ตอนที่ 15 : กรงเล็บสายฟ้า
จู่ๆ ข้อความสีเขียวก็แตกกระจาย และรวมตัวกันใหม่อีกครั้งเป็นข้อความสีน้ําเงินแทน
…
[อ่อนสู้แข็ง] (สีน้ําเงิน)
เอาชนะสัตว์วิญญาณระดับพิเศษให้ได้
เอฟเฟกต์ [อ่อนสู้แข็ง] : เมื่อเผชิญกับสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าตัวคุณเอง คุณจะไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันของพวกมัน เมื่อต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าคุณ จิตวิญญาณการต่อสู้ของคุณจะเพิ่มสูงขึ้น และสมรรถภาพทางกายของคุณก็จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
…
"เยี่ยม!"
เอฟเฟกต์ "[อ่อนสู้แข็ง] " และ "[เผ็ดลิ้นชา]" ฟังดูดีทั้งคู่เลย แต่ถ้าต้องเลือกหนึ่งจากในสองนี้ เฉินโม่ก็ยังคงเลือก "[อ่อนสู้แข็ง]" อยู่ดี
นอกจากปัญหาด้านการเงินและความยากในการท้าทายแล้ว ในระยะยาว [อ่อนสู้แข็ง] จะต้องมีประโยชน์มากกว่านี้อย่างแน่นอน
ภารกิจที่ช่วยพัฒนาความสามารถแบบก้าวกระโดดเป็นมาตรฐานสำคัญของเหล่าตัวเอก!
เพราะเขาเป็นผู้ที่เดินทางข้ามกาลเวลามา จึงทำให้เฉินโม่คิดว่าตัวเองเป็นตัวเอกไปโดยอัตโนมัติ
หลังจากฝึกซ้อมอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเวลาใกล้จะหมดแล้ว เฉินโม่ก็พา จิ้งจอกเพลิงไปยังที่สนามฝึกสอนกลางแจ้งที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก
ตามตารางเรียน ครูสําหรับชั้นเรียนแรกในตอนเช้าคือพี่หลินหลานจากยิมอสนีบาต
ฉีเหล่ย ซึ่งเป็นเจ้าของโรงยิมไม่ค่อยได้เข้ามาสอนมากนัก ชั้นเรียนส่วนใหญ่จึงรับผิดชอบโดยลูกศิษย์ของเขา
เวลา 8:25 น. ชายร่างผอมสูงสวมเครื่องแบบฝึกสอนสีขาวเดินไปที่แผนกต้อนรับ
ชายคนนั้นมีอายุประมาณ 40 ปี ใบหน้าของเขาดูซูบเซียวเล็กน้อย แต่ดวงตาของเขากลับกระจ่างใสเป็นพิเศษ
เขาคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากรุ่นพี่อาวุโส หลินหลาน ที่เขาเคยพบครั้งหนึ่งแล้วที่โรงยิมเมื่อวานนี้
"ไม่ต้องพูดให้มากความ เรามาเริ่มบทเรียนของวันนี้กันเถอะ" หลินหลานกล่าว
"สัตว์วิญญาณสายฟ้าขึ้นชื่อเรื่องความเร็วและพลัง และที่ยิมอสนีบาตของเราก็ได้พัฒนาสิ่งนี้ไปจนถึงขีดสุด เราจะเค้นพลังงานทั้งหมดออกมาเพื่อฆ่าคู่ต่อสู้ในทันที ดังนั้นการโจมตีและความเร็วจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ วันนี้ที่ฉันจะสอนนายก็คือการเคลื่อนไหวธาตุสายฟ้าระดับต่ำ กรงเล็บสายฟ้า"
“กรงเล็บสายฟ้าในปัจจุบันเป็นเวอร์ชั่นที่ปรับปรุงแล้วของสกิลกรงเล็บสายฟ้าในอดีต เมื่อเทียบกัน มันจะมีความเร็วในการโจมตีที่มากกว่าและทรงพลังกว่าเดิม! ดังนั้น เมื่อปล่อยกรงเล็บสายฟ้าออกมาแล้ว จะต้องตั้งสมาธิอย่างรวดเร็ว! ห้ามลังเลเด็ดขาด!”
