นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 603 - ดินแดนหมื่นอสูร!
“แน่ใจนะว่านำทางข้ามาถูกที่แล้ว!?”
คิ้วของเดวิดขมวดแน่นเข้าหากัน รอบตัวในตอนนี้เป็นป่าโปร่งอันรกร้าง ต้นไม้ใบหญ้ามีสีเขียวสดใส สมุนไพร แมลง และสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยยังพอมีปรากฏออกมาให้เห็น แต่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาสำรวจไม่พบสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เลยแม้แต่ตัวเดียว ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่าธรรมดา สัตว์ร้าย หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์
“ข้าแน่ใจ! มันไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน ที่นี่คือดินแดนหมื่นอสูรที่ข้าจำได้ ส่วนตำแหน่งที่ชัดเจน เจ้าต้องค้นหาเอาเอง แต่ข้าคิดว่ามันไม่น่าจะอยู่ห่างไกลจากจุดที่ยืนอยู่นี้มากนัก เอาล่ะ! ในเมื่อข้านำทางเจ้ามาถึงจุดหมายได้ตามสัญญา มันก็ถึงเวลาที่เจ้าจะปลดปล่อยข้าให้เป็นอิสระแล้วอย่างนั้นใช่มั้ย?” เสียงตอบกลับดังออกมาจากหัวอันแห้งกรังที่หิ้วอยู่ในมือ ถูกต้องแล้ว! เดวิดให้ซากศพครึ่งเทพพูดได้ที่เขาเก็บมาจากสนามรบโบราณนำทางมายังที่นี่ เป้าหมายคือ ‘ประตูท่องดาว’ นั่นเอง
มันเป็นแผนการที่เขาวางเอาไว้ตั้งแต่ต้น การอยู่ในโลกใบนี้มีขีดจำกัดในการพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองให้สูงขึ้นไปอีกขั้น เจ้าจิตวิญญาณแห่งโลกที่ใจแคบนั่นไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองยกระดับขึ้นไปเป็นอาตมันอย่างแน่นอน ทางเดียวที่เดวิดคิดได้คือการออกไปจากที่นี่ ออกไปหาดาวดวงใหม่โลกใบใหม่อยู่! โลกที่จิตวิญญาณใจกว้างหรือแข็งแกร่งน้อยกว่าโลกใบนี้ หรือถ้าจะให้ดี! โลกที่มีระบบการฝึกฝนยกระดับตัวเองที่แตกต่างออกไป โลกที่ไม่มีข้อจำกัดสำหรับ ‘ดวงวิญญาณที่ข้ามโลก’ มาของเขา
แน่นอน! โลกใบนี้แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีอะไรผูกมัดเดวิดเอาไว้ได้อีก เพอร์เซโฟนีจากไปแล้ว และเมื่อดูจากอำนาจที่พ่อของเธอครอบครองอยู่ การตามหาตัวเขาในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไม่น่าจะเกินความสามารถของอีกฝ่ายเลย มันน่าจะเร็วกว่าการที่เดวิดจะเป็นฝ่ายไล่ตามหาเธอเสียด้วยซ้ำ ครอบครัวของเจ้าของร่างที่ครอบครองใช้อยู่ในตอนนี้!? มันยังมีอารมณ์ถวิลหาและต้องการจะปกป้องหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ไม่ได้มากมายจนตัดใจไม่ได้ อันที่จริง! พ่อแม่ พี่ชาย และน้องสาวฝาแฝดของเขาน่าจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ายังมีสมาชิกครอบครัวเหลืออยู่อีกคน ในความคิดของพวกเขา ผู้ที่ถูกเกณฑ์มาทำหน้าที่ฝึกฝนเพื่อปกป้องมวลมนุษยชาติจากการรุกรานของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ก็เหมือนกับตายไปแล้ว สถานะของพวกเขาไม่สูงพอที่จะรับรู้ความเป็นจริงที่เป็นไปอยู่ในโลกใบนี้ได้ และการปล่อยให้เป็นแบบนั้นต่อไปน่าจะดีที่สุด!
