บทที่ 232 : พายุความร้อนทะเลทราย (ตอนที่ 9)
บทที่ 232 : พายุความร้อนทะเลทราย (ตอนที่ 9)
<ข้าเจออันที่สาม แต่ เฮ้ยอะไรว่ะเนี่ย? >
"เกิดอะไรขึ้น?"
<อุปกรณ์ที่เราเจอมันหายไป>
“มันหายไปงั้นเหรอ?”
ฉันได้ยินเสียงกลไกบางอย่างดังขึ้น
มันคือคริสตัลขนาดใหญ่ที่ส่องแสงสว่างสีฟ้า
ฉันหัวเราะในลำคอและพูดว่า “เราจะจัดการมันเอง เธอไปต่อเลย”
<ได้!>
หลังจากตัดการเชื่อมต่อ ฉันก็ตะโกนว่า "ทำลายมันซะ!"
"กร๊ากกก!"
พวกมนุษย์กิ้งก่าล้อมคริสตัลนั้นไว้
อย่างไรก็ตามการกระทำเช่นนั้นมันไร้ประโยชน์ เวคิสและเนเรสซ่าที่รีบพุ่งเข้ามาก็สังหารพวกมันห้าตัวไปในชั่วพริบตาเดียว ลูกธนูที่ทะลุโล่ไม้นั้นได้กระชากลมหายใจของพวกมันออกไปทันที และฉันก็รีบเหวี่ยงดาบของฉันตรงไปที่คริสตัลเช่นกัน
ชริ้ง!
เมื่อดาบกระทบเข้ากับคริสตัลมันก็แตกกระจัดกระจาย
กร๊ากกก
[คำเตือน!]
[ 'ระบบป้องกันตัวเอง' ของรูปปั้นก้าวไปสู่ขั้นที่ 3]
ข้างหน้าเราห่างออกไปไม่ถึง 100 เมตร ใบหน้าของรูปปั้นยืนสูงราวกับตึกกำลังบิดเบี้ยว
แสงสีขาวเริ่มรวมตัวกันในดวงตาทั้งสองข้างของมัน
[รูปปั้นโบราณกำลังร่ายเวทย์ 'ลำแสงแห่งดวงตา' !]
“นั้นมันอะไรอีก…?”
ฉันคว้าตัวของออลก้า แล้วผลักเธอให้หลบแสงนั้น
ในเวลาเดียวกัน ฉันก็กดร่างกายตัวเองให้เเนบลงกับพื้นลำแสงสีขาวจากดวงตาของรูปปั้นก็เฉียดพาดผ่านศีรษะของฉันไป มนุษย์กิ้งก่าสามตัวที่โดนลำแสงก็หายไปกลายเป็นความว่างเปล่า
“มีสิ่งแปลก ๆ มากมายออกมาจากรูปปั้นนั้นเลยแฮะ”
เจนน่าที่หลบอยู่ข้าง ๆ ฉันพูดด้วยความหงุดหงิด
[ 'บิดดิน (★★★)' กลับสู่อ้อมกอดของเทพธิดาแล้ว! ความกล้าหาญของเขาจะถูกจดจำตลอดไป]
[ 'โรซ่า (★★)' กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤติ ตอนนี้ชีวิตของเธอตกอยู่ในอันตราย!]
ข้อความประกาศความตายและช่วงเวลาใกล้ตายปรากฏขึ้นทีละข้อความ
“ข้างล่างก็เหมือนกัน”
<ฮาน...มีเวทย์มนตร์แปลก ๆ เกิดขึ้น…>
“ข้างล่างนั่นมีด้วยเหรอ...ลำแสงแห่งดวงตา?”
<อะไรคือลำแสงแห่งดวงตา? >
“เอาล่ะ มีอะไรก็บอกฉันมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
<ตอนแรกมันเป็นแค่บัลลิสต้า จากนั้นก็เป็นไฟที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้…>
"เข้าใจแล้ว"
ฉันตัดการสื่อสารและลุกขึ้นยืน
ฉันเก็บดาบของฉันและหันไปหาเจนน่า
"เจนน่าคุ้มกันให้ที หัวมันอยู่ไม่ไกล"
เจนน่าพยักหน้าเตรียมพร้อมทันที
เราปีนขึ้นไปบนทางลาด ลูกธนูพุ่งเข้าหามนุษย์กิ้งก่าทั้งสองตัวที่พุ่งเข้ามาจากด้านข้าง พวกมันล้มลงโดยมีลูกธนูปักอยู่กลางลำตัว ส่วนเนเรสซ่าที่อยู่ด้านล่างก็จัดการพวกมันด้วยดาบของเธออยากดุเดือด
ฉันกระโดดไปด้านข้างราวกับกำลังเล่นเครื่องเล่นร่อนลม
ฉันหลบลำแสงสีขาว
และฉันวิ่งอีกครั้ง คราวนี้ลำแสงจากตาขวาจุดประกายไฟบนพื้นผิว
"นายพยายามที่จะทำอะไร?"
