ตอนที่ 16 : กรงเล็บสายฟ้า(2)
“พรสวรรค์ของจิ้งจอกเพลิงตัวนี้ไม่ใช่แค่สูงมากเท่านั้นนะ แต่มันอยู่ในระดับที่น่าสะพรึงกลัวเลยต่างหากล่ะ!”
มันไม่เพียงแต่มันจะเรียนรู้ท่ากรงเล็บสายฟ้าได้หลังจากที่ดูไปได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ที่สําคัญกว่านั้น พลังของการโจมตีของมันได้ไปถึงระดับการปลุกพลังขั้น 7 ไปแล้ว!
สําหรับสัตว์วิญญาณที่มีระดับปลุกพลังขั้น 5 เพื่อให้บรรลุถึงระดับนี้ได้ ความสามารถในการใช้กรงเล็บสายฟ้าของพวกมันจะต้องอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญแล้ว!
"หงิง!"
ความรู้สึกจากการที่ใช้สกิลได้สำเร็จและได้รับคำชมนั้นของหลินหลานทําให้ เสี่ยวจูตื่นเต้นมาก มันแกว่งหางตัวเองไปมาอย่างควบคุมไม่ได้
เมื่อก่อน ฉากแบบนี้จะปรากฏแค่ในฝันของมันเท่านั้นแหละ
มันสมเหตุสมผลแล้วที่ท่านปรมาจารย์ยอมรับพรสวรรค์ของเด็กคนนี้!
หุหุ ขยะไร้ประโยชน์ตัวนี้จะเริ่มเอาคืนบ้างแล้วล่ะนะ!
"ทําได้ดีมาก!"
เฉินโม่รู้อยู่แก่ใจว่าความเชี่ยวชาญในการใช้กรงเล็บสายฟ้าของเสี่ยวจูนั้นเพิ่งอยู่ในระดับเริ่มต้นเท่านั้น แต่เป็นเพราะเอฟเฟกต์เสริมของ [ราชาแห่งสายฟ้า] ต่างหาก ที่ทำให้มันสามารถแสดงผลงานได้ดีขนาดนี้
แต่ถึงกระนั้น ความเร็วของเสี่ยวจูในการเรียนรู้สกิลต่างๆก็ยังทําให้เขาประหลาดใจ
หลังจากที่หลินหลานแก้ไขข้อบกพร่องเล็กน้อยในกระบวนการรวบรวมพลังจิตวิญญาณของเจ้าจิ้งจอกเพลิงแล้ว เขาก็แสร้งทําเป็นสงบและผละไปแนะนําสมาชิกคนอื่น ๆต่อ
เขาต้องอดทนอดกลั้นและระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพื่อประคองสติตัวเองให้สามารถสอนนักเรียนคนอื่นๆได้
จะเห็นได้ว่าพี่หลินคนนี้เป็นครูที่ดี ถึงเขาจะมีใบหน้าที่เย็นชาแต่หัวใจของเขากลับอบอุ่นมาก
เสี่ยวจูยังคงฝึกฝนกรงเล็บสายฟ้าอีกครั้ง หลังจากที่พลังจิตวิญญาณของมันหมดลง มันก็เริ่มฝึกต่อในทันที
พลังจิตวิญญาณที่ไหลเวียนอยู่ที่นี่ก็เหมือนๆกับที่ไหลเวียนอยู่ที่สนามฝึกด้านใน มันมีพลังจิตวิญญาณไหลเวียนอยู่มากมายเป็นพิเศษ และความเร็วในการดูดซับพลังจิตวิญญาณก็จะเร็วขึ้นกว่าเดิมในทุกๆครั้งที่พลังจิตวิญญาณของผู้ฝึกหมดลง
หลังจากชั้นเรียนนี้จบลง ความสามารถของเสี่ยวจูในการใช้กรงเล็บสายฟ้า ก็ได้มาถึงระดับผู้เชี่ยวชาญแล้ว ซึ่งนี่มันน่าทึ่งมาก
หลังจากย้ายการเรียนการสอนไปยังชั้นเรียนภาคปฏิบัติ
ที่ตั้งของชั้นเรียนนี้คือในสนามฝึกชั้นใน แต่ครูที่สอนนั้นก็ยังคงเป็นพี่หลินหลานตามเดิม
เพราะตอนนี้ มีศิษย์สายตรงประจำการไม่มากนัก