เพื่อน!? ไม่มี เดวิดไม่มีคนที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนจริง ๆ เลยแม้แต่คนเดียว ผู้ที่ได้ชื่อว่าใกล้ชิดและเขาพยายามเต็มที่แล้วในการที่จะช่วยเหลือตอบแทนบุญคุณคือศาสตราจารย์อาวุโสไวท์ นั่นทำให้เดวิดตัดสินใจเดินทางไปที่ตระกูลฮันเตอร์ แทนที่จะมายังที่นี่ทันทีหลังจากออกมาจากสนามรบโบราณได้ การช่วยเหลือแลกเปลี่ยนไม่ประสบความสำเร็จ เขาไม่รู้ว่าอาจารย์ของตัวเองยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว แต่จากข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้ ถ้าอาจารย์ไวท์ยังมีชีวิตอยู่ เขาน่าจะมีโอกาสนี้ออกมาเองได้อย่างแน่นอน เหตุผล!? จ้าวมังกรเสียชีวิตลงไปแล้ว! ไม่ว่าจะเป็นเพราะจากการโจมตีของเดวิด หรือจากการผิดคำสาบานในการสังหารเขา และเมื่อเป็นอย่างนั้น! ตระกูลรีดราโกต้องเสื่อมกำลังจนตาแก่บ้านั่นหนีออกมาได้เองแน่!
หลังจากที่เปิดช่องว่างมิติเทเลพอร์ตพาตัวเองหนีออกมาจากการไล่ล่าของอาร์คฮันเตอร์ได้ เดวิดก็มุ่งหน้าเดินทางมายังที่นี่อย่างรวดเร็ว การล้างแค้นของลูกผู้ชาย! เหมือนกับที่จอมยุทธในนิยายกำลังภายบนโลกใบเก่ากล่าวเอาไว้ ใช้เวลา 10 ปีก็ยังไม่สายเกินไป เขาจะกลับมาแน่! แค่ของให้แข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้ก่อนเท่านั้น
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเดวิดถูกส่งกระจายออกไปตรวจสอบทั่วบริเวณอย่างละเอียด คิ้วของเขาขมวดแน่นติดกันอย่างครุ่นคิด ดินแดนหมื่นอสูรได้ชื่อว่าเป็นแหล่งพำนักอาศัยของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่ทรงพลัง แต่ทำไมตัวเองถึงไม่สามารถสัมผัสได้เลยแม้แต่น้อย? ทั้ง ๆ ที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้มีระยะทำการที่หวังผลได้หลายสิบกิโลเมตร
และที่แปลกยิ่งไปกว่านั้น ความรู้สึกลึก ๆ บอกกับเดวิดว่าตัวเองกำลังถูกใครบางคนจับตามองอยู่ แม้ว่าจะสัมผัสได้อย่างเลือนรางมาก แต่เขาก็มั่นใจว่ามันมีอยู่จริง คลื่นทำลายล้างถูกส่งกระจายออกไปทั่วร่างกายเพื่อทำลายพลังงานแปลกปลอมที่อาจจะตกค้างอยู่เป็นระยะ
หลังจากที่ไม่สนใจคำต่อรองของซากศพครึ่งเทพจอมพูดมากและยัดมันกลับเข้าไปที่โลกใบเล็ก เดวิดก็เงยหน้าขึ้นเพื่อกำหนดทิศทางในการสำรวจของตัวเองอย่างคร่าว ๆ
“เฮเซล! เธอยังใช้ความสามารถของป้ายประจำตัวได้มั้ย ถ้าทำได้ เปิดโปรแกรมตรวจจับสิ่งมีชีวิตให้ที! แล้วก็เปิดโปรแกรมตรวจจับคลื่นพลังงานที่เพิ่งติดตั้งไปใหม่นั่นด้วย ค้นหาและระบุคลื่นพลังงานรอบ ๆ บริเวณอย่างให้ละเอียดที่สุด”
ป้ายประจำตัวของทางสถาบัน!? มันถูกทำลายลงไปพร้อมกับแขนซ้ายของเขา แต่นั่นเป็นหลังจากที่เฮเซลย้ายข้อมูลทั้งหมดของตัวเองเข้าไปสู่โลกใบเล็กภายในสำเร็จแล้ว เดวิดไม่แน่ใจนักว่าเมื่อไม่มีชิ้นส่วนอุปกรณ์ฝังอยู่ในข้อมือซ้ายของตัวเองอีก AI ของเขาจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิมหรือไม่!
