน่อยแล้ว ดังนั้นเธอเลยไม่ถือคำพูดของริวอุนเป็นจริงเป็นจัง
เด็กหญิงรู้ว่าอาจารย์ประจำทีมของตนนั้นไม่น่าเชื่อถือขนาดไหน หากเธอยังไม่ฉลาดขึ้น เธอคงถูกขายไม่รู้ตัวแถมยังช่วยเขานับเงินด้วย
ตึก ตึก ตึก...!
ขณะที่คิซาเมะกำลังดีใจ เมย์กำลังบ่นอุบก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาแทรกกะทันหัน ทำให้เมย์ตกใจแล้วหันหน้ากลับไปมองต้นเสียง
หมอกเริ่มแยกตัวออก เด็กชายอายุประมาณสิบเอ็ดหรือสิบสองปีกำลังเดินตรงเข้ามาท่ามกลางหมอกหนาต่อหน้าทั้งสามคน
เมื่อเห็นคนที่มา เทรูมิ เมย์ก็แสดงสีหน้ายินดีออกมาโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเธอจะรู้จักริวอุนเมื่อไม่นานนัก แต่เธอก็รู้อารมณ์ของเขาได้
เขาไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครขัดขืนคำสั่งของเขาได้ง่าย ๆ
ยูกิ คุโมะเพิ่งจะมาตอนนี้ นั่นหมายความว่าละเลยคำสั่งเขาอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยบุคลิกและนิสัยของริวอุน เขาจะไม่ปล่อยไปง่าย ๆแน่ การที่ได้เห็นใครสักคนโชคร้ายยิ่งกว่าตนเอง ทำให้เธอรู้สึกโล่งใจและเบิกบานมาก
“ยูกิ คุโมะ นายมาสายนะ” คิซาเมะเตือน
“นายเป็นอาจารย์ของฉันเหรอ?” ยูกิ คุโมะหรี่ตามองคิซาเมะ
หลังจากมองโต้ตอบกันทางสายตาไปมา คุโมะก็ละสายตาไป เขาเงยหน้ามองคนสูงกว่าอย่างเย่อหยิ่ง
“ฉันจำได้ว่าขอให้นายมาเจอที่สนามซ้อมหมายเลข 1 เวลาหกโมงเช้านะ” ริวอุนกอดอก “บอกมาสิว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว?”
ริวอุนเห็นการมาของยูกิ คุโมะเขาก็แสดงรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าเขาไม่สนใจที่อีกฝ่ายมาช้า
“ดูเหมือนว่าจะเป็นคุณสินะที่เป็นอาจารย์ประจำทีมน่ะ... ฉันมาที่นี่เพื่อบอกว่าในฐานะที่ฉันเป็นคนตระกูลยูกิและได้ปลุกขีดจำกัดสายเลือดน้ำแข็งขึ้นมาได้แล้ว ฉันไม่ต้องการคำแนะนำจากโจนินภายนอกตระกูลเลย” ยูกิ คุโมะกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิในสายเลือด
พอพูดถึงขีดจำกัดสายเลือดน้ำแข็งก็ทำให้เขาหยิ่งผยองขึ้นมา ตระกูลยูกิกล่าวได้ว่าเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดของคิริงาคุเระก่อนจะถูกกวาดล้างจนหมด สถานะของมันเทียบได้กับตระกูลอุจิวะของโคโนฮะ ถึงจะเล็กกว่าก็ตาม
พวกสายเลือดหลักของตระกูลใหญ่ มักจะมีนิสัยแบบนี้เป็นธรรมดา ยกเว้นเพียงสายเลือดรองเท่านั้นที่จะไม่ต่างจากพลเรือนธรรมดา
เมื่อวานนี้พอเขาได้ยินข่าวว่าจะถูกบรรจุในทีมของโจนินที่เกิดจากสามัญชน เขาก็โกรธมาก
เหตุผลที่วันนี้เขามาสายก็เพราะต้องการบอกริวอุนด้วยการกระทำว่า ริวอุนนั้นไม่คู่ควรที่จะเป็นโจนินนำทีมของเขาเลย
***********************