แม้ว่าในวันก่อนเรียน เฉินโม่จะเห็นรุ่นพี่ฉีพิน
แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม เขาดูง่วงนอนตลอดเวลา หลังจากทักทายเฉินโม่เสร็จ เขาก็เดินไปหามุมๆหนึ่งและ "นอนหลับ" ในทันที
“คลาสที่ได้ฝึกปฏิบัติจริงงั้นหรอ มาดูกันสิว่า ครั้งนี้เราจะทำภารกิจ [อ่อนสู้แข็ง] ได้สําเร็จหรือไม่?” เฉินโม่มีความคาดหวังในใจ
แม้ว่าเสี่ยวจูจะไม่เคยต่อสู้ในสถานการณ์จริงเลยจนถึงตอนนี้ แต่ด้วยการป้องกันที่สูงมากและกรงเล็บสายฟ้าระดับผู้เชี่ยวชาญของมัน เขาคิดว่ามันมีโอกาสที่จะสู้กับสัตว์วิญญาณระดับพิเศษขันที่ 1 ได้
หลังจากเริ่มชั้นเรียนภาคปฏิบัติ หลินหลานก็ไม่ได้พูดถึงความรู้ทางทฤษฎีมากเกินไปนัก เพราะทุกคนมีรูปแบบการต่อสู้ที่แตกต่างกันและควรทบทวนทฤษฎีหลังจากการต่อสู้จริงจะดีกว่า
นอกจากนี้ สไตล์การต่อสู้ของยิมอัสนีบาตนั้นชัดเจนมาก ความมุทะลุ!
อาศัยความเร็วที่เร็วมากและพลังระเบิดขั้นสุดเพื่อฆ่าคู่ต่อสู้ในการโจมตีเดียว
กลยุทธ์อะไร? ไม่มีหรอก!! นั่นแหละคือความมุทะลุ!
“ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มจับคู่กันก่อน แล้วคนที่เหลือก็จะเป็นผู้ชม! หวังปิง นายคนแรก!” หลินหลานพูดกับนักเรียนคนหนึ่ง
ชายที่ชื่อหวังปิงยืนขึ้น สัตว์วิญญาณของเขาคือบวบอสนี ระดับพิเศษขั้น 1
เฉินโม่หยิบสร้อยข้อมือของปรมาจารย์วิญญาณออกมา และเริ่มสแกนเพื่อดูข้อมูลของมัน จากนั้นหน้าจอแสงก็ปรากฎออกมาเหนือสร้อยข้อมือ มันแสดงข้อมูลพื้นฐานของบวบอสนี
…
[ชื่อสัตว์วิญญาณ: บวบอสนี]
[ศักยภาพ: ระดับพิเศษขั้น 9]
[คําอธิบาย: สัตว์วิญญาณที่คล้ายพืชชนิดหนึ่ง ทั้งตัวและผิวของมันจะมีพลังงานสายฟ้าที่ทรงพลังไหลเวียนอยู่ พวกมันมักจะอาศัยอยู่เป็นกลุ่มในพื้นที่ที่มีฟ้าร้องและฟ้าผ่าหนาแน่น ]
"ใครเต็มใจที่จะสู้กับหวังปิงบ้าง" หลินหลานถามความสมัครใจก่อน
จากนั้น หญิงสาวที่มีรูปร่างผอมและมีกระที่ใบหน้าคนหนึ่งก็ยกมือขึ้น
สัตว์วิญญาณของเธอคือ ผีเสื้ออสนี ซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ มันมีลําตัวสีม่วงเข้ม มีเส้นสายฟ้ากะพริบยามที่ปีกของมันกระพือขึ้นลง นอกจากนี้มันยังอยู่ในระดับพิเศษขั้นที่ 1 อีกด้วย
สัตว์วิญญาณทั้งสองต่างชำนาญในการโจมตีระยะไกล ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องแข่งขันกันก็คือความแม่นยําในการใช้สกิลและทักษะทางร่างกาย
ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น สัตว์วิญญาณทั้งสองก็เริ่มรวบรวมพลังจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าในแกนคริสตัลอย่างรวดเร็ว
บูม!