หลินหลานอธิบายความรู้ทางทฤษฎีในการใช้กรงเล็บสายฟ้าเป็นครั้งแรก เมื่อเห็นว่าทุกคนดูเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่ได้เข้าใจ เขาจึงอธิบายอีกครั้ง
“ฉันจะขอให้ไป๋จูมาสาธิตให้ทุกคนเห็นสักครั้งสองครั้งก็แล้วกัน”
วงแหวนอัญเชิญสีทองปรากฏขึ้นที่ฝ่าเท้าของหลินหลาน จากนั้นชายตัวใหญ่ก็ออกมาจากมัน
สัตว์วิญญาณตัวที่หลินหลานเรียกว่า ไป๋จู นั้นก็คือ จิงเฉ๋อ มันมีรูปร่างเหมือนเสือไม่ก็เสือดาว มีขนสีทองและรอยสีน้ําตาลเข้มบนลําตัว แต่มันมีขนาดใหญ่กว่าเสือทั่วไปมาก มีความสูงมากกว่า 2 เมตร แม้ว่ามันจะยืนอยู่เฉยๆ ก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับภูเขาลูกย่อมๆ ซึ่งทําให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกกดดันได้อย่างง่ายดาย
"หงิง!" เจ้าจิ้งจอกเพลิงเองก็รู้สึกประหม่ามาก
แม้ว่าจิงเฉ๋อจะไม่ได้จงใจปล่อยแรงกดดันออกมา แต่ออร่าของมันก็ยังสามารถกดข่มสัตว์วิญญาณตัวอื่นได้อยู่ดี
ดูแล้ว จิงเฉ๋อตัวนี้น่าจะเป็นสัตว์วิญญาณระดับผู้บัญชาการ
เฉินโม่สแกนข้อมูลด้วยสร้อยข้อมือของเขา—
…
[ชื่อสัตว์จิตวิญญาณ: จิงเฉ๋อ]
[ระดับการเติบโต: ระดับผู้บัญชาการขั้น 7]
[ศักยภาพ: ระดับผู้บัญชาการขั้น 9]
[คําอธิบาย: สัตว์ร้ายวิญญาณธาตุสายฟ้า มันมีความเร็วและพลังโจมตีที่สูงมาก มันเป็นนักล่าโดยธรรมชาติ จิงเฉ๋อมีความรู้สึกที่แข็งแกร่งในการปกป้องอาณาเขตและจะโจมตีสิ่งมีชีวิตใด ๆ ก็ตามที่บุกรุกเข้าไปในอาณาเขตของพวกมัน]
…
จิงเฉ๋อหันหน้าไปยังฝูงชนและคำรามออกมา
โฮกกกกกก!!!!!!
วินาทีถัดมา สายฟ้าสีทองก็พัวพันอยู่รอบกรงเล็บของมัน ก่อนที่กรงเล็บนั้นจะพุ่งลงมาสู่พื้น ทันทีที่มันแตะพื้น จู่ๆ ลำแสงสีทองก็ระเบิดออกเป็นสายฟ้าแพรวพราว
เนื่องจากเป็นแค่การสาธิต จิงเฉ๋อจึงใช้กรงเล็บสายฟ้าของเธออย่างช้าๆเพื่อให้สัตว์วิญญาณตัวอื่นๆ สามารถมองเห็นวิธีการใช้งานของพลังธาตุสายฟ้าและกระบวนการทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
"พวกนายเข้าใจรึเปล่า?"
นักเรียนและสัตว์วิญญาณด้านล่างจ้องกลับมาที่เขา ด้วยตากลมโตที่แฝงไปด้วยความสับสน
ต้องบอกว่า สมองมันเข้าใจ แต่ร่างกายกลับไม่ยอมให้ความร่วมมือล่ะมั้ง
หรือบางทีฉันแค่ไม่เข้าใจว่าที่อยู่ในหัวของฉันตอนนี้มันคืออะไรกันแน่
"เสี่ยวจู เธอเข้าใจไหม?" เฉินโม่เองก็สับสนเช่นกัน
"หงิง?" (มันก็ดูไม่ยากไม่ใช่หรอ?)
เจ้าจิ้งจอกน้อยเอียงศีรษะและตอบออกมาอย่างไม่แน่ใจนัก
“ทุกคน ให้สัตว์วิญญาณของพวกนายลองเคลื่อนไหวดู แล้วฉันจะชี้จุดบกพร่องให้ทีละคน!”