“ยังทำได้อยู่! ฉันเปิดโปรแกรมสำหรับการตรวจสอบระบบแล้ว แต่ดูเหมือนว่าระยะทำการจะครอบคลุมแค่ไม่ถึง 10 กิโลเมตรเท่านั้น นายต้องเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ เพื่อขยายขอบเขตด้วยตัวเอง” เสียงอันราบเรียบไร้ความรู้สึกดังขึ้นมาในหัวเช่นเคย
“อืม! แยกประเภทคลื่นพลังออกมาให้ชัดเจนด้วยล่ะ ตั้งเป้าไปที่คลื่นพลังที่มีลักษณะใกล้เคียงกับคลื่นมิติเป็นหลัก ฉันคิดว่าไอ้ประตูท่องดาวอะไรนั่นต้องปล่อยคลื่นมิติออกมาบ้างอย่างแน่นอน”
หลังจากที่กล่าวจบ เดวิดก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างไม่รอช้า ทิศทางที่เลือกใช้คือการเคลื่อนที่เป็นวงกลมที่ขยายขนาดออกไปเรื่อย ๆ เขาหวังว่าเจ้าครึ่งเทพปากมากที่เหลือแต่หัวจะจำสถานที่ได้ไม่ผิด และหวังว่าที่ไม่สามารถสัมผัสถึงสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ได้ มันเป็นเพราะที่นี่คือเขตหวงห้าม! ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็ค่อนข้างจะสมเหตุสมผลขึ้นมาไม่น้อย และมีโอกาสสูงที่บริเวณใกล้ ๆ กันนี้จะมีสิ่งสำคัญอย่างประตูท่องดาวซ่อนตัวอยู่จริง ๆ
“หยุดก่อน! มีคลื่นพลังของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ นายถูกล้อมแล้ว คลื่นพลังมุ่งมาจากทั้ง 4 ทิศเลย”
“หืม? ถูกล้อม!? แข็งแกร่ง!? ไอ้แข็งแกร่งที่ว่านะระดับไหนกัน?” เดวิดหัวเราะถามออกมาเบา ๆ ก่อนจะส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองออกไปบ้าง
“น่าจะอยู่ที่ระดับอาตมันชั้นสมบูรณ์ แต่นายคงไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นตอนนี้หรอกใช่มั้ย?” เสียงในหัวดังตอบกลับมาอย่างทันควัน
เดวิดขมวดคิ้วแน่นแล้ว เฮเซลพูดถูก! เขายังไม่รู้ถึงสถานการณ์ของที่นี่แน่ชัดนัก ดินแดนหมื่นอสูรแห่งนี้ แม้แต่ครึ่งเทพจาก 9 ตระกูลใหญ่ยังไม่กล้าเข้ามาเคลื่อนไหวอย่างผลีผลาม มันคงจะไม่ฉลาดนักหากจะทำอะไรที่อาจจะไปกระตุ้นความสนใจของตัวตนที่มีพลังระดับครึ่งเทพในป่าแห่งนี้ แม้ว่าเดวิดจะไม่กลัวการปะทะกับครึ่งเทพอีก แต่เลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยงมิใช่หรือ?
.....