บูม!
สายฟ้าสีเงินและสีม่วงพุ่งออกมาเกือบจะในเวลาเดียวกัน
เกิดเป็นเสียงดังสนั่นแบบเดียวกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของสัตว์วิญญาณธาตุสายฟ้าได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการตอบสนองของสัตว์วิญญาณทั้งสองนั้นเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ พวกมันฉีกตัวหลบสายฟ้าของอีกฝ่ายได้ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่มันจะมาถึงตัว
รูปแบบการต่อสู้ของสัตว์วิญญาณทั้งสองนั้นคล้ายคลึงกันมาก หลังจากหลบหลีก การแลกเปลี่ยนที่ดังสนั่นรอบใหม่ก็เริ่มขึ้น
บูม!
บูม!
เสียงฟ้าร้องที่คํารามอยู่บนเวทีนั้นเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด
ในท้ายที่สุด บวบอสนีก็ทำผลงานออกมาได้ดีกว่า มันประสบความสําเร็จในการเอาชนะร่างเงาของผีเสื้ออสนีด้วยสายฟ้าคู่ และสามารถโจมตีโดนร่างหลักของผีเสื้ออสนีได้สำเร็จ จนเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะไป
ในการต่อสู้ระหว่างสัตว์วิญญาณ ผลลัพธ์มักจะถูกกําหนดภายในการโจมตีเดียว!
หลังจากที่ทั้งสองก้าวลงจากเวที ผลการประลองก็ได้ถูกประกาศออกมา
ในขณะเดียวกัน ผู้ท้าประลองรายใหม่อีกสองคนก็ได้เดินขึ้นไปบนเวทีแล้ว
นักเรียนคนต่อๆไปที่ขึ้นเวทีล้วนแต่เป็นปรมาจารย์วิญญาณฝึกหัด และระดับสัตว์วิญญาณของพวกเขาก็อยู่ที่ระดับปลุกพลังเท่านั้น ผีเสื้ออสนีและบวบอสนีในรอบแรกนั้นถือได้ว่าเป็นสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว
เฉินโม่ให้เจ้าจิ้งจอกเพลิงดูทุกการประลองอย่างระมัดระวัง การต่อสู้ของปรมาจารย์วิญญาณคนอื่น ๆ ย่อมเป็นประโยชน์สําหรับในการต่อสู้ของพวกเขาต่อจากนี้อย่างแน่นอน
ในไม่ช้า คนส่วนใหญ่ก็เสร็จสิ้นการต่อสู้ไปคนละรอบแล้ว
หวังปิงซึ่งเป็นผู้ท้าประลองในรอบแรกอาสาลงมาสู้อีกครั้งหนึ่ง บวบอสนีของเขาฟื้นตัวจนเกือบจะสมบูรณ์แล้ว เขาจึงอยากจะเริ่มการต่อสู้ครั้งที่สอง
"มีใครเต็มใจที่จะสู้กับเขาไหม?" หลินหลานถามคำถามเดิม แต่คราวนี้กลับไม่มีใครยกมือขึ้นเลย
ผีเสื้ออสนีของหญิงสาวคนก่อนหน้านี้ยังคงฟื้นตัวอยู่เลย สําหรับสัตว์วิญญาณตัวอื่นๆ พวกมันอยู่ในระดับปลุกพลังเท่านั้น มันมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างระดับพลังที่แตกต่างกัน พวกเขาคงจะถูกทารุณกรรมแน่ๆหากยังอยากจะขึ้นไปลองดี
"ผมครับ ผมครับ!" ในเวลานั้นเองที่เฉินโม่เดินออกมาจากฝูงชน
~เรื่องนี้จะติดเหรียญตอนที่ 31 เป็นต้นไปนะคะ~