เมื่อเห็นว่าคนส่วนใหญ่กำลังสับสน หลินหลานก็อ้าปากและพูด เขาเดินไปหานักเรียนในคลาสและเริ่มแนะนําพวกเขาทีละคนด้วยความอดทน
“วิธีการรวบรวมพลังจิตวิญญาณของนายมันผิด กรงเล็บสายฟ้าเป็นการห่อหุ้มพลังทางจิตวิญญาณเอาไว้ระหว่างกรงเล็บแล้วค่อยส่งมันให้ระเบิดออกไปใส่คู่ต่อสู้ ไม่ใช่ปล่อยมันออกมาโดยตรง!”
“การเคลื่อนไหวของสัตว์วิญญาณของนายเกือบจะถูกต้องแล้ว แต่การรวบรวมพลังจิตวิญญาณยังใช้ไม่ได้และมันยังไม่เพียงพอ นายต้องฝึกฝนให้มากกว่านี้!”
หลินหลานไล่สอนพวกเขาไปทีละคนๆ ในไม่ช้า ก็ถึงคราวของเฉินโม่ เมื่อเขาเห็นจิ้งจอกเพลิงดวงตาของเขาก็จริงจังมากขึ้น
‘นี่น่าจะเป็นเด็กที่อาจารย์พูดถึงเมื่อวานนี้’ เมื่อคืนนี้ ปรมาจารย์ฉีบอกให้เขาจับตาดูเด็กคนนี้เป็นพิเศษ
นอกจากการสังเกตความสามารถของเจ้าจิ้งจอกเพลิงแล้ว เขายังต้องใส่ใจกับความประพฤติของเฉินโม่อีกด้วย
หากไม่มีอะไรผิดพลาด เฉินโม่มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นน้องชายคนต่อไปของพวกเขา
"เสี่ยวจู กรงเล็บสายฟ้า!" เฉินโม่ออกคำสั่ง
"หงิง!" เสี่ยวจูนึกถึงการสาธิตของจิงเฉ๋อก่อนหน้านี้
วินาทีถัดมา เส้นโค้งสีม่วงของธาตุสายฟ้าก็พุ่งออกมาจากกรงเล็บของเจ้าจิ้งจอกเพลิง ทันใดนั้นมันก็ตวัดกรงเล็บอย่างรวดเร็ว ราวกับพระจันทร์เสี้ยวสีม่วง
ตูม!
ทันทีที่มันกระแทกพื้น แสงสีม่วงก็ระเบิดออก และปรากฎเป็นรอยแตกขนาดใหญ่บนพื้น
หลินหลาน “???”
"สัตว์วิญญาณของนายเคยเรียนรู้กรงเล็บสายฟ้ามาก่อนรึเปล่า?"
“ไม่ครับ นี่เป็นครั้งแรก แต่สกิลที่เธอได้รับมาตอนปลุกพลังก็คือกรงเล็บสายฟ้านี่ อาจจะเป็นเพราะแบบนั้นก็ได้ครับ”
เฉินโม่เองก็ตกใจเหมือนกัน ความเข้าใจของเสี่ยวจูอยู่ในระดับที่ผิดปกติหรือเปล่า?
นี่เป็นเสี่ยวจูตัวเดียวกับที่ไม่แม้แต่จะเสกประกายไฟได้จริงหรอ?
เป็นไปได้ไหมว่าเพราะเอฟเฟกต์ของ [ราชาแห่งสายฟ้า] ไม่เพียงแต่จะทําให้ เสี่ยวจูมีพรสวรรค์ธาตุสายฟ้าเท่านั้น แต่มันยังช่วยให้เธอมีความสามารถในการเรียนรู้ของธาตุสายฟ้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย?
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง - ความสามารถในการเรียนรู้สกิลต่างๆถือเป็นพรสวรรค์ประเภทหนึ่งด้วยหรือเปล่า?
“ถ้าอย่างนั้นพรสวรรค์ของสัตว์วิญญาณของนายก็สูงมาก” หลินหลานตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพึมพำออกมาเงียบ ๆ
ใบหน้าของเขาดูสงบก็จริง แต่จิตใจของเขาไม่ได้สงบไปด้วยเลย