“เจอแล้ว! ภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่ด้านหน้านั่น! มันมีคลื่นมิติส่งออกมาลาง ๆ บางทีประตูท่องดาวอาจจะอยู่ในนั้นก็ได้”
ดวงตาของเดวิดทอเป็นประกายออกมา ในที่สุดก็มีข่าวดีแล้ว! เขาใช้เวลาเกือบ 2 วันที่ผ่านมาเคลื่อนตัวไปทั่วผืนป่าด้วยวิธีการดำดิน และโผล่ขึ้นมาตรวจสอบตามจุดต่าง ๆ อยู่เป็นระยะ มันเป็นการกระทำที่ค่อนข้างจะน่าเบื่อหน่าย แต่ในที่สุดมันก็ประสบผลสำเร็จจนได้ เดวิดเงยหน้าจ้องไปยังภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวัง ภูเขาลูกนี้น่าจะมีอาณาบริเวณอยู่เกือบ 50 ตารางกิโลเมตร ฐานเบื้องล่างค่อนข้างจะแผ่กว้าง แต่ความสูงมีเพียงแค่ไม่ถึง 5 กิโลเมตรเท่านั้น พื้นที่เพียงแค่นี้เขาใช้เวลาตรวจสอบแค่ไม่ถึง 10 นาทีก็สามารถสำรวจได้ทั่วแล้ว
แต่ก่อนหน้านั้น! ดูเหมือนว่าเดวิดจะตั้งจัดการกับผู้ที่ติดตามไล่ล่ากับเขามาตลอด 2 วันนี้เสียก่อน แม้ว่าจะพยายามสลัดอีกฝ่ายให้หลุดด้วยการเคลื่อนที่อันลึกลับและรวดเร็วแค่ไหน แต่ทันที่ที่โผล่ขึ้นมาจากใต้ติดเพื่อตรวจสอบหาคลื่นพลัง สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ทั้ง 5 ตนนี้จะจับตำแหน่งของเดวิดได้และพุ่งเข้าหาอย่างทันควัน พื้นที่เพียง 50 ตารางกิโลเมตรไม่พอที่จะใช้ในการเล่นซ่อนแอบต่อไปอีก เขาคงต้องจัดการให้เรียบร้อยลงไปเสียที และหวังว่ามันจะไม่กระตุ้นความสนใจของตัวตนที่ทรงอำนาจกว่าเจ้า 4 ตัวนี้ให้ลงมือด้วยตัวเอง
เดวิดเหลียวมองดูรอบตัวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ผู้ไล่ล่าที่ปรากฏขึ้นมาตนแรกทางด้านหลังคืองูยักษ์เกล็ดสีดำที่มีขนาดลำตัวใหญ่พอ ๆ กับรถไฟทั้งขบวน ‘อนาคอนด้าทมิฬ’ ส่วนทางด้านซ้ายเป็นแมงมุมที่มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับรถถัง เขี้ยวที่ขยับเข้าหากันอย่างรวดเร็วมีของเหลวสีเขียวเข้มเคลือบเอาไว้ กลิ่นฉุนจนแสบจมูกโชยออกมาให้รับรู้ได้ หางแบบแมงป่องที่มีตาขอสีดำเงินถูกยกชู่ขึ้นอยู่เหนือศรีษะ ‘แมงมุมหางแมงป่อง’
‘หมีเกราะเหล็ก’ ปรากฏกายขึ้นมาจากทางด้านขวา ตัวของมันสูงราว ๆ ตึก 3 ชั้น ส่วนด้านหน้าคือวานรยักษ์ตัวหนึ่ง ลักษณะของมันไม่ได้ต่างไปจากกอริลลาธรรมดามากนัก ยกเว้นขนสีเงินที่ขึ้นปกคลุมบริเวณแผ่นหลังอยู่ ‘วานรยักษ์ขนเงิน’ ตัวนี้มีความสูงเพียงแค่ 5 เมตรเท่านั้นเอง...