50 ม.
30 ม.
เมื่อฉันไปถึงระยะ 20 ม. มนุษย์กิ้งก่าที่สวมหมวกก็แทงหอกมาที่ฉัน
ฉันหลบเลี่ยงและหมุนตัวไป 1 ครั้ง และในจังหวะที่เหมาะสมฉันแทงหอกเข้าข้างตัวมนุษย์กิ้งก่าและผลักมันออกไปทันที
ชริ้ง!
ดวงตาของรูปปั้นเริ่มกระพริบอีกครั้ง
ฉันคว้าหอกด้วยมือขวาแล้วโยนมันออกไปเต็มแรง หอกลอยออกไปและแทงเข้าไปที่ดวงตาของรูปปั้น ดวงตาที่เคยเปล่งแสงออกมาก็มืดลงอย่างรวดเร็ว
"โอ้ะ?"
“แสงบ้า ๆ มันโดนจัดการแล้ว จัดการเรื่องอื่นเลย”
เวคิสพูดขณะที่เขาแทงดาบไปที่คอของมนุษย์กิ้งก่า
“หัวหน้าไปเรียนทักษะแบบนี้มาจากไหน?”
“ก็แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ”
ฉันเหวี่ยงดาบออกไปอีกครั้ง
เมื่อมองลงไป ตอนนี้เราดูห่างไกลจากพื้นดินมาก
ตอนนี้พวกเราอยู่ไกลจากพื้นดินเกือบจะหลายร้อยเมตร
ฉันหรี่ตาของฉันลง
วงเวทย์มนตร์ที่พันรอบแขนรูปปั้นเริ่มส่องสว่างมากขึ้นจนตาฉันพร่ามัว
ครืน ! ครืน ครืน!
ทันใดนั้นแขนของมันก็สั่นอย่างรุนแรง
ออลก้าสูญเสียการทรงตัวและเซไปมา ฉันรีบเข้าไปคว้าเธอเอาไว้
“ขะ ขอบคุณมาก ฉันจะเกือบร่วงแล้ว”
“ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นเวทย์มนตร์แบบไหน แต่ดูเหมือนว่ามันจะคงอยู่ได้ไม่นาน”
“อย่างน้อยเราก็ต้องไปที่ไหล่รูปปั้นนั้นให้ได้”
ฉันเงยหน้าขึ้นมอง
มนุษย์กิ้งก่าประมาณสิบห้าตัวได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ
ข้าง ๆ นั้นมีราวบันได ทางเดิน และสะพาน ถ้าเราสร้างสมดุลในการทรงตัวได้จะเดินหน้าต่อไปได้อย่างปกติ
<อันที่สี่เรียบร้อย!>
ฟู้ววว!
จู่ ๆ ก็เกิดมีไอน้ำปะทุขึ้นโดยไม่ทันคาดคิด
"กร๊ากกก!"
มนุษย์กิ้งก่าที่โดนไอน้ำก็สะดุดและร่วงลงไป
[เอฟเฟกต์พันธนาการของวัตถุกลายเป็นโมฆะ!]
[รูปปั้นหินโบราณเป็นอิสระจากพลังของเทพธิดา!]
รูปปั้นที่ติดอยู่บนพื้นเริ่มยกกำปั้นขึ้น
ความลาดเอียงระหว่างแขนและไหล่ของมันค่อย ๆ ชันขึ้น
“ฮาน ดูเหมือนว่าเราจะมีเวลาไม่มากแล้ว ฉันยืนไปไหวแล้ว!”
มนุษย์กิ้งก่าเหวี่ยงดาบมาที่ฉัน
ฉันก้มศีรษะลงเพื่อหลบมัน จากนั้นก็จวงดาบเข้าไปที่ไหล่ของมนุษย์กิ้งก่าแล้วพลิกตัวมันจนมันล้มลงและส่งเสียงโหยหวนออกมา
และฉันก็จบเกมทันที
“ฉันไปก่อนล่ะนะ!”
เจนน่าปีนขึ้นไปบนเส้นทางที่สูงชันราวกับเธอกำลังบิน
กริชในมือของเธอหมุนอย่างรวดเร็วและเข้าจัดการกับพวกนั้นทันที
มนุษย์กิ้งก่าที่โชคร้ายสองตัวล้มลง เลือดของมันกระเซ็นออกมาเป็นวงกว้าง
จากนั้นเนเรสซ่าก็เริ่มเคลื่อนไหว
เธอขว้างมีดทีเดียวเจ็ดเล่มไปที่มนุษย์กิ้งก่าสามตัว
พวกมันกระอักเลือดออกมาและล้มลง เลือดพวกมันกลายเป็นสีม่วงกระจายไปทั่วบริเวณ
จากนั้นเจนน่าและเนเรสซ่าก็ปีนขึ้นไปบนไหล่ของรูปปั้น
กรูนนนนนน
รูปปั้นนั้นส่งเสียงครวญครางออกมาจนแสบแก้วหู
“ออลก้า เวคิส วิ่งเร็ว!”
"แล้วนายล่ะ?"
“ฉันจะไปเป็นคนสุดท้าย”
รูเปิดออกข้างต้นแขน และมนุษย์กิ้งก่าก็โผล่ออกมา
ทันทีที่มนุษย์กิ้งก่ายื่นหัวออกมา ลูกธนูของเจนน่าก็แทงทะลุกะโหลกศีรษะของมัน
เวคิสที่ช่วยพยุงออลก้าก็รีบวิ่งผ่านมนุษย์กิ้งก่าที่กำลังล้มลง
เมื่อมุมของแขนรูปปั้นเข้าใกล้ในระยะ 70 องศา ฉันก็คว้าส่วนที่ยื่นออกมาของแขนมันแล้วดันด้วยเท้า
"กร๊าก!"
มนุษย์กิ้งก่าที่พยายามเหวี่ยงดาบมาที่ฉันล้มลงในแนวดิ่ง
เนเรสซ่าและเจนน่าเอื้อมมือไปดึงเวคิสและออลก้า
“เอาล่ะตาฉันแล้ว”
ฉันเริ่มปีนขึ้นไปบนแขนของรูปปั้น
เมื่อความชันของแขนชันถึง 80 องศา
ฉันคว้าหินด้วยมือเปล่าและตอนนี้ฉันเหมือนกับกำลังปีนหน้าผา
ฉันมองขึ้นไป เจนน่าก็ยื่นมือออกมาจากไหล่ของรูปปั้น
“ไม่มีที่ให้เกาะเลย”
และทางเลือกเดียวของฉันนั้นคือการกระโดดขึ้นไป ฉันผลักตัวเองออกไปอย่างสุดกำลัง
ขณะที่ฉันพยายามคว้าแขนของเจนน่า
ครืนนน!
รูปปั้นหินก็สั่นอย่างรุนแรง
มือของฉันกับเจนน่าหผลุดออกจากกันทันที
"ไม่นะ!! ฮาน!”
ร่างกายของฉันร่วงลงไปโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
“อย่าตกลงไปนะ!”
ตำแหน่งของฉันไม่ดี
ไม่มีที่ไหนที่จะคว้าเพื่อพยุงตัวขึ้นมาได้
“ไม่มีทางที่ฉันจะร่วงลงไปหรอก!”
ฉันกำไบฟรอสต์แล้วแทงมันเข้าไปในช่องว่างของรูปปั้นหิน
ชริ้งงง!
เปลวไฟสีน้ำเงินพุ่งออกมาขณะที่หินและใบมีดเสียดสีกัน
ใบมีดขูดพื้นผิวของรูปปั้นและฉันก็ไถลลงมาตามแรงโน้มถ่วง
ฉันไถลลงไปประมาณ 100 เมตร
และฉันก็ชักกริชออกมาจากมือซ้าย
'ฉันจะโจมตีมันภายในครั้งเดียว'
กริชที่ส่องแสงระยิบระยับท่ามกลางแสงแดดและแทงทะลุช่องว่างของหินรูปปั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ฉันบิดดาบยาวในมือขวาเข้าไปในรอยแตกอีกอันเพื่อทรงตัว
ตอนนี้ฉันทรงตัวได้แล้ว
แต่ตัวฉันห้อยอยู่เหนือพื้นดินหลายร้อยเมตรเเทน
สภาพฉันตอนนี้ถูกแขวนไว้กลางอากาศด้วยดาบสองเล่ม
ข้างล่างพื้นนั้นเต็มไปด้วยพายุทรายและเปลวเพลิงที่หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง
[แชะ!]
[จับภาพหน้าจอสำเร็จแล้ว รูปภาพจะถูกบันทึกไว้ในแกลเลอรี่]
'ทำไม...ไรก็ได้ จับภาพหน้าจอเนี่ยนะ?'